บล. เออีซี ให้กรอบการลงทุนสัปดาห์นี้แนวรับที่ระดับ 1,755-1,760 จุด และแนวต้านที่ระดับ 1,780 จุด แนะทยอยสะสม ลงทุนในหุ้น Outperform อย่างกลุ่มพลังงาน PTT, PTTEP และกลุ่มธนาคารพาณิชย์ KBANK, SCB, BBL, TMB เพื่อเป็นการลดความเสี่ยง พร้อมเตือนนักลงทุนจับตาปัญหาระหว่างสหรัฐฯ-รัสเซีย ที่อาจส่งผลต่อภาคการลงทุน
บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) มองกรอบการลงทุนประจำสัปดาห์ (17-20 เมษายน 2561) ว่า SET Index จะมีโอกาสแกว่งตัวอยู่ในกรอบบริเวณแนวรับที่ระดับ 1,755-1,760 จุด และแนวต้านที่ระดับ 1,780 จุด ดังนั้น ฝ่ายวิจัยจึงมีกลยุทธ์แนะนำการลงทุน “แบ่งซื้อสะสม โดย Selective Buy หุ้นที่คาดจะ Outperform โดยให้น้ำหนักไปยังหุ้นกลุ่มพลังงาน ซึ่งได้อานิสงส์ราคาน้ำมันยังสูงเกิน 65 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มองว่าที่จะเป็นตัวนำของกลุ่ม ได้แก่ PTT, PTTEP ขณะเดียวกัน หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ คาดว่าจะยังฟื้นตัวต่อหลังปรับลงแรงก่อนหน้า โดยให้น้ำหนักการลงทุนไปยังหุ้น KBANK, SCB, BBL, TMB
นอกจากนี้ ยังคงแนะนำจับตาหุ้น กลุ่ม Domestic Play ที่ยังโตแกร่ง โดยเฉพาะกลุ่มค้าปลีก อาทิ HMPRO, CPALL, BJC ขณะที่หุ้นในกลุ่มโรงพยาบาล อาทิ BCH, RJH หุ้นกลุ่มโรงแรม MINT, ERW หุ้นกลุ่มบันเทิง RS, MONO, WORK ยังเป็นหุ้นที่น่าลงทุน พร้อมทั้งยังแนะจับตาหุ้นที่จ่าย Div. Yield เกิน 3% โดยจะขึ้น XD เม.ย.-พ.ค. นี้ ได้แก่ KKP, AIT, SC, AP, LH
“จากกราฟสัญญาทางเทคนิค (Technical) เชื่อว่า SET สัปดาห์นี้น่าจะรีบาวนด์ต่อ โดยมีแนวต้านแรกที่ 1,780 จุด หากทะลุมองแนวต้านถัดไป 1,805 จุด โดยมองแนวรับสัปดาห์นี้ บริเวณ 1,755-1,760 จุด ทั้งนี้ให้ระมัดระวัง หาก SET ปิดหลุดต่ำกว่าแนวรับที่กำหนด แนะนำให้ Stop Loss ก่อน โดยกลุ่มที่คาดว่าปรับตัวบวก ได้แก่ กลุ่มธนาคาร อาทิ BANK, BBL, TISCO และกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ อาทิ AMATA, WHA”
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัย แนะนำให้นักลงทุนจับตาความคืบหน้าของปัญหาระหว่างสหรัฐฯ-รัสเซีย อย่างใกล้ชิด โดยล่าสุด ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศแย่ลงมาก หลังสหรัฐฯ (ร่วมกับอังกฤษ และฝรั่งเศส) ได้ยิงขีปนาวุธถล่มแหล่งผลิตอาวุธเคมีของซีเรียในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และกล่าวหารัสเซียว่าเป็นผู้ให้การสนับสนุนการโจมตีกลุ่มกบฎในซีเรีย เมื่อวันที่ 7 เม.ย. พร้อมเตรียมประกาศคว่ำบาตรบริษัทรัสเซีย ที่มีความเกี่ยวข้องกับรัฐบาลซีเรียเพิ่มเติม เพื่อกดดันทางด้านเศรษฐกิจ
ทำให้เรามองว่า ประเด็นดังกล่าวยังอยู่ในภาวะที่ค่อนข้างอ่อนไหว โดยเบื้องต้น เราประเมินว่า หากสถานการณ์ในซีเรียยังไม่สามารถคลี่คลายได้ หรือลุกลามไปสู่กลุ่มประเทศตะวันออกกลางอื่น (ปัญหาในซีเรียเกี่ยวพันกับหลายประเทศในกลุ่มตะวันออกกลาง) อาจส่งผลต่ออุปทานน้ำมันดิบจากฝั่งตะวันออกกลาง รวมถึงกดดันภาวะการค้าโลกโดยเฉพาะกลุ่มประเทศที่มีการส่งออกไปยังตะวันออกกลางเป็นสัดส่วนสูง สร้างความกังวลต่ออัตราเติบโตของเศรษฐกิจโลก
บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) มองกรอบการลงทุนประจำสัปดาห์ (17-20 เมษายน 2561) ว่า SET Index จะมีโอกาสแกว่งตัวอยู่ในกรอบบริเวณแนวรับที่ระดับ 1,755-1,760 จุด และแนวต้านที่ระดับ 1,780 จุด ดังนั้น ฝ่ายวิจัยจึงมีกลยุทธ์แนะนำการลงทุน “แบ่งซื้อสะสม โดย Selective Buy หุ้นที่คาดจะ Outperform โดยให้น้ำหนักไปยังหุ้นกลุ่มพลังงาน ซึ่งได้อานิสงส์ราคาน้ำมันยังสูงเกิน 65 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มองว่าที่จะเป็นตัวนำของกลุ่ม ได้แก่ PTT, PTTEP ขณะเดียวกัน หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ คาดว่าจะยังฟื้นตัวต่อหลังปรับลงแรงก่อนหน้า โดยให้น้ำหนักการลงทุนไปยังหุ้น KBANK, SCB, BBL, TMB
นอกจากนี้ ยังคงแนะนำจับตาหุ้น กลุ่ม Domestic Play ที่ยังโตแกร่ง โดยเฉพาะกลุ่มค้าปลีก อาทิ HMPRO, CPALL, BJC ขณะที่หุ้นในกลุ่มโรงพยาบาล อาทิ BCH, RJH หุ้นกลุ่มโรงแรม MINT, ERW หุ้นกลุ่มบันเทิง RS, MONO, WORK ยังเป็นหุ้นที่น่าลงทุน พร้อมทั้งยังแนะจับตาหุ้นที่จ่าย Div. Yield เกิน 3% โดยจะขึ้น XD เม.ย.-พ.ค. นี้ ได้แก่ KKP, AIT, SC, AP, LH
“จากกราฟสัญญาทางเทคนิค (Technical) เชื่อว่า SET สัปดาห์นี้น่าจะรีบาวนด์ต่อ โดยมีแนวต้านแรกที่ 1,780 จุด หากทะลุมองแนวต้านถัดไป 1,805 จุด โดยมองแนวรับสัปดาห์นี้ บริเวณ 1,755-1,760 จุด ทั้งนี้ให้ระมัดระวัง หาก SET ปิดหลุดต่ำกว่าแนวรับที่กำหนด แนะนำให้ Stop Loss ก่อน โดยกลุ่มที่คาดว่าปรับตัวบวก ได้แก่ กลุ่มธนาคาร อาทิ BANK, BBL, TISCO และกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ อาทิ AMATA, WHA”
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัย แนะนำให้นักลงทุนจับตาความคืบหน้าของปัญหาระหว่างสหรัฐฯ-รัสเซีย อย่างใกล้ชิด โดยล่าสุด ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศแย่ลงมาก หลังสหรัฐฯ (ร่วมกับอังกฤษ และฝรั่งเศส) ได้ยิงขีปนาวุธถล่มแหล่งผลิตอาวุธเคมีของซีเรียในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และกล่าวหารัสเซียว่าเป็นผู้ให้การสนับสนุนการโจมตีกลุ่มกบฎในซีเรีย เมื่อวันที่ 7 เม.ย. พร้อมเตรียมประกาศคว่ำบาตรบริษัทรัสเซีย ที่มีความเกี่ยวข้องกับรัฐบาลซีเรียเพิ่มเติม เพื่อกดดันทางด้านเศรษฐกิจ
ทำให้เรามองว่า ประเด็นดังกล่าวยังอยู่ในภาวะที่ค่อนข้างอ่อนไหว โดยเบื้องต้น เราประเมินว่า หากสถานการณ์ในซีเรียยังไม่สามารถคลี่คลายได้ หรือลุกลามไปสู่กลุ่มประเทศตะวันออกกลางอื่น (ปัญหาในซีเรียเกี่ยวพันกับหลายประเทศในกลุ่มตะวันออกกลาง) อาจส่งผลต่ออุปทานน้ำมันดิบจากฝั่งตะวันออกกลาง รวมถึงกดดันภาวะการค้าโลกโดยเฉพาะกลุ่มประเทศที่มีการส่งออกไปยังตะวันออกกลางเป็นสัดส่วนสูง สร้างความกังวลต่ออัตราเติบโตของเศรษฐกิจโลก