มนต์เขมรยังขลัง “หมัก” ปิดตาเซ็นตั้ง “ชัย” นั่ง ปธ.วิป

นายกฯ จรดปากกา แต่งตั้งเลขา-ที่ปรึกษา รมต.ตามอัธยาศัย ไม่เห็นหัวรัฐมนตรี เปรียบบริหารบ้านเมืองแบบหนังตลกก่อนบ่านคลายเครียด เชียร์ “เหลิม” สุดลิ่ม ทนฟังคำวิจารณ์ในพรรคไม่เสียหลาย

วันนี้ (19 ก.พ.) นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมว่า การประชุม ครม.มีวาระการพิจารณา 2 เรื่อง เสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งต้องขออภัยครม.ทุกคนที่ยังไม่ได้รับทราบรายชื่อเลขานุการรัฐมนตรี และที่ปรึกษารัฐมนตรี แต่ตนได้ทราบและลงนามไปแล้ว เมื่อเสร็จสิ้นคงจะมีการรายงานให้ ครม.ทุกคนทราบต่อไป ขณะนี้รายชื่อมีการแก้ไขนิดหน่อย อันที่จริงยังไม่ได้แก้ไขอะไรเลย

เมื่อถามถึงการสรรหา ส.ว.คิดว่าหน้าตาดีหรือไม่ นายสมัคร กล่าวปฏิเสธว่า ไม่กล้าวิจารณ์ ไม่ต้องถามอีก เห็นแล้วเมื่อวานเขาส่งให้ที่สภา ตนนั่งอ่านแล้วก็ทำหน้าเฉยๆ

เมื่อถามว่า จัดตั้งทีมโฆษกและรองโฆษกเมื่อไหร่ นายสมัคร กล่าวว่า เรียบร้อยคอยดูหลังจากนี้โฆษกรองโฆษกมีครบถ้วนหมด เมื่อถามว่า เปิดเผยทีมงานโฆษกได้หรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า ขอขอบคุณรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ (นายจักรภพ เพ็ญแข) ที่ทำหน้าที่โฆษกไว้ให้เป็นการชั่วคราว เมื่อมีโฆษกใหม่มาแล้ว ท่านจะได้ทำงานอย่างเต็มที่ เมื่อถามย้ำว่า เปิดเผยได้หรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า โธ่เอ๊ยคนอื่นเขาไม่รู้แล้วจะรู้ได้อย่างไร ครม.ไม่รู้แล้วนายกฯมาพูดกับผู้สื่อข่าว แสดงว่า นายกฯไม่มีมารยาท นั่งหัวโด่ 35 คน ไม่บอกมา บอกผู้สื่อข่าวไม่ๆ

เมื่อถามว่าผลงานชิ้นแรกที่จะทำให้ประชาชนยิ้มได้คืออะไร นายสมัคร หัวเราะ พร้อมกล่าวว่า แนะนำให้ไปดูก่อนบ่ายคลายเครียด

เมื่อถามว่า เรื่องปรับโครงสร้างตำรวจเป็นอย่างไรบ้าง นายสมัคร กล่าวว่า กำลังให้เขาไปตรวจสอบตั้งคณะกรรมการไปดูจะโผล่พรวดพราดมาไม่ได้ ส่วนจะดูเรื่องอะไรเป็นพิเศษนั้น ยังไม่มีใครแนะนำ ตนจะไปดูอะไรเป็นพิเศษไม่ได้

เมื่อถามว่า เป็นห่วงเรื่อง รมว.มหาดไทย ที่มีความขัดแย้งภายในพรรคผ่านทางเว็บไฮ-ทักษิณหรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า ผมไม่ได้ดูเอง มีคนพิมพ์มาให้อ่านตามสมควร ถ้าเจอก็ขอความกรุณาใส่ซองมาให้วันอังคาร หรือวันศุกร์ ขอให้อ่านหน่อยจะได้รู้ว่าขัดแย้งอย่างไร

เมื่อถามว่า ตามที่ รมว.มหาดไทย ยอมรับคำวิจารณ์จากคนในพรรคดีกว่าคนนอกพรรควิจารณ์ นายสมัคร กล่าวว่า ถูกต้องท่าน มท.1 ทำถูกต้อง

