ผู้จัดการรายวัน - แบงก์กรุงเทพใจกล้าขึ้นค่าธรรมเนียมกดเอทีเอ็มข้ามธนาคารเกินกว่า 4 ครั้งต่อเดือน เป็นครั้งละ 5 บาทต่อรายการ จากเดิม 3 บาท และเก็บค่าธรรมเนียมกดเอทีเอ็มข้ามธนาคารข้ามเขตในต่างจังหวัด เป็น 25 บาทจาก 20 บาท ขณะที่แบงก์อื่นไม่ขยับ ด้านผู้บริหารธปท.ยอมรับคุมไม่ได้ เหตุต้นทุนการดำเนินธุรกิจแต่ละแห่งต่างกัน เผยขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างวางแผนที่จะรื้อระบบค่าธรรมเนียมแบงก์ทั้งหมด ให้เหมาะสมกับต้นทุนที่แท้จริง
รายงานจากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา ธนาคารกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) ได้ปรับขึ้นค่าธรรมเนียมในการให้บริการถอนเงินข้ามธนาคารใหม่ โดยหากใช้บัตรเอทีเอ็มของธนาคารกรุงเทพกดเงินในตู้เอทีเอ็มต่างธนาคารภายในเขตเดียวกันเกินกว่า 4 ครั้งต่อเดือนจะคิดค่าบริการเป็นครั้งละ 5 บาทต่อรายการ จากเดิม 3 บาทต่อรายการ ขณะเดียวกันถ้าใช้บัตรเอทีเอ็มธนาคารกรุงเทพถอนเงินข้ามธนาคารและกดเงินข้ามเขตในต่างจังหวัดคิดค่าบริการเป็น 25 บาทต่อรายการ จากเดิมคิดค่าบริการ 20 บาทต่อรายการ
ทั้งนี้ การปรับขึ้นค่าธรรมเนียมสำหรับธุรกรรมถอนเงินผ่านตู้เอทีเอ็มข้ามธนาคารเกินกว่า 4 ครั้ง มีเพียงธนาคารกรุงเทพรายเดียวเท่านั้นที่มีการปรับขึ้น ส่งผลให้ผู้ถือบัตรเอทีเอ็มของธนาคารกรุงเทพ จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 2 บาทต่อรายการ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากการสอบถามไปยังธนาคารพาณิชย์รายอื่น ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน ) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน ) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยธนาคาร จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) พบว่า ยังคงเก็บค่าบริการการกดเอทีเอ็มต่างธนาคาร ทั้งในเขตเดียวกัน และข้ามเขตในต่างจังหวัด สำหรับบัตรเอทีเอ็มของธนาคารในอัตราเดิม ยังไม่ได้ปรับขึ้นค่าบริการแต่อย่างใด
ด้านฝ่ายระบบการชำระเงินของธปท. ซึ่งเป็นผู้ดูและระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ แจ้งว่า การปรับขึ้นค่าบริการดังกล่าว ธปท.ไม่ได้มีการกำหนดค่าบริการ และไม่จำเป็นต้องขอมายัง ธปท.ก่อนการปรับขึ้น เพียงแต่จะต้องประกาศการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมดังกล่าวให้ลูกค้าทราบอย่างน้อยที่สุด 30 วัน ซึ่งจะต้องติดประกาศไว้ในพื้นที่ที่เห็นได้ชัดเจน โดยเฉพาะบริเวณสาขาของธนาคารพาณิชย์นั้นๆ
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของธนาคารกรุงเทพนั้น ยืนยันว่าได้มีการติดประกาศดังกล่าวให้ลูกค้าทราบแล้ว ก่อนการปรับขึ้น 30 วัน โดยเป็นการประกาศที่สำนักงานใหญ่ของธนาคารกรุงเทพ และสาขาสำคัญ ๆ ซึ่งหากเป็นไปตามเกณฑ์ที่ ธปท.กำหนด การปรับขึ้นก็เป็นเรื่องของแต่ละธนาคารที่สามารถทำได้ เพราะอาจจะมีความจำเป็นทางต้นทุนที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะธนาคารกรุงเทพ เป็นธนาคารขนาดใหญ่ มีลูกค้าที่ใช้บัตรเอทีเอ็มมากที่สุดเป็นอันดับแรก หากลูกค้านำเอทีเอ็มของธนาคาร ไปกดที่ตู้เอทีเอ็มของธนาคารอื่น ธนาคารกรุงเทพจะต้องเสียค่าใช้จ่ายให้กับธนาคารที่ให้บริการ ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้มีการปรับขึ้นค่าบริการ เพื่อลดค่าใช้จ่าย และลดปริมาณการกดเอทีเอ็มต่างธนาคารของลูกค้าไปในตัวด้วย
