เป็นทางการแล้วสำหรับแอลจี (LG) ที่ประกาศจะไม่ผลิตสมาร์ทโฟนอีกต่อไปเนื่องจากการตัดสินใจยุติธุรกิจโทรศัพท์มือถือทั่วโลก แม้ความเคลื่อนไหวนี้จะไม่เซอร์ไพรส์วงการโทรคมนาคมโลก แต่ก็ถือเป็นเรื่องน่าเสียดายเพราะแอลจีได้ฝากผลงานน่าตื่นตาไว้ไม่น้อยเลย
สำหรับข่าวล่าสุด LG บริษัทเทคโนโลยีของเกาหลีใต้ประกาศว่าจะปิดธุรกิจสมาร์ทโฟนทั่วโลก หลังจากที่ประกาศเลิกขายสมาร์ทโฟนในจีนอย่างเป็นทางการเมื่อกุมภาพันธ์ 61 ในแถลงการณ์ของบริษัทระบุว่า จะก้าวออกจากการผลิตโทรศัพท์เพื่อมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจอื่น เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า สินค้ากลุ่มบ้านอัจฉริยะ และปัญญาประดิษฐ์ (AI)
ที่ผ่านมา LG เป็นผู้เล่นรายใหญ่อันดับ 3 ในตลาดสมาร์ทโฟนของสหรัฐฯ บริษัทยืนยันว่าจะให้การสนับสนุนด้านบริการและการอัปเดตซอฟต์แวร์สำหรับลูกค้าผู้ซื้อโทรศัพท์มือถือไปแล้ว โดยจะวางกรอบระยะเวลาแตกต่างกันไปตามภูมิภาค
ก้าวที่พลาดไปของแอลจี เชื่อว่าเกิดจากการวางจุดยืนเน้นผลิตสมาร์ทโฟนระดับกลางและระดับไฮเอนด์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการแข่งขันสูงจากผู้ผลิต เช่น Huawei, Xiaomi และ Oppo ที่เปิดตัวรุ่นที่ราคาถูกกว่า เบื้องต้น จากข้อมูลของเว็บไซต์เทคครันช์ (TechCrunch) มีข่าวลือแพร่สะพัดในช่วงต้นปีที่ผ่านมาว่า LG ต้องการขายธุรกิจสมาร์ทโฟน แต่เพราะธุรกิจไม่เติบโตพอทำให้ไม่สามารถบรรลุการซื้อขายได้ตามแผนที่วางไว้
ลำโพง Boombox Speaker ดัง 10 เท่า
หนึ่งในนวัตกรรมที่ LG เคยการันตีไว้คือ ลำโพงบลูมบ็อกซ์ สปีเกอร์ (Boombox Speaker) ในโทรศัพท์รุ่นถัดไปอย่างแอลจีจีเซเว่น (LG G7 ThinQ) ว่าจะให้พลังเสียงที่เหนือกว่าลำโพงของสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นในท้องตลาด โดยย้ำว่า ลำโพงจะให้กำลังเสียงเบสเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ขณะที่โทรศัพท์จะถูกวางราบกับโต๊ะเรียบ
ก่อนหน้านี้ แอลจีเคยโชว์ข้อมูลบางส่วนของสมาร์ทโฟนรุ่นถัดไป G7 ThinQ โดยเรียกน้ำย่อยว่า สมาร์ทโฟนรุ่นนี้จะมีหน้าจอสว่างพิเศษ 1,000 nits เท่ากับ Galaxy Note 8 แต่จะเหนือกว่า iPhone X ที่ถูกทดสอบพบว่ามีค่าความสว่างสูงสุด 625 nits ล่าสุด แอลจีตัดสินใจเผยแพร่จุดขายใหม่ ก่อนที่สมาร์ทโฟนจะเปิดตัวในเดือนพฤษภาคมปีนั้น
