xs
xsm
sm
md
lg

"วัฒนา"แบไต๋ร่วมผสมพันธ์ พปช. รับได้เทียบเชิญและพูดคุยกันแล้ว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“สุรยุทธ์” ไม่มีข้อมูลตั้งรัฐบาลรอผล กกต.วินิจฉัยเหลือง-แดง คาดได้ส.ส.ครบทันเวลาเปิดสภา ติงม็อบเคารพกติกาบ้านเมือง ขณะที่ พปช.เรียงหน้าปัดมองหาพรรคสำรองหากถูกยุบ “วัฒนา” รับได้เทียบเชิญร่วมรัฐบาลจาก “พลังแม้ว”แล้ว และพูดคุยกันแล้วจึงต้องยึดมั่นสัจจะนิยม ย้ำไปไหนไปด้วยกับ ชท. “สุวิทย์” เชื่อลูกทีมไม่น้อยใจลาออกหากร่วมงาน พปช. ด้าน ปชป.ตั้งทีมสู้เลือกตั้งซ่อม “สุเทพ” รับสภาพสู้เท่าที่จะสู้ได้ “สมัคร” นำลูกทีมช่วยผู้สมัครโคราชหาเสียง

พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลัง ถึงความไม่มั่นใจการจัดตั้งรัฐบาลภายในระยะเวลาที่กำหนดว่า ตนเองไม่ได้มีข้อมูล หรือรายละเอียดในเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล คงต้องรอการวินิจฉัยของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ถ้ามีการเลือกตั้งซ่อม มีจำนวน ส.ส.ครบ ตามจำนวนก็สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ แต่การจัดกลุ่มพรรคใหญ่ พรรคเล็กนั้น ตนไม่ทราบ

ส่วนทันเวลาตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดหรือไม่นั้น พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง จากที่ได้รับทราบก็จะมีการเลือกตั้งซ่อม ในวันที่ 13 , 17 และ 20 ม.ค. นี้ซึ่งก็เป็นไปตามขั้นตอนอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่ากังวลกับการออกมาเคลื่อนไหวของม๊อบหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ไม่กังวล แต่เพียงอยากฝากข้อคิดว่า ถ้าเราอยากเห็นการเมืองที่เป็นไปตามกฎ กติกา ก็ควรจะเคารพคำวินิจฉัย และหลักฐานของกกต. ซึ่งตนคิดว่าได้พยามทำหน้าที่ อย่างดีที่สุดแล้ว เมื่อถามว่า มองว่าการเมืองจะมีการพลิกผันหรือไม่ เช่นการยุบพรรค พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า คงตอบไม่ได้ เพราะอยู่ที่กกต. ตนไม่มีหลักฐานข้อมูลพอที่จะตอบในส่วนนี้ ต้องรอคำวินิจฉัยของ กกต.

พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่าสถานการณ์การเมืองในขณะนี้ส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจบ้าง แต่ไม่มีปัญหารุนแรง ความเชื่อมั่นไม่ลดลง เพราะเห็นว่าการที่เราจัดการเลือกตั้งได้ ก็จะทำให้มีรัฐบาลที่สมบูรณ์ได้

พล.อ.สุรยุทธ์ ยังกล่าวถึงการเข้าพบของพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 10 ม.ค. ว่า ได้มาพูดคุยกันในเรื่องการเดินทางไปต่างประเทศของ พล.อ.สนธิ เพื่อปฏิบัติศาสนกิจในด้านศาสนา ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี กล่าวปฏิเสธการเข้าพบของอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ

พปช.เรียงหน้าปัดหาพรรคสำรอง

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน กลุ่ม 6 พรรคพลังประชาชน กล่าวถึงกรณีที่ มีกระแสข่าวว่า หากพรรคพลังประชาชนถูกตัดสินให้ยุบพรรค พรรคทางเลือกใหม่ ซึ่งเป็นพรรคที่ร.ต.อ.เฉลิมเคยเป็นหัวหน้าพรรค จะเป็นพรรคสำรองของพรรคพลังประชาชนว่า ไม่เป็นความจริง เรื่องการยุบพรรคนั้นหากเกิดขึ้นจริงก็ต้องผ่านหลายขั้นตอนและใช้เวลานานพอสมควร และหากถึงเวลานั้นก็มีพรรคต่างๆ ที่พรรคพลังประชาชนทาบทามไว้บ้างแล้ว ถึงจะยุบจริงๆ พวกตนก็ตั้งพรรคใหม่ได้

นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน กล่าวว่าหาก นายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชนได้รับใบแดง และอาจะส่งผลกระทบถึงขั้นพรรคพลังประชาชนถูกยุบแล้ว ยังไม่มีการหารือถึงการหาพรรคสำรองใดๆ ไม่ทราบว่ากระแสข่าวที่ว่าพรรคได้เตรียมพรรคสำรองไว้มาจากไหน แต่หากสถานการณ์ดำเนินไปถึงขั้นตอนดังกล่าวจริง ก็ไม่กังวลว่าจะต้องไปทาบทาม พรรคอื่นเพื่อเข้าสังกัด เพราะตนก็มีพรรคของตัวเองที่ได้จดทะเบียนไว้กับคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) หลังจากที่ตุลาการรัฐธรรมนูญมีคำตัดสินให้ยุบพรรคไทยรักไทย

รวมไปถึงพรรคอื่นที่มีการจดทะเบียนไว้ล่วงหน้า เพียงแต่ไม่ได้ส่งผู้สมัครลงสมัครรับเลือกตั้ง จึงต้องดูว่าตามกฎหมายส.ส.ที่ได้รับรองแล้วจะไปสังกัดได้หรือไม่ ส่วนการที่ระบุว่ามีแกนนำเป็นผู้ไปทาบทามพรรคทางเลือกใหม่ของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง หรือพรรคเล็กอื่นๆนั้น ตนไม่ทราบ แต่หากมีการทาบทามจริงก็อาจมีการประชุมโดยที่ตนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ด้วย

แหล่งข่าวจากแกนนำพรรคพลังประชาชน เปิดเผยว่า หากพรรคพลังประชาชนถูกตัดสินให้ยุบพรรคจริง ขณะนี้แกนนำพรรคได้หารือถึงเรื่องนี้กันพอสมควรแล้ว โดยมองหาพรรคเล็กๆ ที่มีความใกล้ชิดกับพรรคพลังประชาชนไว้แล้ว เช่น พรรคพลังแผ่นดินไท ของ นพ.สมศักดิ์ วรคามิน คนใกล้ชิด พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ซึ่งหาก พรรคพลังประชาชนถูกยุบจริง ก็มีความเป็นไปได้ที่อาจจะมีการโอน ส.ส.ของพรรคพลังประชาชนทั้งหมดไปสังกัดพรรคพลังแผ่นดินไท

“สุวิทย์”เชื่อลูกทีมไม่ออกหากร่วม พปช.

วานนี้ (11 ม.ค.) นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน พร้อมด้วยนายวัฒนา อัศวเหม ประธานพรรค นาย วชิระมณฑ์ คุณะเกษมธนาวัฒน์ โฆษกพรรค นาย พินิจ จารุสมบัติ และนาย ปรีชา เลาหพงศ์ชนะ อดีตกรรมการสภานโยบายและยุทธศาสตร์ ได้เดินทางมาร่วมงานและทำบุญครบรอบวันคล้ายวันเกิดปีที่ 80 สมเด็จพระพุฒจารย์พรหมรังษี (เกี่ยว อุปเสโณ) ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช และเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร

นายสุวิทย์ กล่าวถึงความชัดเจนในการร่วมจัดตั้งรัฐบาลว่า วันนี้ถือเป็นวันดี ตนไม่ขอพูดถึง แต่อย่างไรก็ตามในส่วนของพรรคเพื่อแผ่นดิน ได้มีการจัดเตรียมคณะทำงานด้านกฎหมาย ที่พร้อมจะส่งเสริมด้านศาสนาพุทธ ให้ได้รับการดูแลจากรัฐบาล ยืนยันว่าในส่วนของพรรคไม่มีความจำเป็นต้องมี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม มากำกับดูแล เพราะส.ส.ของพรรคสามารถที่จะทำงานตรงนี้ได้

