"แม้ว" อ้างถูกกลั่นแกล้ง ใส่ร้าย จึงต้องเดินทางกลับมาต่อสู้เพื่อปกป้องศักดิ์ศรี ประกาศวางมือทางการเมืองเด็ดขาด ยันรักเมืองไทยและจะขอตายบนแผ่นดินไทย ด้าน"สุริยะใส" ไม่เชื่อลมปากแม้ว ระบุเป็นคนพูดอย่าง ทำอย่าง ชี้การแถลงข่าวว่าถูกกลั่นแกล้ง ใส่ร้าย อาจเข้าข่ายหมิ่นศาล แนะจับตารัฐบาลแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม เพื่อช่วยฟอกแม้วให้พ้นผิด เผยแกนนำพันธมิตรฯ เตรียมหารือ 4 มี.ค.นี้
เมื่อเวลา 14.00 น. วานนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เปิดแถลงข่าวที่โรงแรมเพนนินซูล่า พร้อมด้วยคุณหญิงพจมาน ชินวัตร นายพานทองแท้ ชินวัตร นางสาวพิณทองทา ชินวัตร นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ว่า ขอขอบคุณสื่อมวลชน ที่มาทำข่าวการเดินทางกลับมาประเทศไทย ซึ่งก็มีคำถามมากมาย ขอสรุปให้ฟังคราวๆ ว่า หลังเกิดเหตุการณ์ปฏิวัติในวันที่ 19 ก.ย. 49 ตนอยากกลับประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 20 ก.ย. เพราะตนเป็นคนที่มีน้ำใจเป็นนักกีฬา เมื่อจบก็คือจบ ก็ตั้งใจว่า อยากจะเดินทางกลับ แต่เมื่อทุกคนบอกว่า อยากให้ตนอยู่สักพักหนึ่ง ตนก็อยู่ แต่ก็ได้มีการโทรศัพท์ติดต่อของฝ่ายคณะปฏิวัติ ก็ได้บอกทุกคนทราบว่า ตนเป็นคนที่มีน้ำใจเป็นนักกีฬา เมื่อจบแล้วก็จบ อยากให้ เกิดความปรองดองของคนในชาติ
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ตนนึกว่าจะอยู่ 2-3 เดือนอย่างมาก เพราะเป็นคนติดบ้าน รักผืนแผ่นดินไทย อยากอยู่กับครอบครัวในผืนแผ่นดินไทย ก็เลยนึกว่า จะได้กลับ แต่เรื่องก็ยังไม่ยุติลงได้ จึงต้องอยู่ต่อไป ประมาณ 17 เดือนกว่าๆ เกือบ 18 เดือน ในวันออกไปก็เป็นนายกรัฐมนตรี ที่ออกไปทั้งประชุมเอเซียยุโรป หรือ อาเซม เสร็จแล้วไปประชุมผู้นำของประเทศผู้ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด หรือ NAM ที่ กรุงฮาวานา คิวบา แล้วไปประชุมสหประชาชาติ เพื่อจะไปช่วยหาเสียงให้กับ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย ในขณะนั้น ที่ต้องการจะส่งให้เป็นเลขาธิการยูเอ็น ก็ไปด้วยความตั้งใจและทุ่มเท
"แต่วันนี้กลับมาถูกกล่าวหา ต้องไปพิมพ์ลายนิ้วมือ เปรียบเสมือนเป็นผู้ต้องหาสำคัญ ซึ่งก็รู้สึกเสียใจ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับผม และครอบครัวนั้นก็เป็นสิ่งที่น่าเสียใจ แต่ว่าผมก็ยังต้องอดขอแสดงความเสียใจกับพี่น้องประชาชนกับเหตุการณ์ของความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้นที่ผ่านมา คนที่เหนื่อย และลำบากที่สุดคือประชาชนโดยรวม ซึ่งผมขออภัยใน ณ ที่นี้ด้วย"
อยากตายบนแผ่นดินไทย
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า วันนี้ตนกลับมา เพราะหลังจากที่พี่น้องประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้งกันแล้ว ได้ประชาธิปไตยคืนมาแล้ว ตนจำเป็นที่จะต้องมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ แล้วก็มารักษาชื่อเสียง ที่ถูกทำลายอย่างไม่เป็นธรรม เพราะฉะนั้นก็อยากกราบเรียนทุกฝ่ายว่า การกลับเข้ามาของตนในวันนี้ ตนไม่ต้องการที่จะยุ่งเกี่ยวกับการเมือง บางคนอาจจะสงสัยว่า นักการเมืองไปมาหาสู่ตน มันเป็นธรรมชาติไม่ใช่หรือ ที่คนไทยเมื่อรู้จักกัน ไม่เจอหน้ากันนานๆ ก็ต้องย่อมมาเจอกัน เยี่ยมเยียนกัน มันเป็นวัฒนธรรมของพวกเราไม่ใช่หรือ เพราะฉะนั้นการที่คนเหล่านี้คิดถึงตน เพราะบางคนตนก็มีโอกาสส่งเสริมให้ได้ทำงานการเมือง เขาก็คิดถึง แล้วก็ไปเยี่ยมไปเยียน แล้วก็ไปรับตน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าตนจะกลับเข้าสู่การเมือง
"วันนี้ผมขออาศัยเป็นประชาชนคนไทยคนหนึ่ง ต้องการจะใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทย ผมไประเหเร่ร่อนมาทั่วโลก ขอยืนยันอีกครั้งว่า ไม่มีแผ่นดินไหนที่จะให้ความอบอุ่นกับผมและครอบครัวเท่ากับแผ่นดินไทย เพราะฉะนั้นผมจะขอกลับมาอาศัยอยู่อย่างมีความสุข มีความอบอุ่น และขอตายในผืนแผ่นดินไทยนี้ ขอให้ท่านทั้งหลายที่เป็นห่วงเป็นใยผม ว่าจะมาแข่งขันกันทางการเมือง หรืออะไรนั้น ได้สบายใจได้ว่า ผมจะขอใช้ชีวิตอย่างสันติ และสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัว ปีนี้ 59 แล้ว เพราะฉะนั้นชีวิตของคนเราก็ไม่ได้ยาวนานมากนัก ถ้าช่วงสุดท้ายจะได้ทำคุณประโยชน์กับสังคม และก็ได้อยู่กับสังคมอย่างมีความสุข เป็นสิ่งที่ทุกคนควรปรารถนา และผมก็ปรารถนาเช่นนั้น ผมจะขอใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวผม อยู่กับลูก กับเมีย แล้วก็แน่นอนครับ ขอพักผ่อนบำรุงความสุขให้กับตัวเองบ้าง หลังจากที่ตรากตรำทำงานมาทั้งชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเนื้อสร้างตัว ไม่ว่าการทุ่มเทให้กับบ้านเมืองที่ผ่านมา"
