ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า กำลังทำงานร่วมกับประธานาธิบดีจีน เพื่อให้บริษัทจีนอย่างแซตทีอี (ZTE) กลับมาทำธุรกิจในสหรัฐฯ ได้อย่างรวดเร็ว หลังจากเมื่อเดือนเมษายน ZTE ถูกโทษแบนตามคำสั่งกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ที่ห้ามบริษัทอเมริกันจำหน่ายสินค้าให้ ZTE เพราะ ZTE ผิดข้อตกลงกับสหรัฐฯ ลักลอบขายสินค้าให้ประเทศอิหร่าน
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า เขา และประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง กำลังทำงานร่วมกันเพื่อให้บริษัทโทรคมนาคมของจีน ZTE Corp มีหนทางกลับมาทำธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว โดย ZTE มีฐานะเป็นหนึ่งในผู้ผลิตอุปกรณ์โทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุดของโลก และ ZTE จำเป็นต้องพึ่งพาบริษัทเทคโนโลยีในสหรัฐอเมริกา เช่น ควอลคอมม์ (Qualcomm) และอินเทล (Intel) ที่ต้องสั่งซื้อส่วนประกอบมาติดตั้งในสินค้าของตัวเอง
การประกาศของประธานาธิบดีทรัมป์ ที่ยอมรับว่ากำลังจะช่วยให้บริษัทเทคโนโลยีจีนกลับเข้าสู่ธุรกิจอย่างรวดเร็วอีกครั้ง สะท้อนว่าทั้ง 2 ประเทศต้องการหยุดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น โดยที่ผ่านมา ZTE มีการจ่ายเงินกว่า 2.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ให้แก่ผู้ส่งออก 211 รายในสหรัฐฯ ในปี 2017 ซึ่งโทษแบน ZTE ย่อมทำร้ายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในทางตรง
สำหรับโทษแบน ZTE นี้ ถูกประกาศเมื่อวันจันทร์ที่ 17 เม.ย. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ประกาศห้ามบริษัทอเมริกันขายสินค้าให้ ZTE นาน 7 ปี เพื่อลงโทษที่ ZTE ละเมิดข้อตกลงกับรัฐบาลสหรัฐฯ ในปีที่แล้ว ด้วยการส่งสินค้าไปยังอิหร่านอย่างผิดกฎหมายจนถูกจับได้ เบื้องต้น มีการประเมินแล้วว่า ผู้ที่ได้รับความเสียหายจากการลงโทษนี้ คือ Qualcomm บริษัทอเมริกันผู้ผลิตชิปที่ติดตั้งภายในสมาร์ทโฟน ZTE มากที่สุด ตามการประเมินของบริษัทวิจัยไอเอชเอส (IHS Markit) พบว่า ZTE จัดส่งโทรศัพท์ประมาณ 46.4 ล้านเครื่องในปีที่ผ่านมา
แน่นอนว่าในการเจรจาทางการค้าที่ปักกิ่ง เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา จีนได้ขอให้สหรัฐฯ ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร ZTE คำขอนี้ได้ผลส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่งคือสหรัฐฯ กำลังได้รับผลกระทบไม่น้อย เห็นได้ชัดจากหุ้นของบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนไอทีอเมริกันหลายรายที่ต้องผจญกับภาวะราคาหุ้นลดลงเมื่อบริษัทถูกห้ามส่งออกสินค้าให้ ZTE