ด้านนายฉิม ตันติยาสวัสดิกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายระบบข้อสนเทศ ธปท. กล่าวว่า ขณะนี้ธปท.กำลังอยู่ระหว่างจัดทำแผนพัมนาระบบชำระเงินฉบับใหม่ ซึ่งจะเริ่มใช้ในต้นปี 2553 นี้ และจะมีการรื้อระบบอัตราค่าธรรมเนียมของระบบธนาคารพาณิชย์ที่เกี่ยวกับการชำระเงินและอัตราค่าธรรมเนียมส่วนต่างๆ ซึ่งฝ่ายนโยบายสถาบันการเงินกำลังพิจารณาอยู่ เพื่อให้ระบบการจัดเก็บค่าธรรมเนียมของธนาคารพาณิชย์อยู่ในระดับที่เหมาะสมกับต้นทุนของการให้บริการที่แท้จริง
"ในเบื้องต้น ธปท.ต้องการให้เกิดการแข่งขันในการเก็บอัตราค่าธรรมเนียม ไม่ให้ฮั้วกัน หรือมีการผูกขาดจัดเก็บในอัตราเดียวกันทุกธนาคาร เพราะทำให้ประชาชนไม่มีทางเลือก และเสียประโยชน์”ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายระบบข้อสนเทศ ธปท.กล่าว
นายฉิม กล่าวว่า ธปท.ยังได้พยายามสร้างทางเลือกในใช้บริการธนาคารพาณิชย์มากขึ้นด้วยการพัฒนาระบบการโอนเงินรายย่อย (สมาร์ท) ซึ่งจะทำให้ลูกค้ามีทางเลือกในการใช้บริการธนาคารพาณิชย์มากขึ้น เช่นกรณีการจ่ายเงินเดือนให้กับพนักงาน เดิมจะต้องใช้การโอนผ่านธนาคารเดียวกัน ทั้งบัญชีบริษัท และบัญชีพนักงาน แต่หากใช้ระบบสมาร์ท สามารถโอนจากบัญชีธนาคารหนึ่งครั้งเดียว เข้าบัญชีได้ทุกธนาคาร โดยไม่ต้องแยกโอนทีละธนาคาร ทำให้พนักงานสามารถเลือกใช้บัญชีธนาคารที่ถูกใจเป็นบัญชีเงินเดือนได้ ไม่ต้องยึดกับบัญชีของนายจ้างว่าเป็นธนาคารใด และหากมีระบบดังกล่าว หากลูกค้าไม่ต้องการเสียค่าบริการเอทีเอ็มแพงกว่าที่อื่นเช่นกรณีนี้ลูกค้าก็สามารถเปลี่ยนไปใช้ธนาคารอื่นได้ โดยไม่ต้องกังวลว่าเป็นบัญชีที่จ่ายเงินเดือน
รายงานจากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา ธนาคารกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) ได้ปรับขึ้นค่าธรรมเนียมในการให้บริการถอนเงินข้ามธนาคารใหม่ โดยหากใช้บัตรเอทีเอ็มของธนาคารกรุงเทพกดเงินในตู้เอทีเอ็มต่างธนาคารภายในเขตเดียวกันเกินกว่า 4 ครั้งต่อเดือนจะคิดค่าบริการเป็นครั้งละ 5 บาทต่อรายการ จากเดิม 3 บาทต่อรายการ ขณะเดียวกันถ้าใช้บัตรเอทีเอ็มธนาคารกรุงเทพถอนเงินข้ามธนาคารและกดเงินข้ามเขตในต่างจังหวัดคิดค่าบริการเป็น 25 บาทต่อรายการ จากเดิมคิดค่าบริการ 20 บาทต่อรายการ
ทั้งนี้ การปรับขึ้นค่าธรรมเนียมสำหรับธุรกรรมถอนเงินผ่านตู้เอทีเอ็มข้ามธนาคารเกินกว่า 4 ครั้ง มีเพียงธนาคารกรุงเทพรายเดียวเท่านั้นที่มีการปรับขึ้น ส่งผลให้ผู้ถือบัตรเอทีเอ็มของธนาคารกรุงเทพ จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 2 บาทต่อรายการ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากการสอบถามไปยังธนาคารพาณิชย์รายอื่น ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน ) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน ) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยธนาคาร จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) พบว่า ยังคงเก็บค่าบริการการกดเอทีเอ็มต่างธนาคาร ทั้งในเขตเดียวกัน และข้ามเขตในต่างจังหวัด สำหรับบัตรเอทีเอ็มของธนาคารในอัตราเดิม ยังไม่ได้ปรับขึ้นค่าบริการแต่อย่างใด
