xs
xsm
sm
md
lg

“โคนิก้า มินอลต้า” ชูแบรนด์ Mobotix ปักธงบุกตลาดกล้องวงจรปิดไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

มาซาชิ มิยาโมโตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โคนิก้า มินอลต้า บิสสิเนส โซลูชันส์ (ประเทศไทย) จำกัด
โคนิก้า มินอลต้า ประกาศลุยตลาดกล้องวงจรปิดไทย หลังเข้าถือหุ้นแบรนด์โมโบทิกซ์ (Mobotix) 65.5% เมื่อปี 2016 ตั้งเป้าปีนี้ขายเบา 100 ตัวบนฐานตลาดเดิมของบริษัท ไม่เพิ่มทีมขาย-ไม่มีโฆษณา-ไม่ทำโปรโมชัน เพราะมั่นใจทิศทางตลาดหนุนให้กล้อง IP Camera ระดับไฮเอนด์คุณภาพสูงจำหน่ายได้ดี ตามเทรนด์โลกที่กล้องอนาล็อกกำลังหมดสมัย

แม้จะปฏิเสธไม่เปิดเผยเม็ดเงินลงทุนใดในการบุกตลาดกล้องวงจรปิด แต่มีรายงานว่าโคนิก้า มินอลต้าเทเงินลงทุนมากกว่า 1.5 ล้านยูโร ในการพัฒนาเทคโนโลยีของโมโบทิกซ์ โดยรายงานจากเว็บไซต์ ifsecglobal.com ระบุว่า แบรนด์กล้องญี่ปุ่นเริ่มติดตั้งกล้องโมโบทิกซ์ ทั่วประเทศญี่ปุ่น จีน และฝรั่งเศสแล้ว ในธุรกิจโรงงาน คลังสินค้า และศูนย์กระจายสินค้า ตลอดจนยานยนต์เพื่อการรักษาความปลอดภัยและการเฝ้าระวัง

การลงทุนครั้งนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงธุรกิจให้อยู่ได้ในยุคดิจิทัล จากเดิมที่บริษัทเน้นจำหน่ายเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชัน และแท่นพิมพ์ระดับอุตสาหกรรม จุดนี้มาซาชิ มิยาโมโตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โคนิก้า มินอลต้า บิสสิเนส โซลูชันส์ (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า บริษัทมีจุดยืนพัฒนาตัวเองเพื่อให้โคนิก้าฯ ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า จึงตัดสินใจลงทุนในธุรกิจระบบรักษาความปลอดภัย และการเฝ้าระวัง เชื่อว่าการลงทุนในครั้งนี้จะเพิ่มศักยภาพของบริษัท และช่วยขยายความชำนาญไปยังกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับข้อมูลดิจิทัล

*** กล้องอนาล็อกกำลังหมดสมัย

สุธิดา แจ่มฤกษ์แจ้ง ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ระบุว่า ขณะนี้ยังไม่มีการสำรวจตลาดกล้องวงจรปิดในประเทศไทยอย่างละเอียด แต่ในตลาดโลก มีข้อมูลว่ากล้องเครือข่ายหรือเน็ตเวิร์กคาเมรา คือ แชมป์ที่ครองตลาดมากที่สุดใน 2-3 ปีนับจากนี้ โดยภายในปี 2021 กล้องอนาล็อกอาจจะหายไปจากตลาด

“ที่เน็ตเวิร์กแคมฯ มาแรง เพราะกล้องอนาล็อกล้มเหลวบ่อย และคนเริ่มเห็นความสำคัญของการรักษาความปลอดภัย เริ่มเห็นว่า กล้องวงจรปิดสามารถรักษาสิทธิ์ได้ แต่เราจะบอกว่า กล้องนี้ไม่ได้ทำได้เฉพาะจับผิด เพราะสามารถนำมาวิเคราะห์ความเคลื่อนไหวในร้านค้า เพื่อพัฒนาธุรกิจได้”
กล้องแบบรุ่น 1 เลนส์และหลายเลนส์ สามารถตั้งค่าให้แต่ละเลนส์จับภาพอย่างอิสระจากกัน
ปัจจุบัน ตลาดกล้องวงจรปิดนั้นแบ่งเป็น 4 กลุ่มหลักในตลาด ได้แก่ 1. กล้องอนาล็อกซึ่งมีสัดส่วนตลาดลดลงต่อเนื่องเกิน 39% ตั้งแต่ปี 2016 2. กล้องเอชดี ซีซีทีวี (HD CCTV) ที่ลดลง 0.3% 3. กล้องเครือข่ายหรือเน็ตเวิร์กคาเมรา ที่เติบโตมากที่สุด 4.3% กลายเป็นตลาดใหญ่ที่สุดในขณะนี้ และ 4. กล้องตรวจจับความร้อนหรือเทอร์มอลคาเมรา ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีอัตราเติบโต 9.2%

การสำรวจจากบริษัทโกลบอล มาร์เก็ต อินไซต์ (Global Market Insights) พบว่า ตลาดกล้อง IP Camera ทั่วโลกอาจจะแตะระดับ 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2024

สุธิดา ระบุว่า จะเริ่มทำตลาดสินค้ากลุ่มโมโบทิกซ์ กับลูกค้าเดิม ที่เป็นองค์กรขนาดใหญ่ทั้งภาครัฐ และเอกชน จำนวนกว่า 4,000 ราย ซึ่งใช้เครื่องมัลติฟังชัน หรือแท่นพิมพ์ดิจิทัลของบริษัทอยู่ ก่อนจะขยายไปกลุ่มตลาดใหม่ในอนาคต

