xs
xsm
sm
md
lg

เบื้องหลังเทคโนโลยี ‘HUAWEI’ ปักธงผู้นำสมาร์ทวอทช์ (Cyber Weekend)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หัวเว่ย (HUAWEI) ปรับเกมบุกตลาดคอนซูเมอร์ไทย หันเน้นอุปกรณ์สวมใส่ และอุปกรณ์เสริมอย่างหูฟัง และลำโพง ใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนแทน หลังที่ผ่านมาการแข่งขันทั้งในตลาดสมาร์ทโฟนที่มีข้อจำกัด และแล็ปท็อปที่แข่งขันทางด้านราคาจนไม่คุ้ม ในขณะที่การตอบรับจากสมาร์ทวอทช์ และสมาร์ทแบนด์ในไทยเติบโตต่อเนื่อง

ข้อมูลจากบริษัทวิจัยตลาดไอดีซี ในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา กลายเป็นว่า หัวเว่ย ขึ้นมาเป็นผู้นำตลาดในตลาดอุปกรณ์สวมใส่ข้อมือ (Wrist-Worn Device) ที่มียอดขายเกือบ 44 ล้านเครื่อง ซึ่งครอบคลุมทั้งสมาร์ทวอทช์ และสมาร์ทแบนด์ โดยแบ่งเป็นสมาร์ทวอทช์ราว 34.7 ล้านเครื่อง และสมาร์ทแบนด์ราว 9 ล้านเครื่อง


หลังจากที่ก่อนหน้านี้ Apple ถือเป็นผู้นำในตลาดสมาร์ทวอทช์มาอย่างต่อเนื่องจากอุปกรณ์หลักอย่าง Apple Watch แต่ก็ต้องยอมรับว่าในช่วงไตรมาส 2 ทางฝั่งของ Apple ไม่ได้มีสินค้ารุ่นใหม่ออกสู่ตลาด ทำให้ต้องรอดูกันอีกครั้งในช่วงไตรมาส 4 หลัง Apple วางจำหน่าย Apple Watch รุ่นใหม่

การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการเติบโตของตลาดอุปกรณ์สวมใส่ข้อมือในประเทศจีน ซึ่งมีการเติบโตราว 10.9% คิดเป็นยอดขายราว 15.5 ล้านเครื่อง ในขณะที่ตลาดรวมทั่วโลกลดลงราว 0.7%

ยอดขายอุปกรณ์สวมใส่ของหัวเว่ยในไตรมาส 2 อยู่ที่ 8.9 ล้านเครื่อง ตามมาด้วยเสียวหมี่ 5.9 ล้านเครื่อง และแอปเปิล 5.7 ล้านเครื่อง ซึ่งทั้ง 3 แบรนด์นี้รวมกันมีสัดส่วนเกือบครึ่งของตลาดอุปกรณ์สวมใส่ทั้งหมด

แน่นอนว่า หัวเว่ย ไม่หยุดแค่นั้น เพราะล่าสุดเปิดตัวสมาร์ทวอทช์รุ่นใหม่ที่จะมาทำตลาดต่อเนื่องไปถึงช่วงปลายปีนี้ ซึ่งครอบคลุมการใช้งานที่หลากหลายตั้งแต่ผู้ใช้งานทั่วไป จนถึงการใช้งานระดับพรีเมียม และกลุ่มผู้ใช้งานเฉพาะกลุ่ม

นำโดย HUAWEI Watch GT5 สมาร์ทวอทช์ ที่ถือเป็นรุ่นแฟลกชิปมาต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา จากระดับราคาที่เข้าถึงได้ในช่วงราคาไม่เกินหมื่นบาท ตามมาด้วย HUAWEI Watch GT5 Pro ที่อัปเกรดความสามารถเพิ่มขึ้นมาในระดับราคาหมื่นต้นๆ


จุดเด่นของ HUAWEI Watch GT5 และ GT5 Pro มีตั้งแต่ดีไซน์ตัวเรือนนาฬิกาที่ให้ความรู้สึกเหมือนนาฬิกาคลาสสิกหน้าปัดทรงแปดเหลี่ยม วัสดุที่ใช้งานมีทั้งอะลูมิเนียมผสมไทเทเนียมเกรดอวกาศ เซรามิก และสเตนเลสคุณภาพสูง ในขนาดตัวเรือนทั้ง 41 มม. 42 มม. และ 46 มม.

นอกจากนี้ ยังมีรุ่นพรีเมียมอย่าง HUAWEI Watch Ultimate ที่นำวัสดุอย่างเซอโคเนียม มาร่วมกับเซรามิก และหน้าปัดซัฟไฟร์ เพิ่มความแข็งแรง พร้อมความสามารถพิเศษเพิ่มเติมเข้ามาอย่างเรื่องของ AI Caddy ที่เป็นตัวช่วยในการพัดกอล์ฟ


รวมถึงสมาร์ทวอทช์สายสุขภาพอย่าง HUAWEI Watch D2 ที่มีคุณสมบัติพิเศษอย่างการวัดความดัน โดยในรุ่นนี้มีโอกาสที่จะนำเข้ามาทำตลาดในไทยต่อเนื่อง หลังจากรุ่นก่อนหน้าได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ใช้ ซึ่งมีการปรับปรุงในส่วนของสายรัดความดันที่เล็กลง และตัวเรือนบางลงช่วยให้สวมใส่ได้ตลอดเวลา


