บล. โกลเบล็ก เชื่อหุ้นไทยขานรับนโยบาย EEC หนุนเศรษฐกิจในประเทศฟื้น ส่วนปัจจัยต่างประเทศยังคงจับดามองสงครามการค้าที่จะกดดันความเชื่อมั่น และตัวเลขเศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยให้กรอบดัชนี 1,775-1,820 จุด ด้านทองคำยังคงชะลอลง ไม่น่าจะผ่านแนวต้านระดับ 1,350-1,360 ดอลลาร์สหรัฐฯ ขึ้นไปได้ แนะผู้มีสถานะ long ให้ปิดสถานะทำกำไร และ trading short เมื่อหลุด 1,345 ดอลลาร์สหรัฐฯ
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS กล่าวว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (กนง.) ในวันที่ 28 มี.ค. จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับเดิม 1.5% เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจไทยต่อเนื่องจากปีก่อน รวมถึงนักลงทุนต่างชาติมีความเชื่อมั่นในการลงทุนในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ (อีอีซี) และมีความชัดเจนมากขึ้น ประกอบกับราคาน้ำมันปิดใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี หนุนราคาหุ้นกลุ่มพลังงาน และการทำ Window Dressing ก่อนสิ้นงวดไตรมาสที่ 1/2561
ส่วนปัจจัยที่ยังคงกดดันภาวะตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ มาจากตลาดกังวลสงครามการค้าระหว่างจีน และสหรัฐฯ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อลงโทษที่จีนขโมยทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัทสหรัฐฯ ทำให้รัฐบาลจีนออกมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ วงเงิน 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และ fund flow ผันผวน ในช่วง 1 เดือนย้อนหลัง นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1.1 หมื่นล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่น่าจับตาในสัปดาห์นี้ คือ ในวันที่ 27 มี.ค. สหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีราคาบ้าน ดัชนีการผลิต ความเชื่อมั่นผู้บริโภค และสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ 28 มี.ค. ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 2/2561 และในวันเดียวกัน สหรัฐฯ จะเปิดเผยตัวเลข GDP ในช่วง 4Q 2560 ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ 29 มี.ค. อังกฤษจะเปิดเผยตัวเลข GDP ในช่วง 4Q 2560 (ประมาณการครั้งสุดท้าย) และสหรัฐฯ เปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือน ก.พ. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน มี.ค.
ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด ประเมินว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยกดดันจากความกังวลสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน โดยมีปัจจัยหนุน คาด SET ผันผวนในกรอบ 1,775-1,820 จุด แนะนำซื้อเก็งกำไร หุ้นที่มีปัจจัยบวก ได้แก่ TVO ได้ประโยชน์จากส่วนต่าง (Crush margin) ที่มีโอกาสทำ New High อีกครั้ง หลังจากมีกระแสความแห้งแล้งในประเทศอาร์เจนตินา ซึ่งเป็นผู้ส่งออกกากถั่วเหลืองอันดับ 1 ของโลก ซึ่งอาจทำให้มีการปรับลดคาดการณ์ผลผลิตลงสู่จุดต่ำสุดในรอบ 9 ปี ขณะที่ราคาหุ้นสะท้อนความเป็น Laggard ไปเพียงบางส่วน
นอกจากนี้ ยังแนะนำซื้อเก็งกำไรในหุ้นที่คาดว่าจะเป็น target ในการทำ window dressing ได้แก่ CENTEL, TOP, TMB, CPN และ ROBINS นอกจากนี้ ยังแนะนำหุ้นในตลาด mai ได้แก่ JKN ผู้นำในการจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ คาดกำไรปี 61 ยังถูกกดดันจากต้นทุนค่าลิขสิทธิ์ แต่กำไรปี 62 มีแนวโน้มเติบโตสูง 43% YoY จากการทยอยรับรู้รายได้ของยอดขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ในประเทศ และการเติบโตจากต่างประเทศ ขณะที่ค่าใช้จ่ายค่าลิขสิทธิ์ลดลง ประกอบกับมีต้นทุนทางการเงินที่ลดลงหลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก กล่าวว่า ภาวะสงครามการค้ากลับมาอีกครั้งเมื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เซ็นลงนามมาตรการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้รัฐบาลจีนตัดสินใจใช้มาตรการตอบโต้ในลักษณะเดียวกัน ซึ่งมีโอกาสที่ยุโรปจะออกมาตรการดังกล่าวด้วย หากสหรัฐฯ ยังคงปกป้องการค้าของตนต่อไป ส่งผลให้ bond yield สหรัฐฯ และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่เพิ่งปรับตัวสูงขึ้นตามการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ Fed ก็ร่วงลงอีกครั้ง เนื่องจากความกังวลว่าสงครามการค้าระหว่างประเทศจะทำให้การค้าโลกหดตัวลง จึงเกิดภาวะ risk off ทำให้เงินทุนไหลออกจากตลาดหุ้นเข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม ตลาดทองคำมีการตอบรับไปล่วงหน้าแล้ว และภาพทางเทคนิคมีลักษณะรูปสามเหลี่ยมแบบ descending จึงคาดว่าแรงซื้อจะชะลอลง ทำให้ราคาไม่น่าจะผ่านแนวต้านระดับ 1,350-1,360 ดอลลาร์สหรัฐฯ ขึ้นไปได้ และต้องระวังการขายทำกำไร เนื่องจากราคาปรับขึ้นชนแนวต้านดังกล่าว
ทั้งนี้ แนะนำผู้มีสถานะ long ให้ปิดสถานะทำกำไร และ trading short เมื่อหลุด 1,345 ดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อเก็บกำไรในจังหวะที่ราคาย่อลง ส่วนพอร์ตระยะกลางถึงยาวให้ซื้อสะสมเมื่อราคาลงมาใกล้ 1,310 ดอลลาร์สหรัฐฯ