HMD เปิดตัวสมาร์ทโฟนโนเกีย 3 รุ่นใหม่ Nokia 7, Nokia 6 และ Nokia 1 อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ปูพรมเจาะตลาดรุ่นต่ำกว่า 3,000 บาท และตลาดระดับกลาง 13,900 บาท ซึ่งเป็นตลาดกำลังโต ระบุเตรียมลงทุนรอบด้านเพราะตลาดไทยมีโอกาสโตสูง สถิติล่าสุดชี้ไทยเป็นตลาดที่มีการซื้อขายโทรศัพท์เคลื่อนที่มูลค่า 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปี ถือเป็นตลาดใหญ่ในเอเชียแปซิฟิกไม่รวมจีน เบื้องต้น วางเป้าหมายให้โนเกียเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนอันดับ 2-3 ของโลกใน 3 ปีนับจากนี้
มร.ซานดีฟ กุพทา ผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาค บริษัท เอชเอ็มดี โกลบอล กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นตลาดสำคัญ ทั้งในระดับโลก และภูมิภาค ทำให้ HMD ลงทุนต่อเนื่องเพราะเห็นความสำคัญของตลาดไทย โดยที่ผ่านมาได้เปิดตลาด 5 รุ่นแล้ว การเปิดตัวครั้งนี้จึงเป็นการเปิดตลาดเพิ่มอีก 3 รุ่นเพื่อเน้นเจาะตลาดคนรุ่นใหม่หรือมิลเลนเนียลเป็นหลัก ซึ่งเป็นกลุ่มที่ชอบการสื่อสารและสร้างคอนเทนต์ผ่านสังคมออนไลน์
“เพราะเป็นกลุ่มที่เริ่มใช้สินค้าใหม่ได้ง่าย ก่อนใคร” มร.ซานดีฟ ระบุ “ช่วงแรก เราเปิดตลาดด้วยราคาต่ำกว่า 4,000 บาท ด้วยฐานะความเป็นแบรนด์ที่ขายสินค้าราคาต่ำ ครั้งนี้เราเชื่อว่าจะสร้างความต่างได้ด้วยการใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์รุ่นใหม่ OERO และความร่วมมือโครงการแอนดรอยด์วัน ทำให้ลูกค้าเห็นความต่างของสินค้าโนเกียในกลุ่มฟีเจอร์โฟน และเรือธง”
ระบบปฏิบัติการ Android OERO และความร่วมมือโครงการ Android One ที่ผู้บริหาร HMD กล่าวถึงนั้นเป็น 1 ในหลายจุดเด่นของ 3 รุ่นใหม่สินค้าโนเกียปีนี้ โดย HMD พยายามชูว่าเป็นบริษัทที่ร่วมมือเหนียวแน่นกับ Google ใกล้ชิด ทำให้ผู้ใช้โทรศัพท์โนเกียสามารถรับประสบการณ์แอนดรอยด์ได้ดีกว่าแบรนด์อื่น
3 โทรศัพท์รุ่นใหม่โนเกียที่ถูกเปิดตัวในครั้งนี้ ได้แก่ Nokia 7 รุ่นท็อปสำหรับตลาดระดับกลางราคา 13,900 บาท, Nokia 6 ซึ่งเด่นเรื่องความกระทัดรัดทนทานแต่คุณสมบัติครบ 9,900 บาท และ Nokia 1 ที่เน้นความคุ้มค่าสำหรับผู้ใช้สมาร์ทโฟน 4G ครั้งแรก 2,740 บาท ทั้งหมดนี้วางจำหน่ายเมษายนนี้
หากเจาะลงไปที่แต่ละรุ่นจะพบว่า HMD กำลังเปลี่ยนแปลงนโยบายราคา จากที่เคยจำหน่ายฟีเจอร์โฟนโนเกีย ในราคาต่ำสุดหลัก 4,000 บาท วันนี้ HMD ขยับมาทำราคาต่ำสุดที่ 2,740 บาท โดยที่ยังจำหน่ายรุ่น 4,000 บาทต่อไป และยังไม่เปิดจำหน่ายสินค้าเรือธงในทันที ทำให้สมาร์ทโฟนโนเกียรุ่นใหญ่สุดในนาทีนี้ ยังเป็น Nokia 8 รุ่นดั้งเดิมที่เปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว
จุดนี้ ผู้บริหาร HMD ให้ข้อมูลว่า วันนี้ยังมีผู้ใช้โทรศัพท์มือถือแบบปุ่มกดราว 1.3 ล้านคนทั่วโลก ในประเทศไทยเชื่อว่ายังใช้งานจำนวนมากเช่นกัน
Nokia 1 คือ รุ่นใหม่ที่ HMD จะนำมาเจาะตลาดผู้ใช้มือถือปุ่มกด โดยโชว์จุดขายว่าเป็นโทรศัพท์เคลื่อนที่เครื่องแรกในไทยที่ใช้แอนดรอยด์โก (GO Edition) ระบบปฏิบัติการนี้ออกแบบเพื่อโทรศัพท์มือถือที่มีหน่วยความจำสำรอง หรือแรมต่ำกว่า 1 GB ด้วยราคาหลัก 2 พันบาท ผู้ใช้จะสามารถโหลดแอปพลิเคชันที่รองรับ GO โดยเฉพาะ ซึ่งจะมีขนาดเล็กลง 50% เทียบกับแอปพลิเคชันปกติ
ขณะที่ New Nokia 6 ผู้บริหาร HMD ระบุว่า เป็นรุ่นที่ต่อยอดจาก Nokia 6 ที่ได้รับความนิยมมากในปีที่แล้ว และจำหน่ายหมดในไม่กี่นาทีเมื่อครั้งเปิดตัวที่จีน แม้ New Nokia 6 จะมีรูปลักษณ์เดิม แต่ถูกปรับให้เร็วขึ้น มีโหมดโบธี (Bothie Mode) ถ่ายวิดีโอผ่านกล้องหน้าหลังได้พร้อมกัน ใช้เลนส์ SIESS โดย Nokia 6 ติดอันดับสมาร์ทโฟนที่ทนทานที่สุด
ด้าน Nokia 7 Plus เป็นสมาร์ทโฟนหน้าจอ 18:9 เหมาะสำหรับการดูภาพยนตร์ เป็นโทรศัพท์ตัวแรกที่ใช้แบตเตอรี่ต่อเนื่องได้ 2 วัน เคลือบเซรามิกซ์ 6 ชั้น ไมโครโฟนเก็บเสียงรอบด้าน 360 องศา (อ่านเพิ่มเติมคุณสมบัติทั้ง 3 รุ่นใหม่โนเกียที่นี่)
“ผมเชื่อว่า แบรนด์โนเกียยังโดดเด่น ลูกค้ากลุ่มมิลเลเนียล จะสนใจ เพราะแบรนด์โนเกียยังทำให้คนตื่นเต้นได้ การสำรวจพบว่า 76% ที่ซื้อ Nokia 6 เป็นกลุ่มวัยรุ่นจีน” ผู้บริหาร HMD มั่นใจว่า Nokia ไม่ได้เป็นแบรนด์ที่ดึงดูด แต่ผู้ใช้กลุ่มมีอายุที่สนิทสนมกับแบรนด์โนเกียรุ่นก่อน
ธนเดช ช่วงแก้ววิเศษ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอชเอ็มดี โกลบอล ระบุว่า ทิศทางทำตลาดในประเทศไทยจะขยายช่องทางจัดจำหน่ายทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ โดยวางแนวทางไว้ 4 แกน คือ การเข้าถึงมิลเลนเนียลให้ได้, การมุ่งตอบโจทย์ให้โนเกียเป็นโทรศัพท์ที่วางใจไว้ แบตเตอรีใช้ได้ยาวนาน และการเน้นมอบประสบการณ์การใช้ Android ที่ดีที่สุดให้ผู้บริโภค และสุดท้าย คือ การเป็นแบรนด์ที่มั่นคง
“ทิศทางการตลาดปีนี้ เราจะทำ 360 องศาทั้ง 3 รุ่น โดยเฉพาะกลุ่มคนที่เปลี่ยนจากมือถือปุ่มกดมาเป็นสมาร์ทโฟน เราถอดแบบดีเอ็นเอโนเกียเดิมมาเลย ทั้งความทนทานหน้าจอ มีหน้ากาก เปลี่ยนสีฝาหลังได้” ธนเดช กล่าว
ในภาพรวม ผู้บริหาร HMD ให้ข้อมูลว่า ตลาดซื้อขายโทรศัพท์เคลื่อนที่ไทยนั้น มีมูลค่า 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปีที่ผ่านมา ถือเป็นตลาดที่ใหญ่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกไม่รวมจีน โดย 90% เป็นการซื้อขายสมาร์ทโฟน
สำหรับปี 2017 ที่ผ่านมา โนเกียเป็นเบอร์ 1 ตลาดฟีเจอร์โฟนโลกในเชิงมูลค่า และเป็นแบรนด์ท็อป 5 ใน 15 ตลาดสมาร์ทโฟน ปัจจุบันมีสำนักงาน 80 แห่ง หน้าร้านวางจำหน่าย 250,000 ร้านทั่วโลก บนพันธมิตรโอเปอเรเตอร์ 600 ราย.