xs
xsm
sm
md
lg

เมื่อเบอร์ 2 ไม่ใช่เป้าหมายที่ไกลเกินไปของ 'หัวเว่ย' (Cyber Weekend)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาหัวเว่ย มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นจากไม่ถึง 2% มาเป็น 10.7%
จากผลประกอบการในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาของหัวเว่ย ในกลุ่มธุรกิจคอนซูเมอร์ ทั้งสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตที่เติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกัน 8 เท่าตัว และ 4 เท่าตัว ตามลำดับ แสดงให้เห็นว่าปีนี้ ถือเป็นปีทองของหัวเว่ย ในตลาดคอนซูเมอร์อย่างเห็นได้ชัด ด้วยส่วนแบ่งตลาดกว่า 10.7%

แต่ความท้าทายสำคัญของหัวเว่ย จริงๆแล้วน่าจะอยู่ในช่วงครึ่งปีหลัง นับตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นไปที่บรรดาสมาร์ทโฟนจากค่ายใหญ่อย่าง Samsung Galaxy Note 8 และ Apple iPhone 8 จ่อคิวรอเปิดตัวมาทำตลาดในช่วงปลายปีอยู่ ทำให้จะเห็นได้ว่าในช่วงต้นไตรมาส 3 หัวเว่ย กำลังพยายามที่จะทำโปรโมชันพิเศษอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการจัด Huawei Grand Sale ที่เลือกนำรุ่นก่อนหน้าไม่ว่าจะเป็น Huawei GR5 Huawei Mate 9 รวมถึง P10 และ P10 Plus มาจัดลดราคาพร้อมของแถมเพื่อกระตุ้นตลาดในช่วงโค้งสุดท้าย

ที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า หัวเว่ย เป็นแบรนด์ที่เลือกช่วงเวลาในการทำตลาดสมาร์ทโฟนมาเป็นอย่างดี เพราะคู่แข่งในตลาดหลักๆอย่าง ซัมซุง และแอปเปิล จะมีช่วงเวลาที่ถือเป็นกราฟพุ่งสร้างรายได้อย่างมีนัยยะสำคัญในตลาดระดับบนคนละช่วงกัน

ไม่ว่าจะเป็นในช่วงเดือนเมษายน ที่ Samsung วางตลาด Galaxy S ซีรีส์ และช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม ที่วางตลาด Galaxy Note ซีรีส์ ในขณะที่แอปเปิลจะทำตลาด iPhone รุ่นใหม่ก็ในช่วงหลังจากเดือนกันยายน ที่จะสร้างรายได้มหาศาลจาก iPhone ในช่วงไตรมาส 4 โดยเฉพาะในเทศกาลอย่างคริสมาสต์

กลับกันหัวเว่ย จะเลือกช่วงเวลาในเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม ในการวางจำหน่ายสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ในตระกูล P ซีรีส์ อย่างล่าสุดคือ P10 และใช้ช่วงเวลาปลายปีต่อเนื่องต้นปีในการผลักดันสินค้าในตระกูล Mate ซึ่งถือเป็นการเลือกช่วงเวลาที่สามารถชิงตัดหน้าก่อนที่คู่แข่งจะออกผลิตภัณฑ์มาชนได้อย่างน่าสนใจ

แน่นอนว่าความคาดหวังในการเป็นเบอร์ 2 ของตลาดสมาร์ทโฟน ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในตลาดประเทศไทย แต่ยังรวมถึงในตลาดโลกที่สถานการณ์ปัจจุบันหัวเว่ยเป็นเบอร์ 3 ในตลาดสมาร์ทโฟน และมีโอกาสที่จะแซงหน้าแอปเปิลขึ้นมาเป็นเบอร์ 2 ในไตรมาส 3 นี้

นักวิเคราะห์จากสหรัฐฯ มองประเด็นในการก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์ 2 ของหัวเว่ยในตลาดสมาร์ทโฟนจะเกิดขึ้นได้ในไตรมาสนี้ เนื่องมาจากเป็นช่วงเวลาที่แอปเปิลจะมียอดขาย iPhone ลดน้อยลง เพราะลูกค้าจะรอเครื่องรุ่นใหม่ที่กำลังจะเปิดตัว จึงไม่ใช่เรื่องยากที่หัวเว่ยจะแซงขึ้นมา
ทศพร นิษฐานนท์
โดยในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา หัวเว่ย มีส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลกอยู่ที่ 11.3% จากยอดขาย 38.5 ล้านเครื่อง ในขณะที่แอปเปิลมีส่วนแบ่งอยู่ราว 12% จากยอดขาย 41 ล้านเครื่อง จึงไม่ใช่เรื่องที่เหนือความคาดหมายนักถ้าหัวเว่ย จะแซงแอปเปิลขึ้นมาเป็นเบอร์ 2 ในไตรมาส 3

***ในไทยยังเติบโตต่อเนื่อง

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย จะแตกต่างจากในระดับโลกเล็กน้อย เพราะปัจจุบันในบางเดือนยอดจำหน่ายสมาร์ทโฟนของหัวเว่ย ก็ขยับขึ้นมาเป็นเบอร์ 2 ตามพี่ใหญ่อย่างซัมซุงมาติดๆ สลับกับคู่แข่งจากจีนอย่างออปโป้ ที่มียอดขายเติบโตขึ้นในตลาดระดับกลางมากขึ้น