ริโก้ จาง ประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์สวมใส่อัจฉริยะและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ หัวเว่ย กล่าวว่า ส่วนหนึ่งที่ตลาดสมาร์ทวอทช์เติบโต มาจากการที่ผู้คนสนใจสุขภาพมากขึ้น ทำให้เริ่มมองหาอุปกรณ์ที่จะมาช่วยให้เข้าใจข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ ทำให้ตลาดนี้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

สำหรับ 4 ปัจจัยหลักที่เข้ามากระตุ้นให้ตลาดอุปกรณ์เพื่อสุขภาพเติบโต ไม่ว่าจะเป็นการเก็บข้อมูลการออกกำลังเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง การตรวจจับการนอนที่มีคุณภาพ เก็บข้อมูลอารมณ์ที่อาจส่งผลต่อสุขภาพ รวมถึงข้อมูลอาหารต่างๆ

ก่อนหน้านี้ หัวเว่ยได้จัดส่งอุปกรณ์สวมใส่เพื่อสุขภาพไปแล้วกว่า 150 ล้านเครื่อง ขณะเดียวกันมีผู้ใช้งานแอปสุขภาพ HUAWEI Health มากกว่า 520 ล้านคน โดยมีผู้ใช้งานที่เข้าถึงแพลตฟอร์ม TruSense ต่อเนื่องเดือนละกว่า 100 ล้านคน

***ชูแพลตฟอร์ม TruSense เพื่อสุขภาพ

ส่วนสำคัญที่ผู้บริโภคเริ่มรับรู้ และยอมรับความสามารถของนาฬิกาอัจฉริยะของหัวเว่ย คือ ความสามารถในการตรวจวัดสุขภาพที่ครบครัน เพิ่มเติมจากข้อมูลพื้นฐานอย่างการวัดก้าวเดิน วัดการออกกำลัง และวัดการนอน ที่นับเป็นมาตรฐานของอุปกรณ์อย่างสมาร์ทวอทช์ และสมาร์ทแบนด์

ที่เพิ่มเติมขึ้นมาจากการอัปเกรดแพลตฟอร์ม TruSense ให้มีตรวจจับข้อมูลได้รวดเร็วมากขึ้น เมื่อรวมกับเซ็นเซอร์ตรวจวัดรุ่นใหม่ ทำให้การวัดอัตราการเต้นของหัวใจ วัดค่าออกซิเจนในเลือด (SpO2) มีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น เสริมด้วยเซ็นเซอร์ที่เข้ามาวัดอุณหภูมิผิวหนัง และวัดความเครียดต่างๆ และการวัดคลื่นหัวใจไฟฟ้า (ECG) ในรุ่น Pro


หัวเว่ย ยังไม่หยุดแค่การตรวจวัดข้อมูลสุขภาพเบื้องต้น แต่ยังลงลึกไปมากขึ้น จากการทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยทางการแพทย์ และหน่วยงานสาธารณสุขในจีน ทำให้สามารถเข้าถึงข้อมูลจำนวนมหาศาลเพื่อนำมาเทรนด์ AI ให้ใช้ในการตรวจจับความผิดปกติเพิ่มเติม อย่างการตรวจจับเสียงไอเพื่อวิเคราะห์วัณโรค ไปจนถึงการนำข้อมูลการนอนมาวิเคราะห์โรคหยุดหายใจขณะนอนหลับที่คนในยุคนี้พบเจอมากขึ้น

รวมถึงในเรื่องของสุขภาวะทางอารมณ์ (Emotional Well-being) ที่เริ่มมีความสำคัญมากขึ้น ในยุคที่โลกหมุนเวียนไปรวดเร็วจนทำให้ผู้คนไม่มีเวลาใส่ใจสุขภาพ ด้วยการนำข้อมูลสุขภาพมาแสดงผลเป็นช่วงอารมณ์ให้ผู้สวมใส่สมาร์ทวอทช์รับรู้อย่างอารมณ์ดี ปกติ หรือเริ่มมีอาการหม่นหมอง ผ่านหน้าปัดนาฬิกาพิเศษที่นำสัตว์ซอฟต์เพาเวอร์ของจีนอย่างแพนด้ามาใช้งาน


สำหรับตลาดในประเทศไทย หัวเว่ย ยังมั่นใจถึงการตอบรับของผู้บริโภคในส่วนของอุปกรณ์อย่างสมาร์ทวอทช์ และสมาร์ทแบนด์ โดยในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา นาฬิกาอย่าง HUAWEI Fit 3 นับเป็นหนึ่งในรุ่นที่ขายดีที่สุด และส่งผลให้หัวเว่ยมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ในกลุ่มผู้นำ และมั่นใจว่าจากการเปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่เพิ่มเติม จะเข้ามาช่วยเพิ่มส่วนแบ่งตลาดไปอีก

โดยเฉพาะจุดเด่นหลักในเรื่องของการเป็นสมาร์ทวอทช์ที่ไม่มีข้อจำกัดในการเชื่อมต่อ เพราะรองรับการใช้งานทั้งบนสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ และบนไอโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS รวมถึงในระบบปฏิบัติการ Harmony ของทางหัวเว่ยเอง และได้ความสามารถไม่แตกต่างกัน ผู้ใช้สามารถเข้าถึงฟีเจอร์สุขภาพต่างๆ ได้ครบถ้วน ในระดับราคาที่เข้าถึงได้


กำลังโหลดความคิดเห็น