ส่วนการเลือกตั้งซ่อม ที่จะถึง มั่นใจว่าทาง กกต.จะดำเนินการเลือกตั้งได้อย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม ไม่ว่าผลออกมาอย่างไรทางพรรคก็น้อมรับ มั่นใจว่าผู้สมัครของพรรคที่มีความรู้ความสามารถ พี่น้องประชาชนในเขตเลือกตั้งต่างๆ จะให้ความไว้วางใจ และมั่นใจว่าจะไม่มีปัญหาการน้อยใจกันภายในพรรคจนถึงขั้นลาออก เหมือนกับกรณีพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา เพราะทุกคนเข้าใจและเคารพในมติพรรค นอกจากนี้ยังไม่ห่วงการเลือกตั้งใหม่ในจังหวัดต่างๆ ที่กำลังจะมีขึ้น

“วัฒนา”รับถกร่วมรัฐบาลกับ พปช.แล้ว

ด้านนายวัฒนา อัศวเหมกล่าวถึงความคืบหน้าการเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคชาติไทยว่า ขณะนี้พรรคเพื่อแผ่นดินกับพรรคชาติไทยก็มีการพูดจากันโดยตลอด แต่การพูดคุยกันนั้น ต้องใช้เหตุผลคุยกันเป็นสำคัญ เรื่องนี้จะรีบร้อนไม่ได้ เพราะตอนนี้บ้านเมือง เราอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ การดำเนินทางการเมืองอะไรก็ไม่ควร ทั้งนี้การพูดคุยทั้งสองพรรคต้องยังรอดูความเหมาะสมของเงื่อนเวลาก่อน

“ที่ผ่านมาก็มีเทียบเชิญแล้ว คุยก็คุยกันแล้ว เมื่อเราตกลงกันแล้ว ก็มีข้อสำคัญที่จะต้องยึดถือ คือเรื่องสัจจะนิยม เรื่องนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ผมยืนยันว่า พรรคเพื่อแผ่นดิน กับพรรคชาติไทยยังเหนียวแน่นกันอยู่ ซึ่งพรรคเพื่อแผ่นดิน เมื่อพูดอะไรออกไปแล้ว จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง”

นายวัฒนา กล่าวต่อว่า ยืนยันว่าผลการหารือร่วมกันกับพรรคชาติไทย จะให้ทันก่อนการเปิดประชุมสภาในวันที่ 22 ม.ค.แน่นอน ซึ่งเป็นไปตามแนวทางการเมือง แต่ในทางปฏิบัติ การเมืองในขณะนี้ยังไม่มีข้อยุติ โดยเฉพาะ กกต.ยังรับรองจำนวน ส.ส.ไม่ครบ ดังนั้น กกต.จะต้องให้การรับรองว่าที่ ส.ส.ให้ครบตามรัฐธรรมนูญ ที่ได้กำหนดไว้ เมื่อเปิดสภาแล้วขั้นตอนต่อไป ก็จะเป็นการเลือกประธานรัฐสภา และสุดท้าย จะถึงขั้นตอนการเลือกนายกรัฐมนตรี

เลือกตั้งซ่อมไม่ส่งผลต่อพรรคร่วมรัฐบาล

ส่วนกรณีที่กกต.สอบข้อเท็จจริง กรณีนายยงยุทธ ติยะไพรัช ปัญหาตรงนี้จะมีผลต่อการเข้าร่วมรัฐบาลของพรรคหรือไม่ นายวัฒนา กล่าวว่า ในทางปฏิบัติแล้ว ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเมือง เราจำเป็นต้องติดตามผล แต่ไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว เพราะหน้าที่โดยตรงจะเป็นหน้าที่ของ กกต. และพรรคการเมืองที่ถูกกล่าวหา ดังนั้น พรรคการเมืองที่ดี ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ควรที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือก้าวก่ายในเรื่องดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในฐานะที่พรรคเพื่อแผ่นดินที่จะร่วมจัดตั้งรัฐบาล จะส่งผลกดดันต่อการเลือกตั้งซ่อมที่จะมีขึ้นในหลายพื้นที่หรือไม่ นายวัฒนากล่าวว่า ในฐานะที่ตนเป็นประธานพรรค พรรคไม่เคยกดดัน และไม่เคยนำมาคิดเป็นกังวล ทุกอย่าง เราจะต้องปฏิบัติไปตามหน้าที่ ที่สำคัญเราจำเป็นต้องถามผู้สมัครพรรคเราว่า พร้อมที่จะลงแข่งขันหรือไม่ ซึ่งหากไม่พร้อมที่จะลงแข่งจัน พรรคจะต้องสอบถามเห็นผล และเรื่องนี้ไม่มีความกังวลใจเลย สบายใจมาก ส่วนการเข้าร่วมรัฐบาลกับการเลือกตั้งซ่อม ยืนยันว่าไม่กระทบอย่างแน่นอน เพราะทุกอย่างเป็นไปตามกติกา