อ้างถูกใส่ร้ายป้ายสี
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า หลังจากนี้ จะใช้เวลากับการต่อสู้คดี รักษาชื่อเสียงของตัวเอง พร้อมกับการทำงานด้านการกุศล ด้านการกีฬา และด้านการศึกษา สิ่งไหนที่จะทำให้เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องคนไทยก็จะทำ ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง
"ผมต้องขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่เป็นกำลังใจผมมา 17 เดือน ก็ยังให้กำลังใจผม ทั้งๆ ที่ผมถูกใส่ร้ายป้ายสี ถูกกล่าวหาต่างๆนานา ก็ยังให้กำลังใจผมอยู่ ให้โอกาสผมกลับมาในวันนี้ หลายท่านที่ไปรับผมที่สนามบินก็ดี ไปยืนคอยในจุดต่างๆ ก็ดี ผมต้องขอกราบอภัยมา ณ ที่นี้ ที่ไม่ได้ลงไปทักทาย เพราะโดยปกติผมเป็นคนที่ต้องลงไปทักทาย ต้องขอบคุณน้ำใจ ที่ยืนตากแดดตากลม รอผม แต่ผมไม่สามารถทำได้เพราะว่าวันนี้ระบบการรักษาความปลอดภัย เขายังไม่ค่อยสบายใจ ที่จะให้ผมไปเดินเช่นนั้น"
ส่วนพี่น้องสื่อมวลชนก็หลายคนจำหน้าได้ เพราะว่าเคยทำงานร่วมกันมา ทั้งผู้สื่อข่าวต่างประเทศ และผู้สื่อข่าวไทย ขอให้ท่านช่วยกันทำให้ประเทศไทยได้กลับมามีความเชื่อมั่นอีกครั้งหนึ่ง เพราะว่าตนอยากเห็นประเทศไทยยืนได้อย่างเข้มแข็งในภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของปัญหาซับไพรม์ ที่สหรัฐอเมริกา ปัญหาเรื่องน้ำมันที่แพงขึ้นทุกวัน ปัญหาเศรษฐกิจ และปัญหาภายในของเรา ส่วนคำถามที่สื่อมวลชนจะถามขอให้ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ช่วยตอบ เพราะเดี๋ยวมันจะยาว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังแถลงข่าวเสร็จสิ้น พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่าจะพาครอบครัวไปกินก๋วยเตี๋ยวเนื้อที่อยากกินมานาน
มีรายงานว่าหลังการแถลงข่าว พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ขึ้นไปที่ห้องพักทันที โดยไปนวดที่สปา ทั้งนี้ มีรายงานว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ได้จองชั้น 35-37 ไว้ด้วย โดยห้องพักของพ.ต.ท.ทักษิณ จะอยู่ชั้นที่ 36 ห้อง 3609 เป็นห้องเพนท์เฮ้าส์ สองชั้น มีการนำฟิวเจอร์บอร์ดมาปิดกระจกตลอดทั้งชั้น มีแม่บ้านดูแล 2 คน และห้ามผู้ชายขึ้นก่อนได้รับอนุญาต
หาโอกาสเข้าพบ "ป๋าเปรม"
ต่อมานายพงศ์เทพ เทพกาญจนา พร้อมด้วย น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ในฐานะโฆษกประจำตัวพ.ต.ท.ทักษิณ ได้ตอบคำถามต่อสื่อมวลชนแทนพ.ต.ท.ทักษิณว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะพักที่โรงแรมเพนนินซูลา เนื่องจากบ้านพักอยู่ในระหว่างการซ่อมแซม ส่วนจะกลับบ้านเมื่อไร จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
เมื่อถามว่า จะอยู่เมืองไทยตลอดใช่หรือไม่ นายพงษ์เทพ กล่าวว่า ช่วงต้นยังอยู่ในเมืองไทย และจะไม่เดินทางออกนอกระเทศก่อนวันที่ 12 มี.ค. ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดไต่สวนเป็นนัดแรก แต่หลังจากนั้นยังไม่ทราบ และในขณะนี้ยังไม่มีกำหนดเดินทางไปที่ใด หรือเดินทางไปต่างประเทศ หรือ จ. เชียงใหม่
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าจะไปพบ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.) และร่วมตีกอล์ฟกับ เตรียม ทหารรุ่น 10 นั้น ตนไม่ทราบ ส่วนจะมีกำหนดการพบปะสื่อมวลชน หรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่มีการแจ้งอย่างเป็นทางการ
เมื่อถามว่า ทำไม พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ตอบคำถามกับสื่อด้วยตนเอง นายพงศ์เทพ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้บอกความในใจไปแล้ว และได้มอบหมายให้ตนและน.ส.ศันสนีย์ เป็นผู้แถลงข่าวแทน
เมื่อถามว่า เพื่อป้องกันไม่ให้คำถามนั้นมัดตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ใช่หรือไม่ นายพงศ์เทพ กล่าวว่า ตนเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องการเมืองอีก