เมื่อถามว่า รัฐบาลจะเข้าไปแก้ไขเว็บไซต์นี้หรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า รัฐบาลพยายามแก้ไขเว็ปไซต์สำคัญที่จาบจ้วงต่างๆ ถ้าเทียบกันแล้วเรื่องของพรรคเป็นเรื่องเล็ก เรื่องใหญ่ๆ เป็นเรื่องที่จะทำลายสถาบัน ซึ่งกำลังติดตามดูอยู่มีคนจ้องทำลายโดยใช้เทคโนโลยีทันสมัย เรากำลังทำไม่อยากให้เป็นข่าวเอิกเกริก

ล่าสุด คำสั่งแต่งตั้งสำนักนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2551 แต่งตั้งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร หรือวิปรัฐบาล จำนวน 63 คน ซึ่งมีตัวแทนจาก 6 พรรคร่วมรัฐบาล และตัวแทนหน่วยราชการ โดยแต่งตั้งให้ นายชัย ชิดชอบ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน บิดา นายเนวิน ชิดชอบ เป็นประธาน โดยมี นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกฯ เป็นรองประธานฯคนที่ 1 นายสุขุมพงศ์ โง่นคำ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน เป็นรองประธาน คนที่ 2

นายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.อยุธยา พรรคพลังประชาชน เป็นรองประธาน คนที่ 3 นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคพลังประชาชน เป็นรองประธาน คนที่ 4 นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.เกษตรฯ และรองหัวหน้าพรรคชาติไทย เป็นรองประธาน คนที่ 5 และ นายไชยยศ จิรเมธากร ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อแผ่นดิน เป็นรองประธาน คนที่ 6 โดยมี นายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เชียงราย พรรคพลังประชาชน เป็นกรรมการและเลขานุการ พร้อมมี นายพีรพันธ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร พรรคพลังประชาชน, นายชยุต ภุมมะกาญจนะ ส.ส.ปราจีนบุรี พรรคพลังประชาชน และ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชาชน เป็นผู้ช่วยเลขานุการ

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า เป็นที่น่าสังเกตว่า ในจำนวนวิปทั้งหมด นอกจากตั้ง 2 รัฐมนตรีเพื่อประสานงานในคณะรัฐมนตรี และ ส.ส.เก่า 20 กว่าคนแล้ว ปรากฏว่า ได้มีการแต่งตั้ง ส.ส.หน้าใหม่สมัยแรกของพรรคพลังประชาชน เกือบครบทุกจังหวัดในแต่ละภาคเข้ามาเป็นกรรมการมากถึง 30 กว่าคน เพื่อให้เข้ามาช่วยงานและเรียนรู้ในการประสานงาน อาทิ นายดนุพร ปุณณกันต์ ส.ส.กทม., ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช ส.ส.ขอนแก่น, น.ส.พรพิมล ธรรมสาร ส.ส.ปทุมธานี, นายอนุชา สะสมทรัพย์ ส.ส.นครปฐม, นางอนุสรา ยังตรง ส.ส.สมุทรปราการ, น.ส.ปาริชาติ ชาลีเครือ ส.ส.ชัยภูมิ, นายวรสิทธิ์ กัลป์ตินันท์ ส.ส.อุบลราชธานี, นายจรัสฤทธิ์ จันทรสุรินทร์ ส.ส.ลำปาง เป็นต้น

โดยแบ่งสัดส่วนวิปรัฐบาลจากพรรคพลังประชาชน 42 คน พรรคชาติไทย 7 คน ได้ตั้งนาย วรวุธ ศิลปอาชา ส.ส.สุพรรณบุรี นายเอกพจน์ ปานแย้ม ส.ส.ปทุมธานี นาย นพดล พลเสน ส.ส.อุทัยธานี นายนิกร จำนง และ นายจองชัย เที่ยงธรรม อดีต ส.ส.เป็นวิปรัฐบาล พรรคเพื่อแผ่นดิน 5 คน พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา 2 คน พรรคมัชฌิมาธิปไตย 2 คน และพรรคประชาราช 1 คน โดยทั้งหมดจะได้รับค่าเบี้ยประชุมจากสำนักนายกรัฐมนตรีด้วย