โนเกีย ชมประเทศไทยมีศักยภาพผลักดัน 5G ขึ้นแท่นเติบโตสูงที่สุดในภูมิภาค พร้อมโชว์นวัตกรรม 5G ผ่านงาน Byond Mobile 2022
นายอาเจย์ ชาร์มา ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท โนเกีย ประจำประเทศไทยและกัมพูชา กล่าวว่า ประเทศไทยนับเป็นหนึ่งในตลาด 5G ที่มีศักยภาพในการเติบโตที่สูงที่สุดในภูมิภาคนี้ ด้วยการสนับสนุนของภาครัฐ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) รวมถึงการขยายโครงข่ายของผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ ทำให้บริการ 5G ขยายครอบคลุม 81% ของพื้นที่ และจะเพิ่มเป็น 90% ในอนาคต
ทว่าการให้บริการในปัจจุบันยังคงเป็นการเพิ่มศักยภาพการใช้อินเทอร์เน็ตของผู้บริโภคเท่านั้น ยังไม่มียูสเคสที่นำมาใช้งานในอุตสาหกรรมมากนัก โนเกียจึงต้องการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของยูสเคสที่จะมาช่วยกลุ่มเป้าหมาย ทั้งคอนซูเมอร์ กลุ่มองค์กร และอุตสาหกรรมที่ต้องการใช้งานเน็ตเวิร์กแบบปิดเฉพาะในอุตสาหกรรม ผ่านงาน Byond Mobile 2022 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 28-29 ก.ย.2565 ณ สามย่านมิตรทาวน์ฮอลล์ กรุงเทพฯ
“มีความเป็นไปได้ในอนาคตว่าโนเกียอาจตัดสินใจตั้งศูนย์นวัตกรรม 5G ในประเทศไทย ซึ่งโนเกียเองมีศูนย์อยู่แล้ว 17 แห่งทั่วโลก และในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีศูนย์ตั้งอยู่ที่ประเทศฟิลิปปินส์”
ทั้งนี้ ประเทศไทยคือหนึ่งในตลาดกลุ่มแรกๆ ของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่เปิดตัว 5G เพื่อใช้ในการผลักดันและพัฒนาด้านเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ รัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญด้านการใช้งานเทคโนโลยีเพื่อสร้างสรรค์โอกาสใหม่ๆ และสร้างให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของกิจการด้านดิจิทัล ด้วยการเน้นถึงการปรับใช้งานเทคโนโลยี 5G เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุมในหลายภาคส่วน ที่รวมถึงด้านการสาธารณสุข การศึกษา การคมนาคม และการเกษตรกรรม
งาน Byond Mobile 2022 โนเกียได้นำนวัตกรรมล่าสุดของบริษัทมาจัดแสดงผ่านการสาธิตแบบอินเตอร์แอ็กทีฟ ตั้งแต่การใช้งาน 5G ไปจนถึงการประยุกต์ใช้งานที่เกี่ยวกับการพัฒนาอุตสาหกรรม 4.0 ของผู้ใช้งานที่เป็นผู้ประกอบการระดับองค์กรจนถึงระดับผู้บริโภค การเข้าร่วมในงานครั้งนี้ของโนเกียเป็นการตอกย้ำถึงพันธกิจของบริษัทกับการมีส่วนร่วมเพื่อนำพาประเทศไทยเดินหน้าสู่ยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรม และกำหนดเส้นทางสู่ความเป็นผู้นำด้าน 5G ในประเทศไทย
นอกจากนี้ บริษัทยังแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำตลาดในด้านเทคโนโลยีการสื่อสารไร้สาย (RAN) เทคโนโลยีโครงข่ายอินเทอร์เน็ต เทคโนโลยีโครงข่ายใยแก้วนำแสง (IP and Optics) เครือข่ายคลาวด์ และธุรกิจองค์กร เพื่อเสนอโซลูชันสำหรับภารกิจสำคัญสำหรับลูกค้าประเภทองค์กรในประเทศไทย เช่นเดียวกับโซลูชันเพื่อความยั่งยืนที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน เพื่อสร้างเสริมคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นสำหรับประเทศไทย
