เงินบาทแข็งค่าเปิดตลาดที่ระดับ 31.17 กังวลสงครามการค้า ด้านกลุ่มโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี คาดการณ์บาทสัปดาห์นี้อยู่ในกรอบ 31.10-31.35 จับตาสถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศ
นักบริหารเงินจากธนาคารพาณิชย์ระบุเงินบาทวันนี้เปิดตลาดที่ระดับ 31.17 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าจากปิดตลาดที่ 31.19 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ในปลายสัปดาห์ก่อน จากแรงเทขายดอลลาร์สหรัฐฯกรณีสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ที่ยังมีความไม่แน่นอน
ด้านกลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่ามีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 31.10-31.35 ต่อดอลลาร์สหรัฐฯ เทียบกับระดับปิดแข็งค่าที่ 31.20 ต่อดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้น และพันธบัตรไทย ด้วยมูลค่า 3.0 พันล้านบาท และ 7.7 พันล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่เงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่ หลังประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ระบุว่าจะปรับลดภาษีนำเข้า ซึ่งช่วยคลายความวิตกของตลาดเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน และกระตุ้นนักลงทุนกลับเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า ตลาดจะจับตาสถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศ แม้นักลงทุนส่วนใหญ่คาดว่า การโจมตีซีเรียด้วยขีปนาวุธที่นำโดยสหรัฐฯ จะไม่ขยายวงกว้างขึ้น ทั้งนี้ สหรัฐฯ อังกฤษ และฝรั่งเศส ได้ยิงขีปนาวุธไปยังจุดที่ระบุว่าเป็นโรงงานอาวุธเคมีในซีเรียช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเราประเมินว่า ตลาดจะมีท่าทีระมัดระวังท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างชาติตะวันตก กับรัสเซีย และคาดว่า สหรัฐฯ จะประกาศมาตรการคว่ำบาตรใหม่ต่อรัสเซีย ขณะที่รัสเซียยังคงให้การสนับสนุนผู้นำซีเรีย นอกจากนี้ นักลงทุนจะติดตามสุนทรพจน์จากเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายรายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) หลังจากการเปิดเผยรายงานการประชุมรอบล่าสุดของเฟด ซึ่งสะท้อนความเชื่อมั่นมากขึ้นต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ถูกบดบังด้วยการประกาศเปิดเสรีด้านเศรษฐกิจของจีน นอกจากนี้ ตลาดจะให้ความสนใจกับการประชุมกลุ่มประเทศ G-20 ท้ายสัปดาห์นี้ ซึ่งอาจกล่าวถึงประเด็นการบริหารจัดการค่าเงินเช่นกัน
สำหรับปัจจัยในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เห็นว่า การที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติ เมื่อวันที่ 28 มีนาคมให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายด้วยเสียงไม่เป็นเอกฉันท์ ไม่ถือว่าเป็นการส่งสัญญาณปรับสมดุลนโยบายการเงินของไทย โดย กนง. ส่วนใหญ่ยังคงประเมินว่า นโยบายการเงินควรผ่อนคลายต่อไปอีกระยะหนึ่ง เพื่อช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัวอย่างแข็งแกร่งมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น จำเป็นต้องติดตามความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ที่อาจนำมาซึ่งความเสี่ยงด้านขาลงต่อการส่งออกของไทย ทั้งนี้ เรายังมีมุมมองเหมือนเดิมที่ว่า กนง. มีแนวโน้มเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายก่อนสิ้นปีนี้ภายใต้สมมติฐานที่ว่า ความเสี่ยงหลักจากปัจจัยภายนอก อาทิ นโยบายการค้า และการต่างประเทศของสหรัฐฯ การตอบโต้ของประเทศที่เกี่ยวข้อง ความผันผวนของตลาดการเงิน รวมถึงผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจจริงจะอยู่ในวงจำกัด