เมื่อถามว่า ในเรื่องของการเทคะแนนให้กัน มีความเป็นไปได้หรือไม่ นายวัฒนา กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องมีบางกรณีที่ทำกัน ในส่วนของพรรคเราในเวลานี้ไม่มีใครติดต่อ เข้ามา แต่ยอมรับว่ามี ส่วนกรณีที่มีม็อบในพื้นที่จ.บุรีรัมย์ ตนอยากให้เจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแล ซึ่งตนมั่นใจว่า เจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้อง จะสามารถชี้แจง ทำความเข้าใจ กับกลุ่มผู้ชุมนุมได้

“สุรเกียรติ์”หนุนหยุดเคลื่อนช่วงนี้

นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตประธานสภานโยบายและยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวภายหลังการเข้าพบแกนนำพรรคเพื่อแผ่นดินว่า ตนเดินทางไปต่างประเทศมาหลายวัน เพื่อนฝูงเลยชวนมากินข้าวเหนียวไก่ย่างเท่านั้นเอง ทั้งนี้ตนเห็นด้วยกับนายวัฒนา อัศวเหม ประธานพรรคเพื่อแผ่นดิน ที่เห็นว่ายังไม่ควรเคลื่อนไหวใดๆ ทางการเมืองเนื่องจากยังอยู่ในช่วงการไว้อาลัยสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ หลังเสร็จสิ้นการไว้อาลัยแล้วจะคิดจะอ่านอะไรกันต่อไปค่อยว่ากัน

ผู้สื่อข่าวถามว่าจากการเดินทางไปต่างประเทศมีความกังวลหรือไม่กับความ ไม่ชัดเจนทางการเมืองและเกิดสุญญากาศทางการเมืองหลังการเลือกตั้ง นายสุรเกียรติ์ กล่าวว่า ตนก็อธิบายให้เขาเข้าใจว่ามันเป็นกระบวนการทางกฎหมายของประเทศไทย ซึ่งเป็นไปตามปกติ แต่ประเทศอื่นอาจจะไม่มีในเรื่องใบเหลืองใบแดงตามรัฐธรรมนูญ เขาจึงพอเข้าใจตนยอมรับว่าการเมืองไทยเป็นที่สนใจของต่างประเทศโดยเฉพาะนักลงทุนและนักธุรกิจทั้งหลาย เขาอยากให้มีความมั่นใจการเมืองและเศรษฐกิจเดินไปได้

พปช.ตั้งทีมสู้เลือกตั้งซ่อม

นาย เทพไท เสนพงศ์ โฆษกศูนย์อำนวยการเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์ แถลง ภายหลังการประชุมศูนย์อำนายการฯ ว่า ที่ประชุมกำหนดความพร้อมในการเลือกตั้งใหม่ที่ กกต.ได้ประกาศให้ใบเหลืองและใบแดง ใน 7 จังหวัด โดย 1.พื้นที่ จ.เพชรบูรณ์ เขต 1 พรรคยังส่งนายสุทัศน์ จันทร์แสงศรี ว่าที่ส.ส.ที่ได้รับใบเหลือง ลงสมัครอีกครั้ง และมอบหมายให้นายไพฑูรย์ แก้วทอง ส.ส.สัดส่วน กลุ่ม 2 เป็นผู้รับผิดชอบ 2.จ.ปราจีนบุรี เขต 1 พรรคมีมติส่ง น.ส.เยาวลักษณ์ โตอนันท์ ผู้สมัครเดิม ลงแข่งขัน โดยมีนายธีระ สลักเพชร กรรมการบริหารพรรค เป็นผู้ดูแล