ด้านฝ่ายระบบการชำระเงินของธปท. ซึ่งเป็นผู้ดูและระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ แจ้งว่า การปรับขึ้นค่าบริการดังกล่าว ธปท.ไม่ได้มีการกำหนดค่าบริการ และไม่จำเป็นต้องขอมายัง ธปท.ก่อนการปรับขึ้น เพียงแต่จะต้องประกาศการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมดังกล่าวให้ลูกค้าทราบอย่างน้อยที่สุด 30 วัน ซึ่งจะต้องติดประกาศไว้ในพื้นที่ที่เห็นได้ชัดเจน โดยเฉพาะบริเวณสาขาของธนาคารพาณิชย์นั้นๆ
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของธนาคารกรุงเทพนั้น ยืนยันว่าได้มีการติดประกาศดังกล่าวให้ลูกค้าทราบแล้ว ก่อนการปรับขึ้น 30 วัน โดยเป็นการประกาศที่สำนักงานใหญ่ของธนาคารกรุงเทพ และสาขาสำคัญ ๆ ซึ่งหากเป็นไปตามเกณฑ์ที่ ธปท.กำหนด การปรับขึ้นก็เป็นเรื่องของแต่ละธนาคารที่สามารถทำได้ เพราะอาจจะมีความจำเป็นทางต้นทุนที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะธนาคารกรุงเทพ เป็นธนาคารขนาดใหญ่ มีลูกค้าที่ใช้บัตรเอทีเอ็มมากที่สุดเป็นอันดับแรก หากลูกค้านำเอทีเอ็มของธนาคาร ไปกดที่ตู้เอทีเอ็มของธนาคารอื่น ธนาคารกรุงเทพจะต้องเสียค่าใช้จ่ายให้กับธนาคารที่ให้บริการ ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้มีการปรับขึ้นค่าบริการ เพื่อลดค่าใช้จ่าย และลดปริมาณการกดเอทีเอ็มต่างธนาคารของลูกค้าไปในตัวด้วย
ด้านนายฉิม ตันติยาสวัสดิกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายระบบข้อสนเทศ ธปท. กล่าวว่า ขณะนี้ธปท.กำลังอยู่ระหว่างจัดทำแผนพัมนาระบบชำระเงินฉบับใหม่ ซึ่งจะเริ่มใช้ในต้นปี 2553 นี้ และจะมีการรื้อระบบอัตราค่าธรรมเนียมของระบบธนาคารพาณิชย์ที่เกี่ยวกับการชำระเงินและอัตราค่าธรรมเนียมส่วนต่างๆ ซึ่งฝ่ายนโยบายสถาบันการเงินกำลังพิจารณาอยู่ เพื่อให้ระบบการจัดเก็บค่าธรรมเนียมของธนาคารพาณิชย์อยู่ในระดับที่เหมาะสมกับต้นทุนของการให้บริการที่แท้จริง
"ในเบื้องต้น ธปท.ต้องการให้เกิดการแข่งขันในการเก็บอัตราค่าธรรมเนียม ไม่ให้ฮั้วกัน หรือมีการผูกขาดจัดเก็บในอัตราเดียวกันทุกธนาคาร เพราะทำให้ประชาชนไม่มีทางเลือก และเสียประโยชน์”ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายระบบข้อสนเทศ ธปท.กล่าว
นายฉิม กล่าวว่า ธปท.ยังได้พยายามสร้างทางเลือกในใช้บริการธนาคารพาณิชย์มากขึ้นด้วยการพัฒนาระบบการโอนเงินรายย่อย (สมาร์ท) ซึ่งจะทำให้ลูกค้ามีทางเลือกในการใช้บริการธนาคารพาณิชย์มากขึ้น เช่นกรณีการจ่ายเงินเดือนให้กับพนักงาน เดิมจะต้องใช้การโอนผ่านธนาคารเดียวกัน ทั้งบัญชีบริษัท และบัญชีพนักงาน แต่หากใช้ระบบสมาร์ท สามารถโอนจากบัญชีธนาคารหนึ่งครั้งเดียว เข้าบัญชีได้ทุกธนาคาร โดยไม่ต้องแยกโอนทีละธนาคาร ทำให้พนักงานสามารถเลือกใช้บัญชีธนาคารที่ถูกใจเป็นบัญชีเงินเดือนได้ ไม่ต้องยึดกับบัญชีของนายจ้างว่าเป็นธนาคารใด และหากมีระบบดังกล่าว หากลูกค้าไม่ต้องการเสียค่าบริการเอทีเอ็มแพงกว่าที่อื่นเช่นกรณีนี้ลูกค้าก็สามารถเปลี่ยนไปใช้ธนาคารอื่นได้ โดยไม่ต้องกังวลว่าเป็นบัญชีที่จ่ายเงินเดือน