xs
xsm
sm
md
lg

หัวเว่ยเปิดตัวน้องใหม่ F5G-Advanced "เดวิด หวัง" ชูระบบนิเวศใหม่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอัจฉริยะ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เปิดความเคลื่อนไหวหัวเว่ยในงาน HUAWEI CONNECT 2024 ล่าสุดเปิดตัวผลิตภัณฑ์ F5G ขั้นสูง (F5G-Advanced) ใหม่ตามเทรนด์ 3 In 3 Out เสริมความเก่งอุตสาหกรรมอัจฉริยะ ด้าน "เดวิด หวัง" (David Wang) กรรมการบริหารและประธานคณะกรรมการบริหารโครงสร้างพื้นฐาน ICT ของหัวเว่ยยก "ระบบนิเวศใหม่" เป็นพระเอกขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอัจฉริยะ

***ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอัจฉริยะ

ในงาน Huawei Connect 2024 "เดวิด หวัง" (David Wang) กรรมการบริหารและประธานคณะกรรมการบริหารโครงสร้างพื้นฐาน ICT ของหัวเว่ย ได้กล่าวสุนทรพจน์ในหัวข้อ "การขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านดิจิทัลและอุตสาหกรรมอัจฉริยะ" โดยได้แบ่งปันมุมมองและประสบการณ์ของหัวเว่ย ในการช่วยให้อุตสาหกรรมต่างๆ ก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลและอุตสาหกรรมอัจฉริยะ และได้เปิดตัวโซลูชันใหม่สำหรับการสร้างความอัจฉริยะในอุตสาหกรรม เพื่อส่งเสริมการผสมผสานปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในอุตสาหกรรมอย่างลึกซึ้ง

"การเปลี่ยนผ่านดิจิทัลและอุตสาหกรรมอัจฉริยะกำลังได้รับความนิยมในทุกอุตสาหกรรม และความก้าวหน้านี้กำลังสร้างโอกาสมหาศาลให้ทุกคน" นายหวัง กล่าว โดยระบุว่าหัวเว่ยต้องการทำงานร่วมกับลูกค้าและพันธมิตรเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมรองรับอนาคต พร้อมกันนี้ จะพัฒนาโซลูชันเฉพาะด้าน และสร้างพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์สำหรับเศรษฐกิจและสังคมให้เติบโตไปด้วยกัน

หัวเว่ยเชื่อว่าการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 กำลังถูกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลและอุตสาหกรรมอัจฉริยะ และคาดว่าจะพัฒนาไปอีกขั้น เบื้องต้น หัวเว่ยได้ระบุขั้นตอนที่ประเทศต่างๆ สามารถปฏิบัติตามเพื่อการเปลี่ยนผ่านดิจิทัลและอุตสาหกรรมอัจฉริยะ ซึ่งแต่ละขั้นตอนเป็นการต่อยอดจากขั้นตอนก่อนหน้านี้

เดวิด หวัง (David Wang) กรรมการบริหารและประธานคณะกรรมการบริหารโครงสร้างพื้นฐาน ICT ของหัวเว่ย
นายหวัง ชี้ว่านวัตกรรมทางเทคโนโลยีจะต้องถูกนำมาใช้ในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ทั้งโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและความอัจฉริยะที่เชื่อมต่อได้ เก็บข้อมูล ประมวลผล คลาวด์ และพลังงาน หัวเว่ยจึงมุ่งสร้างโครงสร้างพื้นฐานรุ่นใหม่ด้วยนวัตกรรมระดับระบบใน 5 สาขาหลัก: การเชื่อมต่อ การเก็บข้อมูล การประมวลผล คลาวด์ และพลังงาน ซึ่งในการเชื่อมต่ออัจฉริยะ หัวเว่ยใช้ความสามารถในการส่งข้อมูลสูงเพื่อเร่งการย้ายระบบไปยังคลาวด์อย่างรวดเร็ว และเพิ่มความอัจฉริยะตามความต้องการในการเก็บข้อมูลที่พร้อมรองรับอนาคต

ในด้านคลาวด์ หัวเว่ยย้ำว่ากำลังสร้างคลาวด์ที่ปรับให้เหมาะสมกับอุตสาหกรรมต่างๆ และสร้างพื้นที่อุดมสมบูรณ์สำหรับการเปลี่ยนผ่านดิจิทัลและอุตสาหกรรมอัจฉริยะ นอกจากนี้ หัวเว่ยยังทำงานอย่างมากในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานพลังงานสีเขียวที่จะขับเคลื่อนโลกดิจิทัล คาดว่าการเปิดตัว CANN 8.0 รุ่นใหม่และชุดเครื่องมือเปิดการใช้งานแอปพลิเคชัน openMind เพื่อเสริมสร้างระบบนิเวศอุตสาหกรรมการประมวลผล

"ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา หัวเว่ยได้พัฒนาธุรกิจการประมวลผลสองด้าน ได้แก่ Kunpeng สำหรับการประมวลผลทั่วไป และ Ascend สำหรับการประมวลผลปัญญาประดิษฐ์ เพื่อสร้างทางเลือกใหม่ให้โลก จนถึงปัจจุบัน หัวเว่ยได้ทำงานร่วมกับพันธมิตร 7,600 ราย และนักพัฒนา 6.35 ล้านคน เพื่อพัฒนาโซลูชันอุตสาหกรรมกว่า 20,000 โซลูชันภายในระบบนิเวศเหล่านี้

ฝั่ง Kunpeng ได้รับการใช้งานอย่างแพร่หลายในสถานการณ์สำคัญของอุตสาหกรรมหลายแห่ง เช่น บริการสาธารณะ การเงิน โทรคมนาคม และพลังงานไฟฟ้า openEuler ปัจจุบันครองอันดับหนึ่งในตลาดระบบปฏิบัติการเซิร์ฟเวอร์ของจีน ด้วยส่วนแบ่งตลาด 36.8% และมีการดาวน์โหลดกว่า 3.5 ล้านครั้ง ให้บริการแก่ผู้ใช้ในกว่า 150 ประเทศ

ขณะที่ Ascend ยังได้สร้างชุดผลิตภัณฑ์ที่เปิดกว้างและใช้งานง่ายสำหรับการฝึกอบรมและการสรุปผล รวมถึงฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ เครื่องมือปลายทางต่อปลายทาง และสถาปัตยกรรมการสนับสนุนฮาร์ดแวร์ CANN ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ถูกนำมาใช้เพื่อเร่งการพัฒนาและนวัตกรรมของอัลกอริธึมแบบขนาน โมเดล และแอปพลิเคชัน

หัวเว่ยได้เปิดตัว CANN 8.0 รุ่นใหม่ในงานวันนี้ CANN เป็นรากฐานของระบบนิเวศ Ascend โดยสนับสนุนตัวดำเนินการพื้นฐานใหม่กว่า 200 ตัวสำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพอย่างลึกซึ้ง ตัวดำเนินการรวมกว่า 80 ตัว และ API สำหรับการสื่อสารและการคูณเมทริกซ์กว่า 100 ตัว CANN 8.0 ย่นระยะเวลาการพัฒนาตัวดำเนินการรวมจาก 2 เดือนต่อคนเหลือ 1.5 สัปดาห์ต่อคน ซึ่งช่วยเร่งนวัตกรรมเฉพาะ Ascend

หัวเว่ยยังเปิดตัวชุดเครื่องมือเปิดการใช้งานแอปพลิเคชัน openMind ซึ่งจะเปิดให้บริษัทต่างๆ เร่งนวัตกรรม AI ของตนเอง ชุดเครื่องมือนี้จะช่วยให้บริษัทสร้างชุมชน AI ของตนเองได้อย่างรวดเร็วและสร้างระบบนิเวศที่เติบโตแข็งแกร่ง

นายหวัง ทิ้งท้ายว่าหัวเว่ยทำงานอย่างหนักเพื่อสร้างระบบนิเวศ Kunpeng และ Ascend และประกาศว่า หัวเว่ยจะลงทุน 1 พันล้านหยวนต่อปีในโครงการพัฒนาระบบ Kunpeng และ Ascend ในอีก 3 ปีข้างหน้า โดยจะพัฒนาองค์กรที่เป็นพันธมิตรในการพัฒนาแอปพลิเคชันเฉพาะ Kunpeng และ Ascend กว่า 1,500 ราย

***เปิดตัวผลิตภัณฑ์ซีรีส์ F5G-Ab สำหรับ 5 อุตสาหกรรมอัจฉริยะ

ในงาน HUAWEI CONNECT 2024 หัวเว่ยได้จัดงานประชุมสุดยอดเทคโนโลยีใยแก้วนำแสง ในงานนี้ หัวเว่ยได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ F5G ขั้นสูง (F5G-Advanced) ใหม่ตามแนวโน้ม "3 In 3 Out" โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านอุตสาหกรรมอัจฉริยะให้เติบโต