เมื่อถามว่า มองอย่างไรกับที่มีการวิจารณ์ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีบารมีมากกว่า นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี นายพงษ์เทพ กล่าวว่า เป็นเรื่องของแต่ละบุคคลจะพิจารณา เพราะบารมีนั้นอยู่ที่คน เมื่อถามว่า ก่อนเดินทางกลับได้หารือกับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี หรือไม่ นายพงศ์เทพ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่ได้คุย แต่ถ้ามีโอกาส จะเข้าไปหารือ
ต่อข้อถามที่มีกระแสข่าวว่าได้มีการจองห้องพัก 3 ห้องในราคา 11 ล้านบาท เป็นความจริงหรือไม่ นายพงษ์เทพ กล่าวว่า ไม่ทราบ ซึ่งสื่อวิทยุระบุว่าเป็นราคา 200 เหรียญดอล์ลาร์ สหรัฐฯ ก็เท่ากับหลักพัน ซึ่งตัวเลขก็ไม่ใช่ ส่วนจะเป็น ชั้น 34 หรือ 35 หรือไม่ ตนไม่ทราบ
พร้อมขึ้นศาลคดีหวยบนดิน
เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย ใช่หรือไม่ ถึงไม่ยอมพักบ้านของตัวเอง นายพงศ์เทพ กล่าวว่า เรื่องความปลอดภัยไม่ใช่เฉพาะที่โรงแรม แต่สถานที่อื่นๆก็ต้องดูเป็นพิเศษ โดยเหตุผลหลักคือ เรื่องบ้านต้องซ่อมแซม เมื่อถามถึงคดีความที่ยังค้างอยู่ที่ คตส. ระบุให้พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้ชี้แจงนั้น นายพงศ์เทพ กล่าวว่า การที่มีคดีติดค้างอยู่ ผู้ที่ถูกกล่าวหาสามารถที่จะชี้แจงได้ด้วยตนเอง หรือนำเอกสารไปชี้แจงก็ได้ ต่อข้อถามที่ว่าพ.ต.ท.ทักษิณ จะพักอยู่ในประเทศในวันที่ 10 มี.ค. ซึ่ง คตส. จะส่งคดี หวยบนดินยื่นฟ้องต่อศาลฎีกา หรือไม่ นายพงษ์เทพ กล่าวว่า ฟ้องเมื่อไร ให้อยู่ก็ต้องอยู่ หากไม่อยู่ ก็ต้องกลับมา
เมื่อถามว่า กังวลกับกระแสต่อต้านเหมือนครั้งที่กลุ่มพันธมิตรฯ ต่อต้านหรือไม่ นายพงศ์เทพ กล่าวว่า เชื่อว่าคงไม่มี
เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีการพูดคุยถึงกรณีที่ทาง กกต. มีมติให้ใบแดง นายยงยุทธ ติยะไพรัช หรือไม่ นายพงศ์เทพ กล่าวว่าไม่ได้มีการคุยกัน เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ จะยุติบทบาททางการเมือง และให้ไปดำเนินการกันเอง เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ใช่สมาชิกของพรรคพลังประชาชน เมื่อถามว่าหลายฝ่ายกลัวการแทรกแซง นายพงศ์เทพ กล่าวว่า ไม่มีการแทรกแซง พ.ต.ท.ทักษิณ มั่นใจว่าสามารถที่จะพิสูจน์ตนเองได้
ด้าน น.ส.ศันสนีย์ กล่าวว่า เรื่องการแบ่งทีมที่จะดูแลเรื่องต่างๆนั้น จะมีการหารือกันในวันนี้ เบื้องต้นคนดูแลจะเป็นทีมงานส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ส่วนน.ศ.ศุภมาศ อิศรภักดี และนายดนุพร ปุณณกันต์ จะเป็นทีมเฉพาะกิจ ที่เข้ามาช่วยต้อนรับแขกในวันนี้เท่านั้น ส่วนทีมทนาย จะมีนายพิชิต ชื่นบาน เป็นหัวหน้าทีมกฎหมาย
"มาร์ค" จะคอยดู "แม้ว" วางมือ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ประกาศจะไม่ยุ่งกับการเมืองว่า เราจะติดตามดูต่อไป จะเชื่อถือได้หรือไม่ ก็อยู่ที่การกระทำของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ต้องพิสูจน์การกระทำของตัวเอง ฉะนั้นในช่วงนี้ ควรปล่อยให้เป็นการดำเนินการไปตามปกติ อย่าปล่อยให้เกิดความวุ่นวายตามมา และเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คงไม่อยากเป็นเงื่อนไขของความขัดแย้งของคนในสังคม
ผู้สื่อข่าวถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง แต่กลับมีคนในวงการเมืองไปต้อนรับ เป็นจำนวนมาก นาย อภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นความผูกพันส่วนตัว จะไปห้ามคงไม่ได้ ซึ่งคนเหล่านั้นควรระมัดระวังไม่ให้นำไปสู่เรื่องอื่น ส่วนรัฐมนตรีที่ไปร่วมต้อนรับ พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วยนั้น ถือว่าเป็นหน้าที่ที่ต้องดูแลความเรียบร้อย
เมื่อถามว่าอยากฝากอะไรถึงนักการเมืองที่มีความผูกพันกับ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ ในการวางบทบาทเพื่อไม่ให้เกิดเงื่อนไขความขัดแย้ง นาย อภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าทุกคนรู้หน้าที่ของตัวเอง และรู้ขอบเขตของการใช้สิทธิของตัวเอง บ้านเมืองจะไม่มีปัญหา การรักกันชอบกัน หรือคนที่ไม่ชอบ ก็เป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่ถ้าเราช่วยกันทำให้สังคมสามารถจัดการกับเรื่องเหล่านี้โดยไม่เป็นปัญหาความขัดแย้ง หรือความรุนแรง จะทำให้สังคมของเรามีความเข้มแข็งมากขึ้น และทุกคนก็จะได้ประโยชน์ แต่ถ้าเราไม่สามารถบริหารจัดการตรงนี้ได้ สุดท้ายความเดือดร้อนก็ตกอยู่ที่ประชาชน
เมื่อถามว่า รัศมีของพ.ต.ท.ทักษิณ จะไปบดบังการทำหน้าที่ของ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงไม่เป็นเช่นนั้น นายกฯ ยังคงเป็นนายสมัครอยู่ และตรงนี้ถือว่าเป็นสิ่งท้าทายนายสมัคร ซึ่งจะต้องดำรงสถานะเป็นตัวของตัวเอง ใช้อำนาจในความรับผิดชอบ เพื่อรักษาระบบการได้มาของตำแหน่งนายกฯ