จุดขายใหม่ของแอลจี คือ Boombox Speaker แอลจีให้ตัวเลขว่า ลำโพงนี้สามารถเพิ่มระดับเสียงพื้นฐานได้ 6dB พร้อมกับเสียงเบสที่จะดังขึ้น 2 เท่า จากข้อมูลการตรวจวัดของแอลจี เทียบได้ว่าลำโพงของ G7 จะดังกว่าสมาร์ทโฟนทั่วไปถึง 10 เท่า
ประเด็นนี้ถูกยอมรับว่าเป็นเรื่องแปลกใหม่ เพราะสมาร์ทโฟนมักมีข้อจำกัดทางกายภาพทำให้เสียงจากลำโพงภายในไม่มีคุณภาพเท่าลำโพงคุณภาพสูง กรณีของแอลจี เจ้าพ่อกิมจิยืนยันว่า ข้อจำกัดทั้งหมดนี้ถูกปลดทิ้งไปได้ เพราะลำโพงใหม่ ซึ่งเหมือนได้โบนัส คุณภาพเสียงเบสจะดีขึ้นอีก หากผู้ใช้วางสมาร์ทโฟนบนพื้นผิวเรียบ เช่น โต๊ะ เก้าอี้ หรือพื้น
สมาร์ทโฟน 2 หน้าจอ
หลังจากเปิดตัวในงาน IFA ที่กรุงเบอร์ลินเมื่อกลางปี 61 แอลจีเริ่มจำหน่ายสมาร์ทโฟน 2 หน้าจอ “G8X ThinQ” เมื่อตุลาคม 62 ความหวังคือการตอบโจทย์ทุกคนที่โดนใจปรากฏการณ์สมาร์ทโฟนพับได้แบบหน้าจอคู่ ท้าชนรุ่นใหญ่ที่มีหน้าจอแสดงผลพับเก็บได้อย่าง Samsung Galaxy หรืออุปกรณ์จอคู่ของ Microsoft อย่าง Surface Duo ที่กำลังจะเปิดตลาด แต่ใช้วิธีแถมจอเสริมเพื่อให้ผู้ใช้ต่อหน้าจอเพิ่มเป็นแอ็กเซสเซอรีที่ถอดออกได้เมื่อไม่ต้องการใช้งาน
สำหรับ G8X ThinQ ที่มาพร้อมกับอุปกรณ์เสริมที่เรียกว่า LG Dual Screen จะเริ่มต้นที่ราคา 699 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 21,200 บาท
ติดกล้อง 5 ตัว
มิถุนายน 61 ยักษ์ใหญ่เกาหลีใต้เปิดสงครามกล้องสมาร์ทโฟนให้ร้อนระอุ ด้วยการจัดเต็มกล้อง 5 ตัว เพื่อติดตั้งลงในสมาร์ทโฟนรุ่นถัดไป คาดว่าจะทำให้มือถือ LG เหนือกว่าสมาร์ทโฟนกล้องคู่ที่ครองตลาดโลกขณะนั้น
รายงานชี้ว่า กล้อง 5 ตัวของ V40 จะประกอบด้วยกล้องหลัง 3 ตัว ซึ่งเป็นแนวคิดเดียวกับ Huawei P20 Pro ของหัวเว่ย ที่ประเดิมทำระบบกล้องทริปเปิลคาเมราเป็นรายแรก ผลจากการติดกล้อง 3 ตัว จะทำให้การถ่ายภาพหมู่บุคคลมีมิติมากขึ้น อาจให้ผลชัดลึก หรือซูมที่แปลกตาในภาพหมู่ที่มีการนั่งเรียงแถวหน้า และหลัง
กล้องอีก 2 ตัวจะถูกติดไว้ที่ด้านหน้าของ V40 ระบบกล้องคู่ด้านหน้านี้เดินตาม HTC U12 Plus ของเอชทีซี จากไต้หวัน ข่าวลือระบุว่า กล้องคู่นี้อาจทำให้ผู้ใช้สามารถปลดล็อกด้วยใบหน้า รวมถึงใช้งานแอปพลิเคชันวิเคราะห์ใบหน้าอื่นได้ดี