นายบ๊อบ เฉิน (Bob Chen) ประธานสายผลิตภัณฑ์ธุรกิจออปติคอลของหัวเว่ย กล่าวในงานประชุมซัมมิท ว่าขณะนี้โลกกำลังเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคอัจฉริยะ อุตสาหกรรมออปติคอลจึงได้เข้ามาเร่งให้แนวโน้ม '3 In 3 Out' เติบโตอย่างก้าวกระโดด ปัจจุบันทั่วโลกมีมหาวิทยาลัยที่ใช้การเชื่อมต่อเทคโนโลยีใยแก้วนำแสง (All-optical Campuses) มากกว่า 9,000 แห่ง โดยนำนวัตกรรมเครือข่ายไฟเบอร์มาใช้แทนระบบเครือข่ายแบบเก่าที่ใช้ทองแดง หรือ Fiber-in Copper-out ส่วนในด้าน fgOTN-in SDH-out หรือเครือข่ายความเร็วสูง (Synchronous Digital Hierarchy: SDH) กำลังถูกแทนที่ด้วยมาตรฐานเครือข่ายส่งข้อมูลด้วยแสงระดับละเอียด (fgOTN) ที่มีการนำมาใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ ปัจจุบันเริ่มใช้งานในเชิงพาณิชย์มากกว่า 80 แห่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

บ๊อบ เฉิน (Bob Chen) ประธานสายผลิตภัณฑ์ธุรกิจออปติคอลของหัวเว่ย
สำหรับนวัตกรรมเครือข่ายไฟเบอร์มาใช้แทนระบบแบบเก่าที่ใช้ทองแดง หรือ "Fiber-in Copper-out" เพื่อเครือข่ายไฟเบอร์ภายในบ้าน หัวเว่ยได้เปิดตัวอุปกรณ์รับส่งสัญญาณ Wi-Fi 7 ONT รุ่นใหม่ล่าสุด ใช้ชื่อว่า OptiXstar EN8145 เพื่อช่วยผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตสามารถอัปเกรดแพกเกจบริการจาก 100Mbps เป็น 1000Mbps มอบประสบการณ์ Wi-Fi ที่ดีที่สุดให้ผู้ใช้งาน พร้อมรองรับการเข้าถึงข้อมูลความเร็วสูงภายในบ้าน

ส่วนในมหาวิทยาลัย เช่น ห้องเรียนและสำนักงาน หัวเว่ยได้อัปเดตโซลูชัน FTTO 2.0 หรือ Fiber to the Office ที่มีการใช้เครือข่ายไฟเบอร์แบบพาสซีฟ เดินจากห้องคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์หลักกับเวิร์กสเตชันตามจุดต่างๆ เหมาะสำหรับติดตั้งตามออฟฟิศและสำนักงาน และเปิดตัวอุปกรณ์ออปติคอลที่มีแบนด์วิธขนาดกว้างและความเร็วสูงถึง 10Gbps ใช้ชื่อว่า OptiXstar P884E - ที่สามารถครอบคลุม 12.5/25Gbps และยังได้เปิดตัวอุปกรณ์ Wi-Fi 7 ออปติคอลของซีรีส์ OptiXstar (รวมถึง W617E) อีก 4 รุ่น

ที่สุดแล้ว แนวโน้ม "3 In 3 Out" นั้นประกอบด้วย Fiber-in Copper-out หรือการใช้เครือข่ายไฟเบอร์แทนระบบทองแดง fgOTN-in SDH-out การใช้มาตรฐาน fgOTN แทนเครือข่าย SDH และ Optical-sensing-in Hard-work-out ซึ่งใช้การตรวจจับด้วยเทคโนโลยีใยแก้วนำแสงแทนการตรวจสอบแบบดั้งเดิม

สรุป 6 ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เปิดตัว ได้แก่ 1.OptiXstar EN8145 หรืออุปกรณ์รับส่งสัญญาณ Wi-Fi 7 ONT สำหรับเครือข่ายในบ้าน 2.OptiXstar P884E และ W617E ซึ่งเป็นอุปกรณ์ออปติคอลความเร็วสูงและ Wi-Fi 7 สำหรับมหาวิทยาลัยและสถานที่อื่นๆ 3.OptiXtrans E6600/9600 หรือชุดผลิตภัณฑ์รับส่งข้อมูลแบบ fgOTN สำหรับอุตสาหกรรม 4.โซลูชัน Dual-Mode HPLC สำหรับการสื่อสารผ่านสายไฟฟ้าความเร็วสูง 5.OptiXtrans DC808: สวิตช์ออปติคอลสำหรับศูนย์ข้อมูล และ 6.OptiXsense ES100 ระบบตรวจจับการรั่วไหลของก๊าซอัจฉริยะ

ในขณะที่หัวเว่ยเน้นย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมือในอุตสาหกรรมเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมอัจฉริยะร่วมกัน ผลิตภัณฑ์เหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าในเทคโนโลยีเครือข่ายและการสื่อสารที่หัวเว่ยกำลังพัฒนา ซึ่งไม่เพียงจะเน้นการใช้เทคโนโลยีใยแก้วนำแสงและการเชื่อมต่อแบบไร้สายความเร็วสูงเพื่อรองรับอุตสาหกรรมอัจฉริยะในอนาคต แต่หัวเว่ยยังเน้นเรื่องการสร้างระบบอีโคซิสเต็มอย่างจริงจังด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น