เมื่อถามว่า คิดว่าการบริหารประเทศในอนาคตจะยากลำบากหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ ตอบว่า เป็นความท้าทายเช่นกัน แต่เชื่อว่านายสมัคร ทราบอยู่แล้ว ตั้งแต่วันที่รับตำแหน่งว่า ต้องมีเงื่อนไขแบบนี้เกิดขึ้น ส่วนที่มีข่าวว่าจะมีการปรับ ครม. ภายหลัง พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมานั้น คิดว่าไม่น่าจะไปถึงขนาดนั้น เพราะการปรับ ครม. อยู่ที่นายกฯ เป็นคนตัดสินใจ
"เลี้ยบ" เชื่อ "หมัก" ยังทำงานได้เต็มที่
นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยืนยันจะไม่กลับมาเล่นการเมืองอีก เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ ตั้งใจที่จะทำงานมูลนิธิการศึกษา และพัฒนาด้านกีฬาในธุรกิจฟุตบอล สโมสรแมนซิตี้ ซึ่งจะต้องมีการเดินทางออกนอกประเทศบ่อยครั้ง ดังนั้นความสนใจทางการเมืองก็จะลดน้อยลง ซึ่งต่อจากนี้ไป นายสมัคร สุนทรเวช จะทำงานบริหารประเทศในฐานะนายกรัฐมนตรีได้อย่างเต็มที่
"สำหรับกลุ่มต่างๆ ทั่วประเทศที่ออกมาเคลื่อนไหวสนับสนุนการกลับมาของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเรื่องปกติธรรมดา เพราะที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เคยสร้างผลงานในนโยบายดีๆ และ การทำงานสร้างความชื่นชมและพอใจกับประชาชนทั่วประเทศ จึงมีคนออกมาสนับสนุนมากมาย" น.พ.สุรพงษ์ กล่าว
ไม่เชื่อ "แม้ว" เลิกยุ่งการเมือง
นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวว่าหลังจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ได้รับการประกันตัว พันธมิตรฯ จะติดตามตรวจสอบกระบวนการต่อสู้ในชั้นศาลของ พ.ต.ท. ทักษิณ และองค์กรที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น สำนักงานอัยการ ตำรวจ คตส. ดีเอสไอ ว่าได้ทำหน้าที่โดยปลอดจากการแทรกแซงของฝ่ายการเมืองอย่างแท้จริงหรือไม่ และได้ทุ่มเทในการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อเอาผิดกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และเครือข่ายในคดีความต่างๆ อย่างตรงไปตรงมาหรือไม่
ทั้งนี้ การแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม อาจจะไม่หยุดอยู่แค่การย้ายอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษเท่านั้น ฉะนั้นพันธมิตรฯ ทั่วประเทศ จึงจำเป็นต้องเตรียมพร้อมเคลื่อนไหวตลอดเวลา เพื่อคัดค้านการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรม
"ผมยังไม่เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะวางมือทางการเมือง แม้ พ.ต.ท.ทักษิณจะประกาศหลายครั้งว่าจะเลิกเล่นการเมือง แต่พฤติกรรมที่ผ่านมาสวนทางอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะการยังคงเป็นผู้มีอำนาจเหนือพรรคพลังประชาชน และรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ไม่ว่าจะเป็นการจัดบัญชีรายชื่อผู้สมัครส.ส.ของพรรค หรือการจัดทำ ดีวีดี หาเสียงให้พรรคพลังประชาชน จนเกิดปัญหาความเป็นนอมินี การจัดโผครม. และตำแหน่งต่างๆในรัฐบาลชุดนี้"
ดังนั้น ขอให้จับตาว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะเข้ามาสร้างบทบาทเหนือพรรคพลังประชาชน และอำนาจเหนือรัฐบาล เพื่อเอื้อต่อรูปคดีและผลประโยชน์ทางการเมือง ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องพิสูจน์ตัวเองมากกว่าคำพูดว่า จะวางมือทางการเมือง และไม่แทรกแซงชี้นำรัฐบาลชุดนี้ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ นายสมัคร สุนทรเวช จะต้องเร่งพิสูจน์บทบาท และผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ และสร้างความมั่นใจให้กับคนทั่วไปว่า ประเทศนี้มีนายกรัฐมนตรีคนเดียว ไม่มีอำนาจซ้อนอำนาจ หรือนายกฯ ซ้อนนายกฯ อันอาจสร้างความสับสนต่อประชาชน และทำให้ระบบการเมืองไทยอ่อนแอ ไร้ระเบียบ และเกิดปัญหาตามมาในที่สุด
นายสุริยะใส กล่าวด้วยว่า คำแถลงของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่โรงแรมเพนนิซูล่าที่ระบุว่า ถูกกล่าวหา กลั่นแกล้ง และถูกรังแกนั้น อาจเข้าข่ายหมิ่นศาล เพราะการรับฟ้องของศาล หรือการอนุมัติออกหมายจับ ก็คงต้องมีมูล หรือข้อเท็จจริงแห่งคดี ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อตกเป็นผู้ต้องหา ก็มีหน้าที่พิสูจน์ความผิดต่อศาล การออกมาพูดนอกศาลในลักษณะนี้ อาจทำให้สังคมเข้าใจผิดได้