ทศพร นิษฐานนท์ รองผู้อำนวยการ หัวเว่ย คอนซูเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย) ให้ข้อมูลว่า ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาหัวเว่ย มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นจากไม่ถึง 2% มาเป็น 10.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของแบรนด์หัวเว่ยที่เริ่มปูทางไว้ได้ชัดเจนมากขึ้น
ในปีนี้หัวเว่ยใช้งบในการทำตลาดเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาเท่าตัว แต่สามารถสร้างยอดขายในส่วนของสมาร์ทโฟนได้เพิ่มขึ้น 8 เท่า และแท็บเล็ตเพิ่มขึ้นได้ 4 เท่า
โดยกลยุทธ์หลักที่หัวเว่ย นำมาใช้ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาคือการเข้าไปโคแบรนด์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการทำแบรนด์ร่วมกับไลก้า ในการทำเลนส์กล้องของสินค้าตระกูล P ซีรีส์ หรือการร่วมกับทาง Harman Kardon ในการทำระบบเสียงในแท็บเล็ตอย่าง MediaPad M3 ทำให้ผู้บริโภคเกิดความเชื่อมั่นและสร้างภาพลักษณ์พร้อมคุณภาพที่สูงขึ้น

ขณะเดียวกัน จากการทยอยเพิ่มช่องทางจำหน่ายต่อเนื่องเป็น 9 พันแห่งในปัจจุบัน และตามแผนจะเพิ่มขึ้นไปเป็น 1 หมื่นจุดภายในสิ้นปีนี้ เช่นเดียวกับทางด้านบริการหลังการขายที่ขยายศูนย์บริการเพิ่มเป็น 14 แห่ง และเพิ่มจุดรับเครื่องมากกว่า 1 พันแห่งทั่วประเทศ

'ในปีนี้หัวเว่ยใช้งบในการทำตลาดเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาเท่าตัว แต่สามารถสร้างยอดขายในส่วนของสมาร์ทโฟนได้เพิ่มขึ้น 8 เท่า และแท็บเล็ตเพิ่มขึ้นได้ 4 เท่า ซึ่งถือว่าเป็นแนวโน้มที่ดี ประกอบกับการเรียนรู้ผู้บริโภค และนำสินค้าเข้าไปตอบโจทย์ให้ตรงความต้องการมากที่สุด'

***แท็บเล็ต ยังไปได้ในตลาดที่เหมาะสม

สิ่งที่หัวเว่ยมองในตลาดแท็บเล็ต ว่ายังมีช่องว่างในการสร้างรายได้เนื่องจากปัจจุบัน คู่แข่งในตลาดนี้เริ่มลดลง เพราะด้วยขนาดของตลาดรวมที่ยังถดถอยอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับระยะเวลาในการเปลี่ยนเครื่องของแท็บเล็ตที่สูงกว่าสมาร์ทโฟนเกือบเท่าตัว ทำให้ตลาดไม่ค่อยคึกคักมากนัก

เพียงแต่หัวเว่ย สังเกตจากพฤติกรรมการใช้งานของผู้บริโภคในปัจจุบันว่า เริ่มมีการปรับตัวเข้าสู่การใช้งานอินเทอร์เน็ตเพื่อความบันเทิงมากขึ้น ทำให้ยอดจำหน่ายสมาร์ทโฟนจอใหญ่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับแท็บเล็ตอย่าง MediaPad M3 ที่หัวเว่ยวางจำหน่ายในช่วงปีที่ผ่านมาก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก

ประกอบกับในตลาดแท็บเล็ต แบรนด์ส่วนใหญ่จะไปโฟกัสที่เครื่องหน้าจอ 10 นิ้ว แต่ระดับราคาเกิน 2 หมื่นบาท ทำให้เห็นช่องว่างในตลาดแท็ตเล็ตจอใหญ่ต่ำกว่า 1 หมื่นบาท ว่ามีโอกาสที่จะเข้ามาเสริมในกลุ่มนี้ และเชื่อว่าจะสร้างยอดขายได้ดีกว่า M3 ที่เป็นแท็บเล็ต 8 นิ้วในระดับหมื่นบาทได้

***ปลายปียังมีทีเด็ดจาก Mate 10

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาแนวคิดในการออกสมาร์ทโฟนของหัวเว่ย จะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลักๆคือในช่วงต้นปี P ซีรีส์ จะเน้นที่การเป็นสมาร์ทโฟนที่คุ้มค่า ครบเครื่อง เหมาะกับไลฟ์สไตล์การใช้งานของคนรุ่นใหม่ แต่ในช่วงปลายปีกับ Mate ซีรีส์ จะถือเป็นช่วงปล่อยของ ที่จะอัดเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาสร้างความแตกต่าง

เช่นเดียวกันกับในปลายปีนี้ เมื่อเทรนด์ของโลกไอที จับเข้ากับเทคโนโลยี AI มากขึ้น การวิจัยและพัฒนาของหัวเว่ยที่มีการลงทุนอย่างต่อเนื่องคิดเป็น 10% ของยอดขาย ในการผลิตหน่วยประมวลผลรุ่นใหม่อย่าง Kirin 970 ที่จะออกมาเผยโฉมพร้อมกับเครื่องอย่าง Mate 10

โดยตามกำหนดแล้ว Mate 10 จะเปิดตัวในช่วงเดือนตุลาคม และมีโอกาสที่จะวางขายในไทยเป็นกลุ่มประเทศแรกๆ เพราะปัจจุบันไทย กลายเป็นตลาดที่สำคัญที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของหัวเว่ยไปเรียบร้อยแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น