ในที่สุด LG ก็แจ้งเกิด V40 ThinQ จัดเต็มกล้องดิจิทัล 5 ตัวในเครื่องหน้าจอใหญ่ 6.4 นิ้วเครื่องเดียวตามข่าวลือ โดยแบ่งเป็นกล้องหลัง 3 ตัว และกล้องหน้า 2 ตัว หั่นขอบเครื่องให้บางลง พร้อมกับลำโพงเทคโนโลยีใหม่
ราคาพรีเมียม 900-980 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 29,400-32,000 บาท ขีดเส้นเริ่มทำตลาด 18 ตุลาคม ที่ตลาดสหรัฐฯ
มิติใหม่ “สมาร์ทโฟนโดรน” บินถ่ายภาพ-ลอยส่องสว่างได้
ก่อนหน้านี้ LG เคยตกเป็นข่าวเตรียมเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่สามารถบินได้เหมือนโดรน แม้ในเวลานั้นยังไม่มีรายละเอียดเพิ่มเติม แต่มีการระบุว่า สมาร์ทโฟนรุ่นนี้จะมีโหมด Flying Face time ให้ผู้ใช้ที่มือไม่ว่างสามารถคุยวิดีโอคอลกับปลายสาย โดยที่สมาร์ทโฟนนี้สามารถลอยมาจับภาพใบหน้าผู้ใช้ได้ชนิดไม่ต้องเมื่อยมือ
แน่นอนว่า LG ไม่ได้พัฒนาสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ออามาวางจำหน่ายจริง ในเวลานั้นสมาร์ทโฟนเครื่องร่อนลูกผสมนี้ถูกเรียกอย่างไม่เป็นทางการว่า “โดรนโฟน” (Drone Phone) ซึ่ง LG เรียกอีกชื่อว่าแอลจี ยูพลัส (LG U+) ตัวแนวคิด
วิดีโอนี้ถูกเปิดตัวเมื่อปลายปี 2016 สะท้อนว่าสมาร์ทโฟนทูอินวัน โดรน และโทรศัพท์เคลื่อนที่นี้ถูกออกแบบมาให้ผู้ใช้สามารถทำวิดีโอคอลหรือเซลฟี่ได้ โดยที่เครื่องลอยอยู่บนอากาศ จุดนี้มีรายงานว่า LG U+ สามารถหมุนวนเพื่อจับภาพได้แบบ 360 องศา ทำให้ผู้ใช้ที่กำลังทำกิจกรรมทุกชนิด สามารถบันทึกภาพวินาทีประทับใจได้ ทั้งขณะปีนหน้าผา บันจี้จัมแ หรือทำอาหาร
ซื้อ “LG G6” แถมทีวี 43 นิ้ว
สำหรับประเทศไทย ความสดใหม่ที่ LG เคยทำไว้คือการเปิดจำหน่าย LG G6 ที่การันตีเป็นสมาร์ทโฟนแบรนด์แรกที่มาพร้อมดอลบี้ วิชัน HDR 10 และ FullVision หน้าจอขยายเต็ม ใช้งานสะดวกง่ายดายเพียงมือเดียว เวลานั้น LG จับมือเอไอเอส จัดโปรโมชันร่วมกันซื้อ LG G 6 แถมทีวี 43 นิ้ว มูลค่ากว่า 13,900 บาท
โปรโมชันนี้เกิดขึ้นหลังการว่างเว้นการทำตลาดสมาร์ทโฟนไทยไปกว่า 6 เดือน
ทั้ง 5 ความตื่นเต้นจากสมาร์ทโฟน LG เหล่านี้กำลังกลายป็นตำนาน ซึ่งตอกย้ำว่านวัตกรรมน่าตื่นเต้นอาจไม่มีพลังพอที่จะสร้างประโยชน์ให้ยอดขายบริษัทเสมอไป