xs
xsm
sm
md
lg

บล. เออีซี คาดดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบ 1,760-1,793 จุด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บล. เออีซี (AECS) ประเมินหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบ 1,760-1,793 จุด แนะนักลงทุนติดตามความคืบหน้าต่อการเจรจาแก้ปัญหาด้านการค้าร่วมระหว่างสหรัฐฯ-จีน หลังจากท่าทีที่ผ่อนคลายมากขึ้นของสหรัฐฯ โดยตลาดหุ้นมีโอกาสฟื้นตัวในช่วงสั้น แต่คาดกรอบการขึ้นยังจำกัด

บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) หรือ AECS เปิดเผยว่า ทิศทางการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในช่วงสัปดาห์นี้ (14-18 พ.ค.) แนะนำให้ติดตามความคืบหน้าของการเจรจาข้อตกลงทางการค้าระหว่าง สหรัฐฯ-จีน โดยวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (13 พ.ค.) นายโดนัลด์ ทรัมป์ โพสข้อความในทวิตเตอร์ ว่ากำลังอยู่ระหว่างการร่วมมือกับนายสี จิ้น ผิง เพื่อหาทางช่วยให้ ZTE บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของจีน กลับมาดำเนินธุรกิจได้ตามเดิม หลังช่วงที่ผ่านมา ต้องหยุดการดำเนินงานลง เพราะถูกสหรัฐฯ สั่งแบนเป็นเวลา 7 ปี ตอบโต้การที่บริษัทส่งสินค้าไปให้กับอิหร่าน และเกาหลีเหนืออย่างผิดกฎหมาย ส่งผลให้บริษัทผลิตชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิกส์ในสหรัฐฯ ไม่สามารถส่งชิ้นส่วนซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการผลิตโทรศัพท์มือถือของ ZTE และกระทบต่อไลน์การผลิตของบริษัท ทั้งนี้ จากท่าทีที่ผ่อนคลายมากขึ้นของสหรัฐฯ ทำให้เรามองว่า ประเด็นดังกล่าวเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อการเจรจาแก้ปัญหาด้านการค้าร่วมระหว่างสหรัฐฯ-จีน และจะเป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้นต่างประเทศให้ปรับตัวดีขึ้นในสัปดาห์นี้

ส่วนตลาดหุ้นไทยทางฝ่ายวิจัย มองว่า แม้ช่วงสั้นมีโอกาสฟื้นตัวแต่คาดกรอบการขึ้นยังจำกัด หลังยังขาดปัจจัยหนุนที่ชัดเจน และยังต้องจับตามการเคลื่อนย้ายของเงินทุนระหว่างประเทศ (Fund Flow) ดังนั้น นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ จึงคงแนะนำให้ “Wait&See” จนกว่า SET จะกลับมายืนเหนือ 1,780 อีกครั้ง จึงเริ่มเห็นสัญญาณเชิงบวกครั้งใหม่ ขณะที่นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง แนะนำให้ “เทรดดิ้ง หมุนรอบเร็ว” ในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ได้แก่ 1) หุ้นที่งบ 1Q/61 ดีกว่าคาดและช่วง 2Q/61 ยังมีโมเมนตัม กำไรโตต่อเนื่อง เช่น BJC, CHG, RJH, MAJOR, JKN, PCSGH และ AP 2) หุ้นที่คาดงบ 1Q/61 ออกมาโตดี เช่น BCH, VIBHA, RS, SPALI, ERW, MINT และ AOT 3) หุ้นกลุ่มนิคมฯ ที่ได้ประโยชน์จากนโยบาย EEC เช่น WHA, AMATA และ ROJNA

“หากพิจารณาจากกราฟทางเทคนิค เราประเมินภาพการเคลื่อนไหวของดัชนี SET สัปดาห์นี้ คาดรีบาวนด์ต่อได้ แต่จำกัดที่กรอบบนของ Downtrend Channel ที่ระดับดัชนี 1,793 จุด มองแนวรับ 1,760 จุด และจุดตัดขาดทุนรอบนี้ 1,750 จุด กลยุทธ์สำหรับนักเก็งกำไร กรณีมีหุ้นถือหุ้นต่อ คาดหวังแนวต้าน 1,780/1,793 จุด ส่วนกรณีไม่มีหุ้นให้รอซื้อแนวรับ ไม่ไล่ราคา สำหรับนักลงทุนระยะกลาง ยังคงคำแนะนำถือเงินสดต่อ ส่วนกลุ่มที่คาดปรับตัวบวกสัปดาห์นี้ ได้แก่ กลุ่มธนาคาร (BANK) เช่น KBANK, BBL, TMB และ TISCO และกลุ่มพาณิชย์ (COMM) เช่น BJC, CPALL, HMPRO และ GLOBAL”


กำลังโหลดความคิดเห็น