3.จ.ชัยนาท เขต 1 พรรคส่งนายพรหมมินทร์ สีตุบตร และนาย ช.ชัยนาท ศรีเสมาเมือง ลงสมัครรับเลือกตั้ง โดยมีนายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรค เป็นผู้รับผิดชอบ 4.พื้นที่จ.ลำปาง เขต 1 พรรคส่งนายมัธยม นิภาเกษม ลงแข่งขัน โดยนาย ชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รองหัวหน้าพรรค ดูแล

ส่วน.ที่จ.นครราชสีมา เขต 3 พรรคยังส่งผู้สมัครชุดเดิม คือ นายตรีเพชร พรหมนิติพันธุ์ นายเกษม รังสุวรรณ และนาย รวยเลิศ เลิศสุริยะกุล โดยมอบหมาย ให้นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ และพ.อ.วินัย สมพงษ์ ส.ส.สัดส่วนกลุ่ม 5 เป็นผู้ดูแล 6.จ.อุดรธานี เขต 2 และ 3 พรรคส่งผู้สมัครชุดเดิมทั้งหมด และมอบหมายให้นายสุทัศน์ เงินหมื่น ส.ส.สัดส่วน กลุ่ม 3 เป็นผู้รับผิดชอบ และ 7.พื้นที่ จ.บุรีรัมย์ เขต 1 พรรคยังส่งผู้สมัครชุดเดิม โดยนายวิฑูรย์ นามบุตร รองหัวหน้าพรรค เป็นผู้ดูแล ซึ่งทั้งหมดจะอยู่ในการดูแลของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการเลือกตั้งฯ ซึ่งการเลือกตั้งใหม่ครั้งนี้จะดำเนินการภายใต้ยุทธศาสตร์็รักษาพื้นที่เดิม ช่วงชิงพื้นที่ใหมิ่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 14 ม.ค.นี้ นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะเดินทางไปช่วยผู้สมัครหาเสียงที่ จ.ลำปาง จากนั้นวันที่ 15 ม.ค.นี้ นายอภิสิทธิ์จะเดินทางไปหาเสียงที่ จ.บุรีรัมย์ และวันที่ 17 ม.ค.นี้ ไปช่วยผู้สมัครหาเสียงที่ จ.ปราจีนบุรี ต่อด้วยวันที่ 18 ม.ค.ไปหาเสียงที่ จ.ชัยนาท

“สุเทพ”รับสู้เท่าที่จะสู้ได้

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเลือกตั้งใหม่ที่จ.บุรีรัมย์ และนครราชสีมา ที่ดูเหมือนพรรคไม่กระตือรื้อร้นเหมือนตอนเลือกตั้งใหญ่ว่า พรรคก็ทำหน้าที่ของพรรคเท่าที่จะสามารถทำได้ เราก็พยายามที่จะส่งผู้สมัครของเราลงเลือกตั้งในเขตต่างๆ ที่เราคิดว่ามีศักยภาพ บางพื้นที่ที่สู้ไม่ได้จริง ก็จนปัญญา ก็จะทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด โดยที่จ.นครราชสีมา มี นายไกรศักดิ์ ชุณะหวัณ นายสมเกียรติ์ พงษไพบูลย์ พล.อ. วินัย สมพงษ์ ส.ส.ระบบสัดส่วนของพรรค เป็นผู้ดูแล

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค และนายสุเทพ จะไม่ลงมาดูหรือ เพราะนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ได้เดินทาง ไปลงพื้นที่จ.นครราชสีมา นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่ต้องทำอะไร ตามนายสมัคร

ผู้สื่อข่าวถามว่า เท่าที่ประเมินพรรคจะได้ ส.ส. หรือไม่ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า จะพยายามให้ได้ แต่อย่าเพิ่งไปประเมิน วันนี้ต้องไม่คุย เอาราคาจริง ไม่กี่วันก็รู้แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้พรรคพลังประชาชนยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ นายสุเทพ กล่าวว่า ยังไม่คุยเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล ยังไม่ถึงเวลา

ส่วนแนวคิดของ น.พ.ประเวศ วะสี ราษฏรอาวุโส เสนอว่า ถ้าจะให้เกิดความสมานฉันท์ แล้วปัญหาของบ้านเมืองลดน้อยลง ก็ให้พรรคประชาธิปัตย์ ไปร่วมกับรัฐบาลพรรคพลังประชาชนนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ ก็จะฟังความคิดเห็นของทุกฝ่าย แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่พรรคจะตัดสินใจ วันนี้เรายังอยู่ที่จุดยืนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