ทั้งนี้ แกนนำพันธมิตรฯ จะมีการประชุมหารือกัน และแสดงจุดยืนต่อสถานการณ์การเมืองอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ในช่วงเช้าวันที่ 4 มี.ค. ที่บ้านพระอาทิตย์
เมื่อเวลา 14.00 น. วานนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เปิดแถลงข่าวที่โรงแรมเพนนินซูล่า พร้อมด้วยคุณหญิงพจมาน ชินวัตร นายพานทองแท้ ชินวัตร นางสาวพิณทองทา ชินวัตร นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ว่า ขอขอบคุณสื่อมวลชน ที่มาทำข่าวการเดินทางกลับมาประเทศไทย ซึ่งก็มีคำถามมากมาย ขอสรุปให้ฟังคราวๆ ว่า หลังเกิดเหตุการณ์ปฏิวัติในวันที่ 19 ก.ย. 49 ตนอยากกลับประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 20 ก.ย. เพราะตนเป็นคนที่มีน้ำใจเป็นนักกีฬา เมื่อจบก็คือจบ ก็ตั้งใจว่า อยากจะเดินทางกลับ แต่เมื่อทุกคนบอกว่า อยากให้ตนอยู่สักพักหนึ่ง ตนก็อยู่ แต่ก็ได้มีการโทรศัพท์ติดต่อของฝ่ายคณะปฏิวัติ ก็ได้บอกทุกคนทราบว่า ตนเป็นคนที่มีน้ำใจเป็นนักกีฬา เมื่อจบแล้วก็จบ อยากให้ เกิดความปรองดองของคนในชาติ
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ตนนึกว่าจะอยู่ 2-3 เดือนอย่างมาก เพราะเป็นคนติดบ้าน รักผืนแผ่นดินไทย อยากอยู่กับครอบครัวในผืนแผ่นดินไทย ก็เลยนึกว่า จะได้กลับ แต่เรื่องก็ยังไม่ยุติลงได้ จึงต้องอยู่ต่อไป ประมาณ 17 เดือนกว่าๆ เกือบ 18 เดือน ในวันออกไปก็เป็นนายกรัฐมนตรี ที่ออกไปทั้งประชุมเอเซียยุโรป หรือ อาเซม เสร็จแล้วไปประชุมผู้นำของประเทศผู้ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด หรือ NAM ที่ กรุงฮาวานา คิวบา แล้วไปประชุมสหประชาชาติ เพื่อจะไปช่วยหาเสียงให้กับ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย ในขณะนั้น ที่ต้องการจะส่งให้เป็นเลขาธิการยูเอ็น ก็ไปด้วยความตั้งใจและทุ่มเท
"แต่วันนี้กลับมาถูกกล่าวหา ต้องไปพิมพ์ลายนิ้วมือ เปรียบเสมือนเป็นผู้ต้องหาสำคัญ ซึ่งก็รู้สึกเสียใจ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับผม และครอบครัวนั้นก็เป็นสิ่งที่น่าเสียใจ แต่ว่าผมก็ยังต้องอดขอแสดงความเสียใจกับพี่น้องประชาชนกับเหตุการณ์ของความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้นที่ผ่านมา คนที่เหนื่อย และลำบากที่สุดคือประชาชนโดยรวม ซึ่งผมขออภัยใน ณ ที่นี้ด้วย"
อยากตายบนแผ่นดินไทย
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า วันนี้ตนกลับมา เพราะหลังจากที่พี่น้องประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้งกันแล้ว ได้ประชาธิปไตยคืนมาแล้ว ตนจำเป็นที่จะต้องมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ แล้วก็มารักษาชื่อเสียง ที่ถูกทำลายอย่างไม่เป็นธรรม เพราะฉะนั้นก็อยากกราบเรียนทุกฝ่ายว่า การกลับเข้ามาของตนในวันนี้ ตนไม่ต้องการที่จะยุ่งเกี่ยวกับการเมือง บางคนอาจจะสงสัยว่า นักการเมืองไปมาหาสู่ตน มันเป็นธรรมชาติไม่ใช่หรือ ที่คนไทยเมื่อรู้จักกัน ไม่เจอหน้ากันนานๆ ก็ต้องย่อมมาเจอกัน เยี่ยมเยียนกัน มันเป็นวัฒนธรรมของพวกเราไม่ใช่หรือ เพราะฉะนั้นการที่คนเหล่านี้คิดถึงตน เพราะบางคนตนก็มีโอกาสส่งเสริมให้ได้ทำงานการเมือง เขาก็คิดถึง แล้วก็ไปเยี่ยมไปเยียน แล้วก็ไปรับตน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าตนจะกลับเข้าสู่การเมือง
"วันนี้ผมขออาศัยเป็นประชาชนคนไทยคนหนึ่ง ต้องการจะใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทย ผมไประเหเร่ร่อนมาทั่วโลก ขอยืนยันอีกครั้งว่า ไม่มีแผ่นดินไหนที่จะให้ความอบอุ่นกับผมและครอบครัวเท่ากับแผ่นดินไทย เพราะฉะนั้นผมจะขอกลับมาอาศัยอยู่อย่างมีความสุข มีความอบอุ่น และขอตายในผืนแผ่นดินไทยนี้ ขอให้ท่านทั้งหลายที่เป็นห่วงเป็นใยผม ว่าจะมาแข่งขันกันทางการเมือง หรืออะไรนั้น ได้สบายใจได้ว่า ผมจะขอใช้ชีวิตอย่างสันติ และสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัว ปีนี้ 59 แล้ว เพราะฉะนั้นชีวิตของคนเราก็ไม่ได้ยาวนานมากนัก ถ้าช่วงสุดท้ายจะได้ทำคุณประโยชน์กับสังคม และก็ได้อยู่กับสังคมอย่างมีความสุข เป็นสิ่งที่ทุกคนควรปรารถนา และผมก็ปรารถนาเช่นนั้น ผมจะขอใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวผม อยู่กับลูก กับเมีย แล้วก็แน่นอนครับ ขอพักผ่อนบำรุงความสุขให้กับตัวเองบ้าง หลังจากที่ตรากตรำทำงานมาทั้งชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเนื้อสร้างตัว ไม่ว่าการทุ่มเทให้กับบ้านเมืองที่ผ่านมา"
