เผยผลสอบ กทม.ตึกทรุดรามคำแหง 58/4 เหตุเสาเข็มหัก ด้านชาวบ้าน จี้ หาสาเหตุที่แท้จริงว่ามาจากอะไร “บรู๊ค” แนะฟ้องคอนโดถ้าเป็นเหตุทำตึกทรุด
วันนี้ (24 ก.ค.) ที่สำนักงานเขตบางกะปิ นายประเสริฐ ทองนุ่น ผู้อำนวยการสำนักงานเขตบางกะปิ ได้เรียกประชุมเจ้าของอาคารและผู้เช่าอาคารพาณิชย์ กรณีเกิดเหตุอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น 20 คูหาทรุดตัว บริเวณซอยรามคำแหง 58/4 เขตบางกะปิ เมื่อเช้ามืดวันที่ 19 กรกฎาคม ที่ผ่านมา โดยมีเจ้าของห้องและผู้เช่าที่ได้รับความเดือดร้อนกว่า 30 ราย และ นายดนุพร ปุณณกันต์ ส.ส.กทม.เขต 7 พรรคพลังประชาชน พร้อมทีมงานร่วมประชุม
นายประเสริฐ กล่าวว่า ชาวบ้านที่ได้รับความเสียหายต้องการให้เจ้าหน้าที่จากวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสถ.) เข้าตรวจสอบพื้นที่เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงว่าเกิดจากสาเหตุอะไรกันแน่ เพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจ และประเมินว่า ระหว่างซ่อมแซมอาคาร กับยอมให้มีการทุบทิ้งและสร้างขึ้นมาใหม่นั้นแบบไหนจะคุ้มค่ามากกว่ากัน โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่สำนักการโยธา (สนย.) กทม.และเจ้าหน้าที่จากสภาวิศวกรรมสถาน ได้เข้ามาตรวจพื้นที่แล้ว โดยสรุปว่าเสาเข็มเกิดหักออกจากกัน เนื่องรับน้ำหนักของอาคารที่เอียงมานานแล้วตั้งแต่ปี 2543 อย่างไรก็ตาม ตนได้รับรายงานจาก สนย.แล้วว่าขณะนี้กำลังประสานผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรม จาก วสถ.และสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย เพื่อให้ช่วยส่งเจ้าหน้าที่มาร่วมตรวจสอบ ส่วนการช่วยเหลือผู้เดือดร้อน สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (สปภ.) จะให้การช่วยเหลือครอบครัวละ 3,000 บาท ในวันที่ 25 กรกฎาคมนี้
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นน่าเสียใจอย่างยิ่ง แต่ต้องยอมรับว่าพื้นที่บางกะปิเป็นดินอ่อน และมีลักษณะเป็นแอ่งกระทะ ทำให้เกิดน้ำท่วมเป็นประจำ อีกทั้งระดับดินปัจจุบันสูงกว่าระดับน้ำทะเลปานกลางเพียง 1 ฟุตเท่านั้น ถ้าเทียบกับเมื่อ 30 ปีก่อน พื้นที่บริเวณนี้สูงกว่าระดับน้ำทะเลปานกลาง 200 เซนติเมตรแต่ปัจจุบันเท่ากับว่าจมอยู่ในน้ำใต้ดินแล้ว” นายประเสริฐ กล่าว
ด้าน นายดนุพร กล่าวว่า อยากให้ทางเขตบางกะปิ กำหนดกรอบระยะเวลาถึงการหาสาเหตุอาคารทรุดเพื่อหาข้อยุติว่าจะซ่อมแซม หรือ ทุบทิ้ง โดยเร็วเนื่องจากประชาชนที่พักอาศัยได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก แต่ในประเด็นนี้ทางผู้อำนวยการเขตได้ชี้แจงกลับว่าไม่สามารถกำหนดระยะเวลาได้เพราะต้องขึ้นอยู่กับกระบวนการตรวจสอบของวิศวกรรมสถานฯ แต่จะดำเนินการให้เร็วที่สุด ทั้งนี้ หากทราบสาเหตุที่แท้จริงของอาคารทรุด ว่า มาจากการก่อสร้างคอนโดมิเนียมที่สร้างขึ้นใหม่ในพื้นที่ใกล้เคียงจริง ก็ควรให้ชาวบ้านรวมกลุ่มกันเพื่อฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากเจ้าของคอนโดมิเนียมดังกล่าว