“สมัคร”นำทีมช่วยหาเสียงโคราช

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (11 ม.ค.) นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน พร้อมด้วย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง , นายกุเทพ ใสกระจ่าง , นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง และนายดนุพร ปุณณกันต์ แกนนำพรรคพลังประชาชน ได้เดินทางไป ปราศรัยหาเสียงช่วยผู้สมัคร ส.ส.นครราชสีมา เขต 3 ที่หน้าตลาดสดอำเภอสูงเนิน จ.นครราชสีมา ท่ามกลางประชาชนมารอฟังการปราศรัยจำนวนมาก

ทั้งนี้เขตเลือกตั้งที่ 3 จ.นครราชสีมา จะมีการเลือกตั้ง ส.ส.ใหม่เป็นครั้งที่ 2 ในวันอาทิตย์ที่ 13 ม.ค. ที่จะถึงนี้ หลังจากผู้สมัครส.ส.เขต 3 นครราชสีมา พรรคพลังประชาชน ประกอบด้วย นายบุญเลิศ ครุฑขุนทด, นางลินดา เชิดชัย และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ถูก กกต. แจกใบเหลืองกรณีที่ถูกกล่าวหาว่ามีการซื้อเสียงจูงใจให้ประชาชนไปฟังการปราศรัยที่ อ.พระทองคำ ในเดือน พ.ย.50 เมื่อครั้งหาเสียงที่ผ่านมา

นายสมัคร กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า ขอให้ประชาชนอย่าพึ่งเบื่อการเลือกตั้ง และในวันอาทิตย์ที่ 13 ม.ค.นี้ขอให้ชาวโคราชเขต 3 เลือกผู้สมัคร พปช.ทั้ง 3 คน อีกครั้ง เพื่อส่งให้พรรคพลังประชาชนเตรียมตัวที่จะเป็นรัฐบาล เพื่อจะรีบเร่งแก้ไขปัญหาให้กับประเทศชาติทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม

“เฉลิม”ฟุ้ง“สมัคร”ได้เป็นนายกฯ แน่

ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง กล่าวว่า นายสมัคร จะต้องเป็นนายกฯ คนที่ 25 ของประเทศไทยอย่างแน่นอน ซึ่งตอนนี้การจัดตั้งรัฐบาลนั้น ทุกพรรคการเมืองนิ่งกันหมดแล้ว ยกเว้นบางพรรคที่อยากเป็นรัฐบาลอยู่ ก็เลยไม่ยอมหยุดนิ่ง การที่ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร เดินทางกลับมาประเทศไทย ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งรัฐบาล หรือจัดโผ ครม.ตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด

ดังนั้นคดีต่างๆที่มีการยื่นฟ้องถึงขั้นจะยุบพรรคพลังประชาชน ทางพรรคก็ไม่กังวล เพราะการกระทำทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ซีดี หรือการกล่าวหาว่า นายสมัคร เป็นนอมินีของ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น ก็ไม่ได้เข้าข่ายอยู่ในความผิดของการยุบพรรค และกระบวนการในการฟ้องร้องยุบพรรค จะต้องผ่านทั้งขั้นตอน กกต. ,อัยการสูงสุด และศาลรัฐธรรมนูญ คาดว่าจะใช้เวลาไม่น้อยกว่า 2 ปี และถ้ามีการฟ้องให้ยุบพรรค พปช.จริง ตนเองก็จะเป็น หน.ทีมทนายความต่อสู้คดีนี้ด้วยตนเอง

รวมถึงกรณีนายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ถูกสอบเรื่องใบแดงพรรคก็ไม่ได้กังวล เพราะมีหลักฐานชัดเจนว่า ถูกจัดฉากใส่ร้าย ป้ายสี และพรรคยืนยันว่า ไม่ได้เตรียมพรรคทางเลือกใหม่ไว้เป็นพรรคสำรอง หากถูกยุบตามที่เป็นข่าว อีกทั้งพรรคก็ไม่มีการเตรียมแผนให้นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย มาเป็นนายกฯแทนนายสมัครฯ และยืนยันอีกครั้งว่า นายสมัครฯ จะเป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริงอย่างแน่นอน
กำลังโหลดความคิดเห็น