“ตลาดหลักของผู้ใช้กล้องวงจรปิดวันนี้ คือ กลุ่มคอมเมิร์ซ รองลงมา เป็นค้าปลีก และองค์กรภาครัฐ วันนี้ส่วนใหญ่ยังใช้ระบบอนาล็อก ถือว่ามีโอกาสเติบโตสูงมาก”

สำหรับโมโบทิกซ์นั้น เป็นบริษัทที่เริ่มดำเนินการปี 2000 เป็นบริษัทสัญชาติเยอรมัน ที่ยังผลิตในประเทศเยอรมนี จุดเด่น คือ กล้องไม่เสียหายตลอดเวลาการใช้งานต่อเนื่อง 7 ปี ใช้พลังงานน้อย กินแบนด์วิธ และพึ่งพาอินฟราสตรักเจอร์น้อย

“ลูกค้าโมโบทิกซ์ จะใช้ระบบซอฟต์แวร์จัดการวิดีโอ VMS ได้ฟรี มีระบบซอฟต์แวร์ตรวจจับ และวิเคราะห์การเคลื่อนไหว ใช้ API แบบเปิด ปรับแต่งได้ เพื่อใช้งานร่วมกับระบบกล้องต่างค่าย”

ประเภทสินค้าของโมโบทิกซ์ มีหลากหลาย ทั้งแบบรุ่น 1 เลนส์ และหลายเลนส์ สามารถตั้งค่าให้แต่ละเลนส์จับภาพอย่างอิสระจากกัน รัศมีกว้างสุด 3 เมตร ทำให้การติดกล้องในพื้นที่ทำได้ห่างกว่าแบรนด์อื่น บางรุ่นกันกระสุนกันแรงระเบิด บางรุ่นสามารถฝังกล้องฉาบปูนลงผนัง และรุ่นติดตั้งในอาคาร มีให้เลือกรุ่นท็อปแบบมุมมอง 360 องศาด้วย
กล้องประเภทติดตั้งในอาคารรุ่นท็อปของ Mobotix มุมมอง 360 องศา
กล้องโมโบทิกซ์ ยังมีจุดเด่นเรื่องมีระบบปฏิบัติการในตัว สามารถเก็บภาพในตัวได้แม้ระบบ VMS กลางล้มเหลว บางรุ่นความละเอียด 6 ล้านพิกเซล อ่านอักษรออกได้ แสดงภาพวิดีโอในภาวะแสงน้อยได้ ในอนาคต โมโบทิกซ์ ต้องการเป็นโซลูชันที่เน้นสร้างมูลค่าเพิ่ม เช่น ระบบกล้องวงจรปิดที่สามารถพัฒนาให้พ่วงรวมกับระบบชำระเงิน ทำให้ร้านสามารถเชื่อมกับบาร์โค้ดสินค้า เพื่อย้อนวิดีโอไปยังจุดที่มีการซื้อสินค้านั้น ทำให้ตรวจสอบเพิ่มได้หากมีกรณีไม่คาดคิดเกิดขึ้น

*** ขอปีนี้ 100 ตัว

เป้าหมายขายโมโบทิกซ์ให้ได้ 100 ตัวในปีนี้ถือเป็นเป้าหมายที่โคนิก้าฯ ประเทศไทยกำหนดเอง อยู่ในระดับไม่สูงเพราะเป็นธุรกิจใหม่ ช่องทางการจำหน่ายคือการขายตรง 100% บนบุคลากรเดิมที่ใช้จำหน่ายเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชัน แต่มีทีมซัปพอร์ตต่างหากเพื่อให้บริการเพิ่มเติม

“ตอนนี้เรามีฐานลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ราว 4,000 สัดส่วนลูกค้ากรุงเทพฯ และต่างจังหวัด คือ 50-50 อัตราเติบโตเฉลี่ย 15-20% โคนิก้าฯ ไม่ได้ผลิตกล้องวงจรปิดเหล่านี้ โมโบทิกซ์เป็นผู้ผลิต ขณะนี้โคนิก้าฯ เปิดตลาดในญี่ปุ่น และสิงคโปร์แล้ว ไทยเป็นประเทศที่ 2 ในภูมิภาค ไม่มีแผนทำกล้องติดรถยนต์ในขณะนี้”

สุธิดา ทิ้งท้ายว่า วันนี้ธุรกิจกล้องวงจรปิดนั้น แข่งขันกันที่คุณภาพของภาพ และความสามารถของซอฟต์แวร์ที่ต้องหลากหลายพอ

“วันไหนอัด วันไหนไม่อัด ร้านค้าสามารถตั้งค่าได้เพื่อให้กล้องกินระบบจัดเก็บข้อมูลไม่มาก เราไม่มีโฆษณา ไม่มีโปรโมชันช่วงเปิดจำหน่าย เพราะกล้องไม่ใช่สินค้าคอนซูเมอร์ เราจะใช้วิธีเข้าไปหาลูกค้า เพื่อวิเคราะห์ว่าระบบปัจจุบันมีข้อบกพร่องหรือไม่ ทั้งหมดนี้ทำให้กล้องโมโบทิกซ์ เป็นสินค้าที่ขายตัวมันเอง ไม่ต้องทำการตลาด”.
แม้จะปฏิเสธไม่เปิดเผยเม็ดเงินลงทุนใดในการบุกตลาดกล้องวงจรปิด แต่มีรายงานว่าโคนิก้า มินอลต้าเทเงินลงทุนมากกว่า 1.5 ล้านยูโรในการพัฒนาเทคโนโลยีของโมโบทิกซ์


กำลังโหลดความคิดเห็น