อ้างถูกใส่ร้ายป้ายสี
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า หลังจากนี้ จะใช้เวลากับการต่อสู้คดี รักษาชื่อเสียงของตัวเอง พร้อมกับการทำงานด้านการกุศล ด้านการกีฬา และด้านการศึกษา สิ่งไหนที่จะทำให้เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องคนไทยก็จะทำ ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง
"ผมต้องขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่เป็นกำลังใจผมมา 17 เดือน ก็ยังให้กำลังใจผม ทั้งๆ ที่ผมถูกใส่ร้ายป้ายสี ถูกกล่าวหาต่างๆนานา ก็ยังให้กำลังใจผมอยู่ ให้โอกาสผมกลับมาในวันนี้ หลายท่านที่ไปรับผมที่สนามบินก็ดี ไปยืนคอยในจุดต่างๆ ก็ดี ผมต้องขอกราบอภัยมา ณ ที่นี้ ที่ไม่ได้ลงไปทักทาย เพราะโดยปกติผมเป็นคนที่ต้องลงไปทักทาย ต้องขอบคุณน้ำใจ ที่ยืนตากแดดตากลม รอผม แต่ผมไม่สามารถทำได้เพราะว่าวันนี้ระบบการรักษาความปลอดภัย เขายังไม่ค่อยสบายใจ ที่จะให้ผมไปเดินเช่นนั้น"
ส่วนพี่น้องสื่อมวลชนก็หลายคนจำหน้าได้ เพราะว่าเคยทำงานร่วมกันมา ทั้งผู้สื่อข่าวต่างประเทศ และผู้สื่อข่าวไทย ขอให้ท่านช่วยกันทำให้ประเทศไทยได้กลับมามีความเชื่อมั่นอีกครั้งหนึ่ง เพราะว่าตนอยากเห็นประเทศไทยยืนได้อย่างเข้มแข็งในภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของปัญหาซับไพรม์ ที่สหรัฐอเมริกา ปัญหาเรื่องน้ำมันที่แพงขึ้นทุกวัน ปัญหาเศรษฐกิจ และปัญหาภายในของเรา ส่วนคำถามที่สื่อมวลชนจะถามขอให้ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ช่วยตอบ เพราะเดี๋ยวมันจะยาว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังแถลงข่าวเสร็จสิ้น พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่าจะพาครอบครัวไปกินก๋วยเตี๋ยวเนื้อที่อยากกินมานาน
มีรายงานว่าหลังการแถลงข่าว พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ขึ้นไปที่ห้องพักทันที โดยไปนวดที่สปา ทั้งนี้ มีรายงานว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ได้จองชั้น 35-37 ไว้ด้วย โดยห้องพักของพ.ต.ท.ทักษิณ จะอยู่ชั้นที่ 36 ห้อง 3609 เป็นห้องเพนท์เฮ้าส์ สองชั้น มีการนำฟิวเจอร์บอร์ดมาปิดกระจกตลอดทั้งชั้น มีแม่บ้านดูแล 2 คน และห้ามผู้ชายขึ้นก่อนได้รับอนุญาต
หาโอกาสเข้าพบ "ป๋าเปรม"
ต่อมานายพงศ์เทพ เทพกาญจนา พร้อมด้วย น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ในฐานะโฆษกประจำตัวพ.ต.ท.ทักษิณ ได้ตอบคำถามต่อสื่อมวลชนแทนพ.ต.ท.ทักษิณว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะพักที่โรงแรมเพนนินซูลา เนื่องจากบ้านพักอยู่ในระหว่างการซ่อมแซม ส่วนจะกลับบ้านเมื่อไร จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
เมื่อถามว่า จะอยู่เมืองไทยตลอดใช่หรือไม่ นายพงษ์เทพ กล่าวว่า ช่วงต้นยังอยู่ในเมืองไทย และจะไม่เดินทางออกนอกระเทศก่อนวันที่ 12 มี.ค. ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดไต่สวนเป็นนัดแรก แต่หลังจากนั้นยังไม่ทราบ และในขณะนี้ยังไม่มีกำหนดเดินทางไปที่ใด หรือเดินทางไปต่างประเทศ หรือ จ. เชียงใหม่
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าจะไปพบ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.) และร่วมตีกอล์ฟกับ เตรียม ทหารรุ่น 10 นั้น ตนไม่ทราบ ส่วนจะมีกำหนดการพบปะสื่อมวลชน หรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่มีการแจ้งอย่างเป็นทางการ
เมื่อถามว่า ทำไม พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ตอบคำถามกับสื่อด้วยตนเอง นายพงศ์เทพ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้บอกความในใจไปแล้ว และได้มอบหมายให้ตนและน.ส.ศันสนีย์ เป็นผู้แถลงข่าวแทน
เมื่อถามว่า เพื่อป้องกันไม่ให้คำถามนั้นมัดตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ใช่หรือไม่ นายพงศ์เทพ กล่าวว่า ตนเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องการเมืองอีก
เมื่อถามว่า มองอย่างไรกับที่มีการวิจารณ์ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีบารมีมากกว่า นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี นายพงษ์เทพ กล่าวว่า เป็นเรื่องของแต่ละบุคคลจะพิจารณา เพราะบารมีนั้นอยู่ที่คน เมื่อถามว่า ก่อนเดินทางกลับได้หารือกับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี หรือไม่ นายพงศ์เทพ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่ได้คุย แต่ถ้ามีโอกาส จะเข้าไปหารือ
