ลูกกรอกตั้งกลุ่มวอทช์ด็อกจับผิดพฤติกรรม ปชป.จับโยงแผนบันได 3 ขั้น อยู่เบื้องหลังพันธมิตรฯ ปลุกกระแสชาตินิยม บิดเบือนลงนามเขาพระวิหารเสียดินแดน จ้องโค่นรัฐบาล จวกอย่าตีสองหน้าให้เชื่อมั่นระบบรัฐสภา
วันนี้ (25 มิ.ย.) ส.ส.พรรคพลังประชาชน นำโดย นาย พีระพันธ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร นายสุรชัย โตวิจักชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ นายไพจิตร ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ นายพงศ์ศักดิ์ บุญศล ส.ส.สกลนคร นายศักดา คงเพชร ส.ส.ร้อยเอ็ด และนายดนุพร ปุณณกันต์ ส.ส.กทม.ได้ร่วมแถลงเปิดตัวคณะติดตามและตรวจสอบพฤติกรรมของพรรคประชาธิปัตย์ในการสนับสนุนกลุ่มพันธมิตรฯ (กลุ่ม WATCH DOG…ปชป.) ซึ่งประกอบด้วย ส.ส.พรรคพลังประชาชนจากทุกภาค
โดย นายพีระพันธ์ กล่าวว่า จากการติดตามและตรวจสอบพฤติกรรมของพรรคประชาธิปัตย์ ที่อาจร่วมมือกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย การเมืองนอกสภาล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง พฤติกรรมที่ผ่านมาอาจเชื่อว่าอยู่เบื้องหลังการใช้นอมินีพันธมิตรก่อความวุ่นวายนอกสภาพเพื่อไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จนกลายเป็นเงื่อนไขสู่การรัฐประหาร จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพรรคประชาธิปัตย์กำลังดำเนินการซึ่งเป็นพฤติกรรมเดิมที่เคยโค่นรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ
นายพีระพันธ์ กล่าวอีกว่า โดยมีแผนบันได 3 ขั้น คือ 1.ให้สมาชิกบางคนร่วมกับนอมินีพันธมิตรฯ ออกมาชุมนุมกดดัน และกล่าวหารัฐบาล ตั้งแต่เรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญจนมาถึงการบิดเบือนโกหกประชาชนกรณีเขาพระวิหาร ปลุกกระแสชาตินิยม 2.การยื่นญัตติไม่ไว้วางใจ เพื่อใช้สภาเป็นเครื่องมือกดดันให้นายกรัฐมนตรีลาออก และ 3.การสร้างความแตกแยกให้รัฐบาลโดยเชื่อว่ามีการสร้างกระแสบีบพรรคร่วมรัฐบาลให้ถอนตัวจากรัฐบาล และเปลี่ยนให้มาจับขั้วกับพรรคประชาธิปัตย์เพื่อให้พรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาล และให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี
นายพีระพันธุ์ กล่าวด้วยว่า กลุ่มวอทช์ด็อก ปชป.ได้ติดตามและตรวจสอบพฤติกรรมของพรรคประชาธิปัตย์ที่สนับสนุนกลุ่มพันธมิตรฯ ตามที่แกนนำหลายคนได้ปราศรัยบนเวทีพันธมิตรฯ มาแล้วหลายครั้ง วันนี้จึงขอตั้งคำถามไปยังหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ว่าหลังจากวันนี้จะเลิกทำตัวเป็นผู้อยู่เบื้องหลังกลุ่มพันธมิตรฯ ได้หรือไม่ ถ้าเชื่อมั่นในระบบรัฐสภาก็ต้องใช้รัฐสภาแก้ไขปัญหา ต่อจากนี้ถ้า ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ไปขึ้นเวทีนอกสภา หรือไปแอบบงการอยู่หลังเวทีพันธมิตรฯ นายอภิสิทธิ์จะกล้าประกาศ หรือไม่ว่าจะไม่ให้คนเหล่านี้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ของพรรคในการเลือกตั้งครั้งหน้า
ด้าน นายสุรพงษ์ ได้นำภาพถ่ายของ ส.ส.และอดีตผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้ไปร่วมชุมนุมและสนับสนุนกลุ่มพันธมิตรฯ โดยระบุ อาทิ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ส.ส.กทม. นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กทม.รวมถึงอดีตผู้สมัคร ส.ส. นายประพันธ์ คูณมี นายสำราญ รอดเพชร และมีภาพการนำรถน้ำของ กทม.นำมาบริการในการชุมนุม จึงอยากถามว่าการนำของหลวงมาใช้จะผิดกฎหมายหรือไม่ เป็นพฤติกรรมที่เห็นได้ชัดเจนในการสนับสนุนพันธมิตรฯ นอกจากนี้ พรรคประชาธิปัตย์ได้ร่วมกับพันธมิตรทำความเสียหายให้แก่ประเทศไทยผ่านมา 2 ปีมาแล้ว มีการชุมนุมจนมีการปฎิวัติ รวมถึงการชุมนุมครั้งนี้ ได้สร้างความแตกแยกและทำเศรษฐกิจพังหมดซึ่งจะได้พูดในการอภิปรายงบประมาณต่อไป
“พฤติกรรมของพรรคประชาธิปัตย์ที่ทำทั้งในสภาและนอกสภา เป็นพฤติกรรมตีสองหน้า ปากว่าตาขยิบรู้กัน ซึ่งนายอภิสิทธิ์มีความอยากความกระสันต์ที่จะเป็นนายกฯ ซึ่งประชาชนรู้ทัน ถ้านายอภิสิทธิ์อยากเป็นนายกฯก็ให้ทำประชามติถามประชาชนให้ชัด เรื่องจะได้จบไปเลย” นายสุรพงษ์ กล่าว
ขณะที่ นายพงศ์ศักดิ์ กล่าวเสริมว่า ช่วงการอภิปรายครั้งนี้ บรรดา ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ยังได้มีการเปิดช่องเอเอสทีวี ที่บริเวณชั้น 2 ของอาคารรัฐสภา และนั่งชมตลอดเวลา เชื่อว่ามีการเชื่อมข้อมูลกันตลอดเพราะข้อมูลที่มีการอภิปรายเป็นข้อมูลเดียวกับพันธมิตรฯ ซึ่งเห็นได้จากที่นายสำราญ รอดเพชร ได้พูดบนเวทีพันธมิตรฯ ว่าข้อมูลเขาพระวิหารที่ฝ่ายค้านนำอภิปรายเป็นข้อมูลจากพันธมิตรฯ ด้วย