วันนี้ (24 ก.ค.) ที่สำนักงานเขตบางกะปิ นายประเสริฐ ทองนุ่น ผู้อำนวยการสำนักงานเขตบางกะปิ ได้เรียกประชุมเจ้าของอาคารและผู้เช่าอาคารพาณิชย์ กรณีเกิดเหตุอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น 20 คูหาทรุดตัว บริเวณซอยรามคำแหง 58/4 เขตบางกะปิ เมื่อเช้ามืดวันที่ 19 กรกฎาคม ที่ผ่านมา โดยมีเจ้าของห้องและผู้เช่าที่ได้รับความเดือดร้อนกว่า 30 ราย และ นายดนุพร ปุณณกันต์ ส.ส.กทม.เขต 7 พรรคพลังประชาชน พร้อมทีมงานร่วมประชุม
นายประเสริฐ กล่าวว่า ชาวบ้านที่ได้รับความเสียหายต้องการให้เจ้าหน้าที่จากวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสถ.) เข้าตรวจสอบพื้นที่เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงว่าเกิดจากสาเหตุอะไรกันแน่ เพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจ และประเมินว่า ระหว่างซ่อมแซมอาคาร กับยอมให้มีการทุบทิ้งและสร้างขึ้นมาใหม่นั้นแบบไหนจะคุ้มค่ามากกว่ากัน โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่สำนักการโยธา (สนย.) กทม.และเจ้าหน้าที่จากสภาวิศวกรรมสถาน ได้เข้ามาตรวจพื้นที่แล้ว โดยสรุปว่าเสาเข็มเกิดหักออกจากกัน เนื่องรับน้ำหนักของอาคารที่เอียงมานานแล้วตั้งแต่ปี 2543 อย่างไรก็ตาม ตนได้รับรายงานจาก สนย.แล้วว่าขณะนี้กำลังประสานผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรม จาก วสถ.และสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย เพื่อให้ช่วยส่งเจ้าหน้าที่มาร่วมตรวจสอบ ส่วนการช่วยเหลือผู้เดือดร้อน สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (สปภ.) จะให้การช่วยเหลือครอบครัวละ 3,000 บาท ในวันที่ 25 กรกฎาคมนี้
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นน่าเสียใจอย่างยิ่ง แต่ต้องยอมรับว่าพื้นที่บางกะปิเป็นดินอ่อน และมีลักษณะเป็นแอ่งกระทะ ทำให้เกิดน้ำท่วมเป็นประจำ อีกทั้งระดับดินปัจจุบันสูงกว่าระดับน้ำทะเลปานกลางเพียง 1 ฟุตเท่านั้น ถ้าเทียบกับเมื่อ 30 ปีก่อน พื้นที่บริเวณนี้สูงกว่าระดับน้ำทะเลปานกลาง 200 เซนติเมตรแต่ปัจจุบันเท่ากับว่าจมอยู่ในน้ำใต้ดินแล้ว” นายประเสริฐ กล่าว
ด้าน นายดนุพร กล่าวว่า อยากให้ทางเขตบางกะปิ กำหนดกรอบระยะเวลาถึงการหาสาเหตุอาคารทรุดเพื่อหาข้อยุติว่าจะซ่อมแซม หรือ ทุบทิ้ง โดยเร็วเนื่องจากประชาชนที่พักอาศัยได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก แต่ในประเด็นนี้ทางผู้อำนวยการเขตได้ชี้แจงกลับว่าไม่สามารถกำหนดระยะเวลาได้เพราะต้องขึ้นอยู่กับกระบวนการตรวจสอบของวิศวกรรมสถานฯ แต่จะดำเนินการให้เร็วที่สุด ทั้งนี้ หากทราบสาเหตุที่แท้จริงของอาคารทรุด ว่า มาจากการก่อสร้างคอนโดมิเนียมที่สร้างขึ้นใหม่ในพื้นที่ใกล้เคียงจริง ก็ควรให้ชาวบ้านรวมกลุ่มกันเพื่อฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากเจ้าของคอนโดมิเนียมดังกล่าว