ต่อข้อถามที่มีกระแสข่าวว่าได้มีการจองห้องพัก 3 ห้องในราคา 11 ล้านบาท เป็นความจริงหรือไม่ นายพงษ์เทพ กล่าวว่า ไม่ทราบ ซึ่งสื่อวิทยุระบุว่าเป็นราคา 200 เหรียญดอล์ลาร์ สหรัฐฯ ก็เท่ากับหลักพัน ซึ่งตัวเลขก็ไม่ใช่ ส่วนจะเป็น ชั้น 34 หรือ 35 หรือไม่ ตนไม่ทราบ
พร้อมขึ้นศาลคดีหวยบนดิน
เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย ใช่หรือไม่ ถึงไม่ยอมพักบ้านของตัวเอง นายพงศ์เทพ กล่าวว่า เรื่องความปลอดภัยไม่ใช่เฉพาะที่โรงแรม แต่สถานที่อื่นๆก็ต้องดูเป็นพิเศษ โดยเหตุผลหลักคือ เรื่องบ้านต้องซ่อมแซม เมื่อถามถึงคดีความที่ยังค้างอยู่ที่ คตส. ระบุให้พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้ชี้แจงนั้น นายพงศ์เทพ กล่าวว่า การที่มีคดีติดค้างอยู่ ผู้ที่ถูกกล่าวหาสามารถที่จะชี้แจงได้ด้วยตนเอง หรือนำเอกสารไปชี้แจงก็ได้ ต่อข้อถามที่ว่าพ.ต.ท.ทักษิณ จะพักอยู่ในประเทศในวันที่ 10 มี.ค. ซึ่ง คตส. จะส่งคดี หวยบนดินยื่นฟ้องต่อศาลฎีกา หรือไม่ นายพงษ์เทพ กล่าวว่า ฟ้องเมื่อไร ให้อยู่ก็ต้องอยู่ หากไม่อยู่ ก็ต้องกลับมา
เมื่อถามว่า กังวลกับกระแสต่อต้านเหมือนครั้งที่กลุ่มพันธมิตรฯ ต่อต้านหรือไม่ นายพงศ์เทพ กล่าวว่า เชื่อว่าคงไม่มี
เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีการพูดคุยถึงกรณีที่ทาง กกต. มีมติให้ใบแดง นายยงยุทธ ติยะไพรัช หรือไม่ นายพงศ์เทพ กล่าวว่าไม่ได้มีการคุยกัน เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ จะยุติบทบาททางการเมือง และให้ไปดำเนินการกันเอง เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ใช่สมาชิกของพรรคพลังประชาชน เมื่อถามว่าหลายฝ่ายกลัวการแทรกแซง นายพงศ์เทพ กล่าวว่า ไม่มีการแทรกแซง พ.ต.ท.ทักษิณ มั่นใจว่าสามารถที่จะพิสูจน์ตนเองได้
ด้าน น.ส.ศันสนีย์ กล่าวว่า เรื่องการแบ่งทีมที่จะดูแลเรื่องต่างๆนั้น จะมีการหารือกันในวันนี้ เบื้องต้นคนดูแลจะเป็นทีมงานส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ส่วนน.ศ.ศุภมาศ อิศรภักดี และนายดนุพร ปุณณกันต์ จะเป็นทีมเฉพาะกิจ ที่เข้ามาช่วยต้อนรับแขกในวันนี้เท่านั้น ส่วนทีมทนาย จะมีนายพิชิต ชื่นบาน เป็นหัวหน้าทีมกฎหมาย
"มาร์ค" จะคอยดู "แม้ว" วางมือ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ประกาศจะไม่ยุ่งกับการเมืองว่า เราจะติดตามดูต่อไป จะเชื่อถือได้หรือไม่ ก็อยู่ที่การกระทำของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ต้องพิสูจน์การกระทำของตัวเอง ฉะนั้นในช่วงนี้ ควรปล่อยให้เป็นการดำเนินการไปตามปกติ อย่าปล่อยให้เกิดความวุ่นวายตามมา และเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คงไม่อยากเป็นเงื่อนไขของความขัดแย้งของคนในสังคม
ผู้สื่อข่าวถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง แต่กลับมีคนในวงการเมืองไปต้อนรับ เป็นจำนวนมาก นาย อภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นความผูกพันส่วนตัว จะไปห้ามคงไม่ได้ ซึ่งคนเหล่านั้นควรระมัดระวังไม่ให้นำไปสู่เรื่องอื่น ส่วนรัฐมนตรีที่ไปร่วมต้อนรับ พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วยนั้น ถือว่าเป็นหน้าที่ที่ต้องดูแลความเรียบร้อย
เมื่อถามว่าอยากฝากอะไรถึงนักการเมืองที่มีความผูกพันกับ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ ในการวางบทบาทเพื่อไม่ให้เกิดเงื่อนไขความขัดแย้ง นาย อภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าทุกคนรู้หน้าที่ของตัวเอง และรู้ขอบเขตของการใช้สิทธิของตัวเอง บ้านเมืองจะไม่มีปัญหา การรักกันชอบกัน หรือคนที่ไม่ชอบ ก็เป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่ถ้าเราช่วยกันทำให้สังคมสามารถจัดการกับเรื่องเหล่านี้โดยไม่เป็นปัญหาความขัดแย้ง หรือความรุนแรง จะทำให้สังคมของเรามีความเข้มแข็งมากขึ้น และทุกคนก็จะได้ประโยชน์ แต่ถ้าเราไม่สามารถบริหารจัดการตรงนี้ได้ สุดท้ายความเดือดร้อนก็ตกอยู่ที่ประชาชน
เมื่อถามว่า รัศมีของพ.ต.ท.ทักษิณ จะไปบดบังการทำหน้าที่ของ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงไม่เป็นเช่นนั้น นายกฯ ยังคงเป็นนายสมัครอยู่ และตรงนี้ถือว่าเป็นสิ่งท้าทายนายสมัคร ซึ่งจะต้องดำรงสถานะเป็นตัวของตัวเอง ใช้อำนาจในความรับผิดชอบ เพื่อรักษาระบบการได้มาของตำแหน่งนายกฯ
