นักวิเคราะห์คนดังคาดแอปเปิล (Apple) มีแนวโน้มเปิดตัวไอโฟน (iPhone) แบบพับได้ในปี 2566 หรืออีก 2 ปีนับจากนี้ มั่นใจ iPhone พับได้จะขายดีเทน้ำเทท่า อย่างต่ำ 15 ล้านเครื่องตั้งแต่ช่วงเปิดตัว
หมิง-ชิ เกา (Ming-Chi Kuo) นักวิเคราะห์จากบริษัททีเอฟไอซีเคียวริตี้ส์ (TFI Securities) กล่าวว่า จากการสำรวจในอุตสาหกรรมพบแนวโน้มสูงที่ iPhone แบบพับได้จะทำยอดขายกว่า 15-20 ล้านเครื่องในปี 2566 โดย iPhone รุ่นใหม่น่าจะมีหน้าจอ OLED ขนาด 8 นิ้วแบบพับได้ ซึ่งหากข้อมูลนี้เป็นจริง จะหมายความว่าหน้าจอ iPhone รุ่นนี้จะสามารถใช้งานเป็นแท็บเล็ตที่มีหน้าจอใหญ่กว่าจอแสดงผล 7.9 นิ้วบน iPad mini
นักวิเคราะห์คนดังให้เหตุผลว่า อุปกรณ์รุ่นพับเก็บได้กลายเป็น "สิ่งที่ต้องมี" สำหรับแบรนด์สมาร์ทโฟนรายใหญ่ โดยมองว่า ยุคที่ 5G แพร่หลาย สมาร์ทโฟนพับได้จะถือเป็นจุดขายหลักต่อไปของรุ่นไฮเอนด์ ซึ่งที่ผ่านมา ซัมซุง (Samsung) หัวเว่ย (Huawei) และเสียวหมี่ (Xiaomi) ได้เปิดตัวรุ่นพับได้บ้างแล้ว แต่ก็ยังมีราคาที่คนทั่วไปไม่สามารถเข้าถึง
ดังนั้น Apple จึงมีโอกาสสูงที่จะเป็นผู้นำเทรนด์อุปกรณ์พับได้ ซึ่งจะเบลอภาพการแบ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟนแท็บเล็ตและแล็ปท็อปไปได้มากในช่วง 2 ปีข้างหน้า สำหรับ Apple พบว่า อุปสรรคสำคัญที่เจ้าพ่อไอทีผลไม้อาจต้องเอาชนะ คือแท็บเล็ตตระกูล iPad ของ Apple เน้นการป้อนข้อมูลด้วยดินสอรุ่นใหญ่ “แอปเปิลเพนซิล" (Apple Pencil) แต่โทรศัพท์แบบพับได้ส่วนใหญ่ไม่รองรับการป้อนข้อมูลด้วยปากกา เนื่องจากจอที่ค่อนข้างบอบบาง เมื่อเทียบกับหน้าจอโทรศัพท์แบบดั้งเดิม
แน่นอนว่าโฆษกของ Apple ไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อคำวิเคราะห์นี้ ล่าสุด Apple เพิ่งประกาศว่าสามารถกวาดรายได้เกือบ 9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในไตรมาสที่ผ่านมา เฉลี่ยแล้วเกือบ 1 พันล้านดอลลาร์ต่อวันในช่วงที่เกิดการระบาดของโควิด-19
เบ็ดเสร็จแล้ว ช่วงมกราคม-มีนาคมปี 2564 ธุรกิจของ Apple เติบโตขึ้น 54% จากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว รายได้ 89,600 ล้านดอลลาร์ หักปากกานักวิเคราะห์คาดว่า Apple จะมีรายรับน้อยกว่านั้น การเติบโตทั้งหมดมาจากผลกำไรจากธุรกิจ iPhone และ iPad โดยรายได้ iPhone เพิ่มขึ้น 66%
ตัวเลขนี้แสดงชัดว่า iPhone มีดีมานด์ในตลาดที่ไม่ธรรมดา รายรับทั่วโลกสำหรับ iPhone เพิ่มขึ้นแตะ 48,000 ล้านดอลลาร์จากไตรมาสก่อนหน้าที่ประมาณ 29,000 ล้านดอลลาร์เท่านั้น ทั้งหมดเป็นผลมาจากความน่าสนใจของ iPhone 12 ไลน์ใหม่ ซึ่งเปิดตัวในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 63 ส่งให้ iPhone เป็นสมาร์ทโฟนที่ขายดีที่สุดในสหรัฐฯ ในช่วงไตรมาสดังกล่าว และขายดีมากในจีน ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และออสเตรเลีย
ในขณะที่บริษัทไอทีหลายแห่งกำลังดิ้นรนเพื่อแก้ปัญหาชิปขาดตลาด แต่ซีอีโอ Apple ย้ำว่า บริษัทไม่มีข้อจำกัดด้านซัปพลายเชน นี่จึงเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ยอดขายโทรศัพท์สูงเกินคาด
นอกจาก iPhone รายได้จาก iPad ยังเพิ่มขึ้น 78% ขณะที่รายได้จากบริการก็เพิ่มขึ้น 26% ที่สำคัญ รายได้จากคอมพิวเตอร์แมคอินทอช Mac เพิ่มขึ้น 70% และรายได้ของอุปกรณ์สวมใส่ (AirPods และ Apple Watch) เพิ่มขึ้น 24%