"เทเลนอร์ กรุ๊ป" (Telenor) ส่งสัญญาณความเชื่อมั่นเต็มเปี่ยมต่อตลาดโทรคมนาคมไทย ในวาระครบรอบ 25 ปีของการดำเนินงานในประเทศ เผยอัตราการเข้าถึงดิจิทัลคนไทยสูงเกิน 95.5% แล้ว ชี้การเติบโตในอนาคตจะมาจาก "บริการเสริมออนท็อปจากการเชื่อมต่อหลัก" ภูมิใจความสำเร็จทางการเงินของ "ทรู คอร์ปอเรชั่น" ที่ทำกำไรต่อเนื่อง และคาดว่าจะเริ่มจ่ายปันผลได้ก่อนสิ้นปี
การฉลองวาระสำคัญ 25 ปีของ Telenor ในประเทศไทย ได้รับการตอกย้ำด้วยการมาเยือนของนางเบเนดิกเต้ ชิลเบร็ด ฟาสเมอร์ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม (Group CEO) ซึ่งเข้ามาดำรงตำแหน่งตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2567 และได้ย้ำถึงความผูกพันส่วนตัวกับประเทศไทย ว่าเมื่อ 36 ปีที่แล้ว สามีของเธอได้ขอเธอแต่งงานที่นี่
ขณะที่ในมิติทางธุรกิจ Telenor ตอกย้ำว่าประเทศไทยคือตลาดสำคัญ โดยมีทรูหรือ True Corporation เป็นหนึ่งในสินทรัพย์หลัก นับตั้งแต่ Telenor เข้าสู่เอเชียเมื่อ 28 ปีที่แล้ว ภูมิภาคนี้ได้กลายเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่ให้บริการลูกค้ากว่า 200 ล้านราย โดยมีมูลค่าส่วนของผู้ถือหุ้นในเอเชียคิดเป็นเกือบ 40% ของมูลค่ารวมของกลุ่ม
*** True เฮกำไร 2 ไตรมาสติด
นายยอน ออมุนด์ เรฟ-ฮอว์ก ผู้บริหารระดับสูงของ Telenor Asia ได้นำเสนอข้อมูลเชิงลึกถึงการเดินหน้าของ True Corporation หลังการควบรวม โดยระบุว่า บริษัทได้สร้าง "แชมป์โทรคมนาคม" ที่เป็นกลไกสำคัญในการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของไทย
Telenor เผยว่านับตั้งแต่การก่อตั้งในปี 2022 บริษัทใหม่อย่าง True นั้นสามารถทำกำไรติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 2
มูลค่าการถือครองหุ้นของ Telenor ใน True ได้เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 45,000 ล้านบาทนับตั้งแต่การเปิดตัว สะท้อนผลกระทบเชิงบวกต่อตลาดทุนไทย และ Telenor ประเมินว่า True ถือเป็นสินทรัพย์ที่มีศักยภาพการเติบโตสูงสุดในระยะกลาง คาดการณ์ว่า True จะอยู่ในสถานะที่สามารถเริ่มจ่ายเงินปันผลได้ก่อนสิ้นปีนี้
***โอกาสโตที่ B2B และความปลอดภัยไซเบอร์
เทเลนอร์ชี้ว่าในภาวะที่ตลาดการเชื่อมต่อพื้นฐานเริ่มอิ่มตัว เมื่อประชาชนไทย 95.5% เป็นผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ และ 89.5% ใช้งานอินเทอร์เน็ต บริษัทมองโอกาสการเติบโตเพิ่มเติมจากตลาด B2B และตลาดโซลูชันขั้นสูง เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ก้าวหน้าในไทย ซึ่งรวมถึงเครือข่าย 4G และ 5G ที่แข็งแกร่ง จะทำให้ภาคอุตสาหกรรมและฟังก์ชันสำคัญของสังคมเชื่อมต่อกับบริการดิจิทัลมากขึ้น
Telenor ยังวางกลยุทธ์สร้างจุดยืนเหนือคู่แข่งด้วย "บริการเสริมที่เพิ่มจากการเชื่อมต่อหลัก" เช่น บริการด้านความปลอดภัยไซเบอร์ (Security Services) ที่ Telenor สามารถมีบทบาทสำคัญ ในการทำให้เครือข่ายและการใช้งานมีความปลอดภัยมากขึ้นสำหรับทั้งผู้บริโภคและภาคธุรกิจ
ในอีกด้าน Telenor วางแผนลุย AI เต็มสูบ ทั้งการสนับสนุนในบริบทที่คณะกรรมการ AI แห่งชาติของไทยมีเป้าหมายฝึกอบรมผู้เชี่ยวชาญด้าน AI จำนวน 90,000 คน และนักพัฒนา AI จำนวน 50,000 คนในช่วง 2 ปีข้างหน้า และการนำความเชี่ยวชาญระดับโลกมาสนับสนุน True อย่างเข้มข้น โดยปัจจุบัน Telenor มีบริการ AI Factory หรือบริการคลาวด์ AI แห่งแรกของนอร์เวย์ที่ใช้เทคโนโลยี Nvidia และศูนย์วิจัยที่สำรวจเทคโนโลยีล้ำสมัยตั้งแต่ AI ไปจนถึง 6G และความปลอดภัยทางไซเบอร์
เมื่อถูกถามถึงความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดในการดำเนินธุรกิจในไทยหลังครบรอบ 25 ปี ผู้บริหาร Telenor ให้ความเห็นว่าความท้าทายหลักไม่ได้อยู่ที่การแข่งขันด้านราคาแต่อยู่ที่กฏระเบียบ และหากต้องการให้เศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศเติบโต กฎระเบียบและการเจรจากับหน่วยงานภาครัฐถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
เทเลนอร์ยกตัวอย่างในยุโรปว่า กฎระเบียบบางส่วนได้ขัดขวางไม่ให้บริษัทสามารถขยายขนาดเพื่อแข่งขันในระดับโลกได้ ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับ Telenor คือการสร้างความสามารถในการคาดการณ์ระยะยาวในการดำเนินงาน เพื่อรองรับการลงทุนในระยะยาว ทั้งในการซื้อใบอนุญาต การลงทุนในอุปกรณ์ และการขายบริการ
นายทอร์-บเยิร์น วิสต์ ประธานฝ่ายการเงิน Telenor Group CFO ) กล่าวถึงแผนการบริหารต้นทุนในปี 2568 ว่าเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ต้องนำมาหารือกันอย่างแน่นอน โดยในฐานะที่เทเลนอร์เป็นผู้ถือหุ้น (Active Owners) สิ่งสำคัญที่สุดคือการสร้างผลการดำเนินงาน ทั้งในด้านรายได้และการบริหารต้นทุน เพื่อเป้าหมายหลักคือการสร้างผลประกอบการที่ดีใน ะยะยาว
ในฐานะผู้ถือหุ้นที่เท่าเทียมกับกลุ่ม CP เจ้าพ่อ Telenor ยืนยันความมุ่งมั่นที่จะนำความเชี่ยวชาญด้านโทรคมนาคม ประสบการณ์จากตลาด Nordic ซึ่งมีการเติบโตของรายได้จากบริการที่ไม่ใช่บริการหลักต่อเนื่อง 8 ไตรมาส มาสนับสนุน True ให้เป็นบริษัทดิจิทัลที่แข็งแกร่งและสร้างประโยชน์ต่อสังคมไทยอย่างยั่งยืนต่อไป.