เมื่อถามว่า คิดว่าการบริหารประเทศในอนาคตจะยากลำบากหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ ตอบว่า เป็นความท้าทายเช่นกัน แต่เชื่อว่านายสมัคร ทราบอยู่แล้ว ตั้งแต่วันที่รับตำแหน่งว่า ต้องมีเงื่อนไขแบบนี้เกิดขึ้น ส่วนที่มีข่าวว่าจะมีการปรับ ครม. ภายหลัง พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมานั้น คิดว่าไม่น่าจะไปถึงขนาดนั้น เพราะการปรับ ครม. อยู่ที่นายกฯ เป็นคนตัดสินใจ
"เลี้ยบ" เชื่อ "หมัก" ยังทำงานได้เต็มที่
นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยืนยันจะไม่กลับมาเล่นการเมืองอีก เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ ตั้งใจที่จะทำงานมูลนิธิการศึกษา และพัฒนาด้านกีฬาในธุรกิจฟุตบอล สโมสรแมนซิตี้ ซึ่งจะต้องมีการเดินทางออกนอกประเทศบ่อยครั้ง ดังนั้นความสนใจทางการเมืองก็จะลดน้อยลง ซึ่งต่อจากนี้ไป นายสมัคร สุนทรเวช จะทำงานบริหารประเทศในฐานะนายกรัฐมนตรีได้อย่างเต็มที่
"สำหรับกลุ่มต่างๆ ทั่วประเทศที่ออกมาเคลื่อนไหวสนับสนุนการกลับมาของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเรื่องปกติธรรมดา เพราะที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เคยสร้างผลงานในนโยบายดีๆ และ การทำงานสร้างความชื่นชมและพอใจกับประชาชนทั่วประเทศ จึงมีคนออกมาสนับสนุนมากมาย" น.พ.สุรพงษ์ กล่าว
ไม่เชื่อ "แม้ว" เลิกยุ่งการเมือง
นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวว่าหลังจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ได้รับการประกันตัว พันธมิตรฯ จะติดตามตรวจสอบกระบวนการต่อสู้ในชั้นศาลของ พ.ต.ท. ทักษิณ และองค์กรที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น สำนักงานอัยการ ตำรวจ คตส. ดีเอสไอ ว่าได้ทำหน้าที่โดยปลอดจากการแทรกแซงของฝ่ายการเมืองอย่างแท้จริงหรือไม่ และได้ทุ่มเทในการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อเอาผิดกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และเครือข่ายในคดีความต่างๆ อย่างตรงไปตรงมาหรือไม่
ทั้งนี้ การแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม อาจจะไม่หยุดอยู่แค่การย้ายอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษเท่านั้น ฉะนั้นพันธมิตรฯ ทั่วประเทศ จึงจำเป็นต้องเตรียมพร้อมเคลื่อนไหวตลอดเวลา เพื่อคัดค้านการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรม
"ผมยังไม่เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะวางมือทางการเมือง แม้ พ.ต.ท.ทักษิณจะประกาศหลายครั้งว่าจะเลิกเล่นการเมือง แต่พฤติกรรมที่ผ่านมาสวนทางอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะการยังคงเป็นผู้มีอำนาจเหนือพรรคพลังประชาชน และรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ไม่ว่าจะเป็นการจัดบัญชีรายชื่อผู้สมัครส.ส.ของพรรค หรือการจัดทำ ดีวีดี หาเสียงให้พรรคพลังประชาชน จนเกิดปัญหาความเป็นนอมินี การจัดโผครม. และตำแหน่งต่างๆในรัฐบาลชุดนี้"
ดังนั้น ขอให้จับตาว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะเข้ามาสร้างบทบาทเหนือพรรคพลังประชาชน และอำนาจเหนือรัฐบาล เพื่อเอื้อต่อรูปคดีและผลประโยชน์ทางการเมือง ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องพิสูจน์ตัวเองมากกว่าคำพูดว่า จะวางมือทางการเมือง และไม่แทรกแซงชี้นำรัฐบาลชุดนี้ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ นายสมัคร สุนทรเวช จะต้องเร่งพิสูจน์บทบาท และผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ และสร้างความมั่นใจให้กับคนทั่วไปว่า ประเทศนี้มีนายกรัฐมนตรีคนเดียว ไม่มีอำนาจซ้อนอำนาจ หรือนายกฯ ซ้อนนายกฯ อันอาจสร้างความสับสนต่อประชาชน และทำให้ระบบการเมืองไทยอ่อนแอ ไร้ระเบียบ และเกิดปัญหาตามมาในที่สุด
นายสุริยะใส กล่าวด้วยว่า คำแถลงของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่โรงแรมเพนนิซูล่าที่ระบุว่า ถูกกล่าวหา กลั่นแกล้ง และถูกรังแกนั้น อาจเข้าข่ายหมิ่นศาล เพราะการรับฟ้องของศาล หรือการอนุมัติออกหมายจับ ก็คงต้องมีมูล หรือข้อเท็จจริงแห่งคดี ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อตกเป็นผู้ต้องหา ก็มีหน้าที่พิสูจน์ความผิดต่อศาล การออกมาพูดนอกศาลในลักษณะนี้ อาจทำให้สังคมเข้าใจผิดได้
ทั้งนี้ แกนนำพันธมิตรฯ จะมีการประชุมหารือกัน และแสดงจุดยืนต่อสถานการณ์การเมืองอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ในช่วงเช้าวันที่ 4 มี.ค. ที่บ้านพระอาทิตย์