บล. โกลเบล็ก มองหุ้นไทยจับตาสถานการณ์สงครามการค้าสหรัฐฯ จีน ต่อ แม้นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทวิตเตอร์ คาดว่า จีนจะเป็นฝ่ายยกเลิกมาตรการกีดกันทางการค้า และคาดจะบรรลุข้อตกลงเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา และมาตรการภาษีที่เอื้อประโยชน์ต่อกันได้ ส่วนแนวโน้ม GDP ในช่วงไตรมาส 1/61 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง หนุนดัชนีแกว่งตัวในกรอบ 1,710-1,760 จุด แนะเก็งกำไร DTAC-MONO-CENTEL-ERW ด้านราคาทองคำจังหวะซื้อสะสมเมื่อราคาอ่อนตัวลงในช่วง 1,300-1,315 ดอลลาร์สหรัฐฯ
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS กล่าวว่าตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ได้รับปัจจัยบวกจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุผ่านทวิตเตอร์ คาดว่าจีนจะเป็นฝ่ายยกเลิกมาตรการกีดกันทางการค้า และคาดจะบรรลุข้อตกลงเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาและมาตรการภาษีที่เอื้อประโยชน์ต่อกันได้ แม้จะยังคงจับตาสงครามการค้าระหว่างจีน และสหรัฐฯ รอบใหม่ โดยเฉพาะการตอบโต้จากจีนหลังสหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มอีก 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และยังมีปัจจัยบวกจากภายในประเทศที่คาดการณ์แนวโน้ม GDP ในช่วงไตรมาสแรกปีนี้จะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว โดยมีปัจจัยหนุนเรื่องกำลังซื้อในประเทศ และความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวมที่ปรับเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยกดดันจาก สงครามการค้าระหว่างจีน และสหรัฐฯ รอบใหม่ โดยเฉพาะการตอบโต้จากจีนหลังสหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มอีก 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ รวมถึงใกล้เข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวในเทศกาลสงกรานต์ จึงคาดว่าวอลุ่มตลาดจะเบาบางลง นอกจากนี้ยังมีหุ้นใหญ่หลายตัวจะขึ้นเครื่องหมาย XD อาทิ INTUCH, BANPU, BBL, KBANK, SCB, SCC และ fund flow ที่ยังผันผวน ในช่วง 1 เดือนย้อนหลัง นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 4.9 พันล้านบาท
ทั้งนี้ ยังคงมีปัจจัยที่ต้องจับตาในระยะนี้ ได้แก่ วันที่ 10 เม.ย. สหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมี.ค. สต๊อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือน ก.พ. และสต๊อกน้ำมันประจำสัปดาห์ วันที่ 11 เม.ย. สหรัฐฯ เปิดเผย ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน มี.ค. สต๊อกน้ำมันรายสัปดาห์ และคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) เปิดเผยรายงานการประชุมวันที่ 20-21 มี.ค. และในวันเดียวกัน (11 เม.ย.) ธปท. รายงานนโยบายการเงิน
ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้มีแนวโน้มชะลอตัวโดยได้รับปัจจัยกดดันจากความกังวลสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน คาด SET ผันผวนในกรอบ 1,710-1,760 จุด แนะนำซื้อเก็งกำไร หุ้นที่มีปัจจัยบวก ได้แก่ DTAC ราคาหุ้นเป็น Laggard โดยลดลง 10-15% ตั้งแต่ช่วงปลายปี 60 หลังสัญญากับ TOT ได้รับการรับรองจาก กสทช. แต่ยังต้องรอการพิจารณาจากสำนักงานอัยการสูงสุด
รวมถึง XO คาดปี 61 จะเป็นปีทอง กำไรมีแนวโน้มเติบโต 57% MONO เรตติ้งเดือน ม.ค.-มี.ค. 61 ยืนอันดับที่ 3 จากต้นปี 60 อยู่ที่อันดับ 4, CENTEL และ ERW ได้ประโยชน์จากนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ต้นปี และใกล้เข้าสู่ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ที่ทำให้นักท่องเที่ยวยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และหุ้นปันผลเด่น ได้แก่ BAFS, CRD, FTE, GLOW, KKP, NYT, SIS, SPRC, TISCO, QH, PDI, PL, AIT, AP, KIAT
ด้านแนวทางการลงทุนในทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก กล่าวว่า การออกมาตรการปกป้องธุรกิจในประเทศของสหรัฐฯ ยังคงเป็นปัญหาหลักสำหรับการค้าโลก ซึ่งการที่สหรัฐฯ ทยอยเพิ่มรายชื่อสินค้านำเข้าจากจีน และจีนได้โต้กลับด้วยมูลค่าความเสียหายที่ทัดเทียมกัน กำลังทำให้สงครามการค้าระหว่างประเทศขยายวงกว้าง และอาจส่งผลกระทบให้กับอีกหลายชาติที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทาน โดยมีความเป็นไปได้ว่า สหรัฐฯ อาจเป็นผู้ได้รับผลกระทบมากที่สุดทั้งทางตรง และทางอ้อม จากราคาสินค้าที่สูงขึ้น ทำให้เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ และราคาทองคำ แกว่งผันผวนในระยะสั้นจากความเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายรายวัน แต่มีแนวโน้มที่เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ จะอ่อนค่าในระยะกลาง ซึ่งเป็นผลบวกต่อราคาทองคำ หากความขัดแย้งทางการค้านี้ยังคงอยู่
ทั้งนี้ สำหรับภาพทางเทคนิค ราคาทองคำยังคงเคลื่อนตัวสะสมกำลังในกรอบรูปสามเหลี่ยมแบบ descending เช่นเดียวกับสัปดาห์ที่แล้ว จึงคงคำแนะนำให้เก็งกำไรในกรอบด้วยการรอจังหวะเข้าซื้อสะสมเมื่อราคาอ่อนตัวลงในช่วง 1,300-1,315 ดอลลาร์สหรัฐฯ แล้วแบ่งขายทำกำไรเมื่อราคาปรับขึ้นไปในช่วง 1,345-1,355 ดอลลาร์สหรัฐฯ และถือต่อถ้าราคาทะลุผ่าน 1,360 ดอลลาร์สหรัฐฯ ขึ้นไปได้