สำหรับนวัตกรรมที่โนเกียได้นำมาจัดแสดงประกอบไปด้วย เสาอากาศ AirScale massive MIMO ชุดเสาอากาศ AirScale massive MIMO ของโนเกีย ที่มีทั้งแบบเสาอากาศรุ่น 32TRX และ 64TRX สำหรับย่านความถี่กลางของ TDD 4G และ 5G ที่มาพร้อมชิปเซ็ต ReefShark รุ่นใหม่จากโนเกีย (ReefShark System on Chip : SoC) โดยเสาอากาศ massive MIMO รุ่นใหม่นี้จะช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานของเทคนิค beamforming ที่ครอบคลุมสำหรับการปรับใช้งานในหลากหลายบริบท ทั้งพื้นที่ชุมชนเมืองที่หนาแน่นและพื้นที่บริเวณกว้างที่ต้องการความครอบคลุมของสัญญาณ
ระบบระบายความร้อน Liquid Cooled AirScale หนึ่งในผลิตภัณฑ์กลุ่ม AirScale Base Station ของโนเกียซึ่งได้ใช้เทคโนโลยีระบายความร้อนด้วยของเหลว (Liquid Cooling) เพื่อช่วยให้เครือข่ายคลื่นวิทยุมีความยั่งยืนและคุ้มทุนยิ่งขึ้น ด้วยการลดการใช้พลังงานสำหรับการระบายความร้อนให้สถานีฐาน ทั้งยังช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากสุดถึง 80%
บริการไร้สายแบบประจำที่ (FWA) สำหรับ 5G สำหรับการใช้งานในที่พักอาศัยและสถานประกอบการ ด้วยบริการไร้สายแบบประจำที่ดังกล่าว ลูกค้าสามารถรับสัญญาณอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์แบบ Fiber-like broadband ได้ทุกที่ที่มีคลื่นความถี่เครือข่ายไร้สายรองรับ
การเชื่อมต่อเครือข่ายไร้สายแบบส่วนตัวสำหรับองค์กร ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเปลี่ยนผ่านสู่ความเป็นดิจิทัลของการพัฒนาอุตสาหกรรม 4.0 ด้วยตัวเลือกที่หลากหลายของโซลูชันเครือข่ายไร้สายแบบส่วนตัวครบวงจร ทำให้โนเกียสามารถนำเสนอในด้านความคล่องตัวและความสะดวก ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นต่อการใช้งานในองค์กรต่างๆ ให้ปรับใช้งานได้อย่างลงตัวกับความต้องการที่แตกต่างกันไปในแต่ละประเภทอุตสาหกรรม
เราเตอร์รุ่น FP5 แพลตฟอร์มเราเตอร์สำหรับบริการอินเทอร์เน็ตตัวใหม่ของโนเกียที่ใช้ชิปรุ่นใหม่ล่าสุด FP5 ช่วยให้ผู้ให้บริการได้เพิ่มความสามารถในการให้บริการความต้องการที่ปรับเปลี่ยนไปในปัจจุบัน เพื่อเพิ่มคุณภาพของเครือข่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งช่วยให้สามารถให้บริการอินเทอร์เน็ตที่ความเร็วสูงขึ้น และให้การป้องกันการเผชิญความเสี่ยงจากภัยคุกคามด้านไซเบอร์ผ่านกลไกด้านความปลอดภัยแบบใหม่ของ Nokia ที่มีชื่อว่า “ANYsec”
ประสบการณ์ชอปปิ้งสุดตระการตา ด้วยศูนย์ปฏิบัติการทางดิจิทัล (Digital Operation Center) และระบบป้องกันภัยคุกคามด้านไซเบอร์อย่าง SA Core-NetGuard Cybersecurity Dome ทำให้โนเกียสามารถมอบที่สุดแห่งประสบการณ์แห่งโลกอนาคตแก่ลูกค้าได้ ไม่ว่าจะเป็นระบบไซเบอร์-กายภาพของเทคโนโลยีผสมผสานโลกเสมือน หรือเรียกสั้นๆ ว่า AR ที่ช่วยรังสรรค์ระบบนิเวศที่เอื้อต่อการสื่อสารเพื่อการโฆษณาสำหรับธุรกิจค้าปลีก โดยเทคโนโลยี AR ดังกล่าวจะช่วยให้ลูกค้าสามารถรับรู้ถึงตัวผลิตภัณฑ์และมีส่วนร่วมกับแบรนด์ได้ขณะที่กำลังดูโปรโมชัน หรือการขายที่เกิดขึ้นภายในร้าน