ศูนย์ติดตามการชุมนุมพันธมิตรฯ ยึดทฤษฎี “ไม่รู้ ไม่เห็น ไม่ได้ยิน” เสียงเรียกร้อง เพิ่งตื่นอ้างต้องเร่งแก้ปากท้อง ตัวใครตัวมันใครถูกพาดพิงให้แจ้งความดำเนินคดีเอาเอง “เด็กเนวิน” ยืนกรานอ้างเอกสิทธิ์ ส.ส.ยื่นแก้ รธน.ไม่เกี่ยวมติพรรค
วันนี้ (30 มิ.ย.) เมื่อเวลา 13.30 น.ที่พรรคพลังประชาชน คณะทำงานศูนย์ติดตามและวิเคราะห์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ได้ร่วมแถลง โดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน คณะทำงานศูนย์ติดตามฯ และวิเคราะห์ฯ กล่าวว่า เราเห็นด้วยที่ไม่ใช้กำลังปราบปรามการชุมนุมของพันธมิตรเพื่อประชาธิปไตยเพราะการชุมนุม เมื่อไม่มีปราบ เป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุด หลังจากนี้พันธมิตรฯ จะกดดันตนเองเพราะการเรียกร้องกลายเป็นเรื่องไร้เหตุผลและไม่มีที่สิ้นสุด เนื่องจากกรณีแก้ไขรัฐธรรมนูญ และกรณีนายจักรภพ เพ็ญแข ได้หมดไปแล้ว
“หน้าที่ของรัฐบาลคือทำงาน รัฐบาลต้องทำ ไม่รู้ ไม่เห็น ไม่ได้ยิน ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเจ้าหน้าที่ตำรวจไปดำเนินการ หากรัฐบาลมาสนใจพันธมิตรฯ ก็จะไม่เป็นอันแก้ปัญหาปากท้อง จากนี้ไปถ้าหากพันธมิตรฯ พูดพาดพิงใคร ก้าวล่วงถึงใครเสียหายก็ไปแจ้งความดำเนินคดีไป ยิ่งนานก็ยิ่งกดดันพันธมิตรฯ อย่าปักหนามขวางตัวเอง” นายจตุพร กล่าว
นายจตุพร กล่าวเชื่อว่า แม้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี จะลาออก พันธมิตรฯ ก็จะมีการเรียกร้องไม่สิ้นสุด เพราะต้องการสลับขั้ว คิดได้แต่เป็นไปไม่ได้ ดึงพรรคร่วมไปรวมกับพรรคประชาธิปัตย์ จะมีเสียงเกินแค่ 7 เสียง หากมีอภิปรายรัฐมนตรี จะไม่มีสิทธิ์โหวต ก็จะทำให้เป็นรัฐบาลไม่ได้ ดังนั้น พรรคประชาธิปัตย์เลิกคิดเรื่องนี้ได้แล้วก็ระวังกรรมจะตามทัน เพราะทำไมรัฐบาล คมช.อยู่มา 15 เดือน แต่ทำไมพันธมิตรฯ กลับไม่ออกมาเลย แต่นี่รัฐบาลอยู่แค่ 3 เดือนกลับออกมาขับไล่ แล้วจะตั้งเป็นเมืองพันธมิตรฯ ไม่ขึ้นตรงกับรัฐบาลไทย แต่วิธีคิดอันนี้อันตรายมาก เหมือนเป็นเขตปลดปล่อยซึ่งไทยควรมีหรือเปล่า ยิ่งนานวันพันธมิตรฯ ต้องการคิดการใช้กำลังไปปราบเพราะเป้าหมายต้องการให้มีการใช้ความรุนแรงให้เกิดการปฏิวัติแต่เมื่อแม่ทัพได้มีการเจรจาคุยกันก็มีความเข้าใจการปฏิวัติจะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
สำหรับคณะทำงานศูนย์ติดตามและวิเคราะห์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ประกอบด้วย 1.ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง 2.นายสุนัย จุลพงศธร 3.นายสามารถ แก้วมีชัย 4.นายศุภชัย โพธิ์สุ 5.นายไพจิต ศรีวรขาน 6.นายนิสิต สิธุไพร 7.นายสุทิน คลังแสง 8.นายสงวน พงษ์มณี 9.นายชวลิต วิชยสุทธิ์ 10.ร.ต.ท.เชาวรินทร์ ลัทธศักดิ์ศิริ 11.นายสุชาติ ลายน้ำเงิน 12.นายจตุพร พรหมพันธุ์ 13.นายชลน่าน ศรีแก้ว 14.นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล 15.นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ 16.นางฐิติมา ฉายแสง 17.นายดนุพร ปุณณกันต์ 18.นายศุภชัย ใจสมุทร 19.นายสมาน เลิศวงรัฐ 20.นายกมล บันไดเพชร 21.นายเรืองเดช เหลืองบริบูรณ์
นายนิสิต สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคพลังประชาชน กล่าวถึงกรณีที่นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รมว.ยุติธรรม และรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน รวมทั้ง ส.ส.พรรคส่วนหนึ่งออกมาระบุว่า พรรคไม่ได้มีมติในการล่าชื่อเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญรอบสองว่า ตนยอมรับว่าพรรคไม่ได้มีมติ เพราะพรรคไม่ได้มีการเรียกประชุมเรื่องนี้เพื่อขอมติ ความคิดเห็นนายสมพงษ์ และส.ส.ก็เป็นความคิดเห็นในมุมหนึ่ง แต่การยื่นแก้รัฐธรรมนูญเป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส. แต่เมื่อมีความเห็นที่ต่างกัน ก็ควรเรียกประชุมเพื่อหารือกันว่าจะมีการยื่นญัตติหลังการทำประชามติเสร็จสิ้นหรือจะเป็นแบบคู่ขนาน
เมื่อถามว่าผู้ใหญ่ในพรรคบางคนได้สั่งการให้รีบยื่นญัตติเพื่อแก้เกมกลุ่มพันธมิตรฯ นายนิสิต กล่าวว่า ไม่มีใครมาสั่งเราได้ การที่มี ส.ส.102 มาลงชื่อ เพราะเป็นข้อผูกพันของ ส.ส.ที่ประกาศไว้ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง รวมทั้งยังเป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส.