ในที่สุด หัวเว่ย (Huawei) ก็ประกาศเปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงใหม่ Huawei P20 และ P20 Pro แม้ว่าทั้งคู่จะมีคุณสมบัติคล้ายกัน เพราะหน้าจอแสดงผลที่ไม่ห่างกันมากนัก แต่ Huawei P20 Pro เด่นกว่าชัดเจนด้วยการรวมเอากล้อง 3 ตัว หรือ Triple Cameras ไว้ที่ด้านหลัง ขณะที่รุ่นใหญ่ Porsche Design Huawei Mate RS ใหม่มีระบบอ่านลายนิ้วมือฝังในจอ บนราคาใหม่ที่ปรับให้แพงขึ้นอีกเป็น 2,600 เหรียญสหรัฐฯ หรือราว 82,000 บาท
3,2,1… Snap! The NEW #HuaweiP20Pro with revolutionary Leica Triple Camera turns quick pics into highly defined works of art. Put a professional camera into your back pocket. #SeeMooore #OOO pic.twitter.com/9Hh7qW09kB
— Huawei Mobile (@HuaweiMobile) March 27, 2018
*** ปรับราคารุ่น Porsche แพงขึ้นอีก
จากที่เคยกำหนดราคาไว้ที่ราว 2,100 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 66,000 บาท วันนี้ Porsche Design Huawei Mate RS ถูกเปิดตัวด้วยราคา 2,600 เหรียญสหรัฐฯ เนื่องจากการจัดกล้องเลนส์ Leica จำนวน 3 ตัวไว้ที่ด้านหลังเครื่อง บนระบบเซ็นเซอร์สี RGP ขนาด 40 ล้านพิกเซล, เซ็นเซอร์ขาวดำความละเอียด 20 ล้านพิกเซล และเซ็นเซอร์ 8 ล้านพิกเซล พร้อมเลนส์เทเลโฟโต้เพื่อถ่ายมุมกว้าง
ด้านหน้าเครื่องไม่เพียงมีกล้องหน้าขนาด 24 ล้านพิกเซล แต่ยังมีเซ็นเซอร์ลายนิ้วมือฝังในหน้าจอ ทำให้เพียงชี้นิ้วลอย ๆ บนเหนือหน้าจอ ก็สามารถปลุกให้โทรศัพท์ปลดล็อกเพื่อทำงานได้
Porsche Design Huawei Mate RS มีหน้าจอโค้งขนาด 6 นิ้ว เทคโนโลยี OLED 2K แรมในเครื่อง 6 GB และแบตเตอรีขนาด 4,000 mAh สมาร์ทโฟนมีสีดำ โดยลูกค้าในจีนแผ่นดินใหญ่สามารถเลือกซื้อสีแดงได้
*** P20 และ P20 Pro จัดเต็ม
2 เรือธงรุ่นใหม่ของ Huawei นั้น มีขนาดใกล้เคียงกัน โดย Huawei P20 มีหน้าจอ LCD ขนาด 5.9 นิ้ว ขณะที่ P20 Pro มาพร้อมหน้าจอ OLED ขนาด 6.3 นิ้ว ที่ใหญ่กว่าเล็กน้อย ทั้งคู่มีความละเอียดหน้าจอเท่ากัน 2,240 x 1,080 และอัตราส่วนกว้างยาว 18.7:9 เช่นเดียวกับไอโฟนเอ็กซ์ (iPhone X) บน P20 และ P20 Pro มีรอยหยักที่หน้าจอสไตล์เดียวกัน
ความแตกต่าง คือ Huawei ออกแบบให้ผู้ใช้สามารถ “ลบ” รอยหยักบนหน้าจอได้ผ่านซอฟต์แวร์ ผู้ใช้สามารถเลือกตั้งค่าโทรศัพท์ เพื่อลดความสูงของหน้าจอ ทำให้ส่วนบนของหน้าจอเป็นสีดำ รอยหยักด้านบนจึง “หายไป” คาดว่าจะเป็นคุณลักษณะที่โดนใจสำหรับผู้ใช้ Android ที่ไม่ชอบให้มีรอยหยักด้านบนของหน้าจอมาร์ทโฟน
Huawei P20 มีให้เลือกทั้งสีดำ, ทองแชมเปญ, ชมพูและฟ้า ขณะที่ P20 Pro ไม่มีสีทองของแชมเปญ แต่ก็มีการไล่ระดับสีแบบใหม่ที่ Huawei เรียกว่า “Twilight”
ทั้ง P20 และ P20 Pro มีเครื่องสแกนลายนิ้วมือด้านหน้า ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นปุ่มโฮมด้วย ขณะเดียวกัน ก็มีระบบ Face Unlock ใหม่ ช่วยให้ผู้ใช้ปลดล็อกโทรศัพท์โดยใช้การจดจำใบหน้า อย่างไรก็ตาม รายงานเบื้องต้นระบุว่า ไม่ได้เป็นระบบเหนือชั้นเหมือน Face ID ของแอปเปิล (Apple) ทำให้ระบบหลงกลปลดล็อกได้ง่ายด้วยภาพถ่าย ตามรายงานของสำนักข่าวเทกครันช์ (TechCrunch)
ทั้ง 2 รุ่นจะถูกขับเคลื่อนโดยชิปประมวลผล Kirin 970 ของ Huawei ด้วยพื้นที่เก็บข้อมูล 128 GB โดย P20 Pro มาพร้อมกับแบตเตอรี่ 4,000 mAh แรม 6 GB ในขณะที่ P20 ปกติ มาพร้อมกับแบตเตอรี 3,400 mAh และแรม 4 GB ทั้งคู่รองรับ 2 ซิม และระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo
จุดเด่นที่ทำให้ P20 ต่างจาก P20 Pro อยู่ที่กล้อง ถามว่า ทำไมผู้ใช้ควรต้องใช้กล้องสามตัวในสมาร์ทโฟน? Huawei เชื่อว่าการติดตั้งกล้อง 3 ครั้งบน P20 Pro คือ สิ่งที่ช่างภาพกำลังมองหา และแน่นอนว่าจะช่วยให้อุปกรณ์ Huawei โดดเด่นกว่าแบรนด์อื่น
กล้อง 3 ตัวจะมีออโต้โฟกัส 4 ทิศทาง สามารถซูมออปติคอล 3 เท่า และซูม 5 เท่า (optical + digital) ISO สูงสุดของกล้อง คือ 102,400 ภาพ ซึ่งควรจะเป็นประโยชน์ในการถ่ายภาพในที่มืด อีกสิ่งหนึ่งที่การติดตั้งกล้องสามตัวนี้มีความสามารถ คือ การถ่ายภาพวิดีโอ 720p ที่ความเร็ว 960 เฟรมต่อวินาที
Huawei ไม่ลืมใช้ AI ในกล้อง P20 และ P20 Pro ทำให้ระบบสามารถจดจำวัตถุและฉากต่าง ๆ เพื่อปรับการตั้งค่ากล้องได้โดยอัตโนมัติ ทั้งหมดนี้ Huawei P20 มีวางจำหน่ายแล้วในราคาเริ่มต้น €649 ประมาณ 26,000 บาท ขณะที่ Huawei P20 Pro จะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 6 เมษายนนี้ ที่ราคา 899 ยูโร หรือประมาณ 35,000 บาท