COM7 โชว์งบไตรมาสแรก รายได้โต 23.3% อยู่ที่ 4,913.3 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิโต 34.8 % อยู่ที่ 119.6 ล้านบาท ย้ำเป้าหมายรายได้ทั้งปีโตไม่ต่ำกว่า 10% จากเทคโนโลยีและสินค้าไอทีมีแนวโน้มเติบโตโดยเฉพาะตลาดสมาร์ทโฟนและไอโฟน พร้อมเจาะตลาดการขายโทรศัพท์มือถือพ่วงซิม ตั้งเป้าปีนี้ขายได้ 1.8 แสนเบอร์ จากสิ้นปี 59 ทำได้ 1.3 แสนเบอร์ ทั้งยังวางเป้าสิ้นปีนี้จะขยายสาขาเพิ่มเป็น 500 สาขา พร้อมรุกตลาดกลุ่มเอสเอ็มอีและภาคการศึกษาเพิ่ม
นายสุระ คณิตทวีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7 เปิดเผยถึง ภาพรวมธุรกิจในปี 2560 ว่าจะเป็นอีกปีที่ท้าทายของธุรกิจ โดย COM7 ตั้งเป้าทำสถิติสูงสุดต่อเนื่องทั้งในแง่ของรายได้และกำไร โดยวางเป้าหมายรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อนอยู่ที่ 17,211.6 ล้านบาท เนื่องจากภาพรวมเทคโนโลยี สินค้าไอที และโทรศัพท์มือถือมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากช่วงที่ผ่านมา
ทำให้ล่าสุด COM7 ประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 1/2560 (สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2560) รายได้รวมอยู่ที่ 4,913.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 927.5 ล้านบาท หรือ 23.3% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 3,985.8 ล้านบาท กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 664.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 130.3 ล้านบาท หรือ 24.4% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 534.5 ล้านบาท กำไรสุทธิ (ส่วนของบริษัทใหญ่) อยู่ที่ 119.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.9 ล้านบาท หรือคิดเป็น 34.8% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 88.7 ล้านบาท
โดยสาเหตุสำคัญมาจากการเติบโตของกลุ่มธุรกิจต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าโทรศัพท์มือถือ และการซื้อสินค้าโดยตรงจาก แอปเปิลทำให้ได้รับสินค้าเพียงพอต่อการขาย และมีอัตรากำไรที่ดี การร่วมเป็นพันธมิตรกับทรู ซึ่งได้มีการจัดโปรโมชั่นการเปิดเบอร์โทรศัพท์พร้อมส่วนลดในการซื้อสินค้ากระตุ้นยอดขายให้สูงขึ้น นอกจากนี้ การขยายสาขาจากการซื้อสินทรัพย์ของบริษัท บางกอก เทเลคอม 999 จำกัด (BKK) จำนวน 44 สาขา ในเดือนธันวาคม 2559 ที่ผ่านมา และการจัดโปรโมชั่น กิจกรรมการตลาด การได้รับการสนับสนุนการขายจากแบรนด์ต่างๆ มากขึ้น และเพิ่มสินค้าใหม่ๆ เข้ามาในพอร์ต อาทิ หัวเว่ย, ออปโป้ สนับสนุนทิศทางยอดขายในปีนี้ให้คึกคักตั้งแต่ช่วงโค้งแรกของปี และคาดว่าแนวโน้มไตรมาส 2/2560 จะเติบโตต่อเนื่องอีก
สำหรับกลยุทธ์ปีนี้ COM7 พร้อมรุกทุกตลาดไอที มุ่งเน้นการขยายอัตรากำไรให้สูงขึ้นในสินค้าและบริการที่มีกำไรสูง โดยเฉพาะภาพรวมธุรกิจขายโทรศัพท์มือถือพ่วงกับซิมและแพกเกจจากค่ายมือถือ มองว่ายังเติบโตได้ดี ตั้งเป้าปีนี้บริษัทจะสามารถขายเครื่องพ่วงซิมจำนวน 1.8 แสนเลขหมาย จากสิ้นไตรมาส 1/2560 ทำได้แล้ว 4.7 หมื่นเลขหมาย และสิ้นปี 2559 ที่ผ่านมา ตั้งเป้าไว้ 1 แสนเลขหมาย ก็สามารถขายเครื่องพ่วงซิมได้ถึง 1.3 แสนเลขหมาย นอกจากนี้การที่ COM7 เป็นพันธมิตรกับทรู ทำให้ได้รับประโยชน์ในการทำโปรโมชั่นต่างๆ ที่ดึงดูดใจลูกค้าได้เพิ่มขึ้น และยังได้รับส่วนแบ่งรายได้ในการขายซิมพร้อมแพกเกจของทรูเพิ่มขึ้น เป็นอีกปัจจัยสำคัญสนับสนุนยอดขายและอัตรากำไรที่ดีอย่างต่อเนื่องในปีนี้
ขณะที่ยอดขายสินค้ากลุ่มสมาร์ทโฟนยังเติบโตได้อีก จากสินค้าใหม่ที่ทยอยออกมากระตุ้นตลาด และการได้พันธมิตรแบรนด์ใหม่ๆ รวมถึงการขยายช่องทางการจำหน่ายเพื่อรุกตลาดสมาร์ทโฟนโดยเฉพาะ ทำให้เชื่อว่าในปีนี้ COM7 ตั้งเป้ามียอดขายสมาร์ทโฟนอยู่ที่ 3 พันล้านบาท จากเมื่อสิ้นปี 2558 และ 2559 บริษัทมียอดขายสมาร์ทโฟนอยู่ที่ 1.3 พันล้านบาท และ 2 พันล้านบาทตามลำดับ ส่วนยอดขายไอโฟนก็มีทิศทางที่ดี โดยคาดว่าปีนี้จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง หลังจากในไตรมาส 1/2560 ที่ผ่านมายอดขายสินค้ากลุ่มไอโฟนเติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนราว 20%
นายสุระ กล่าวว่า ด้วยจุดแข็งสำคัญจากการมีช่องทางการจำหน่ายมากที่สุดและครอบคลุมทั่วประเทศ โดยสิ้นปี 2559 มีสาขารวมกันแล้วทั้งสิ้น 368 สาขา ตั้งเป้าสิ้นปีนี้มีสาขารวมกันกว่า 500 สาขา จากการขยายสาขาภายใต้แบรนด์ของบริษัทโดยใช้งบลงทุนประมาณ 200 ล้านบาท รวมทั้ง การทยอยเข้าไปบริหารจัดการทรูชอปเพิ่ม โดยสิ้นไตรมาสแรกของปีนี้ COM7 มีสาขารวมกันแล้ว 390 สาขา ได้แก่ BaNANA 161 สาขา, Studio 7 จำนวน 92 สาขา , Samsung 10 สาขา , iCare 21 สาขา, BKK 44 สาขา และ TRUE 62 สาขา รวมทั้งพัฒนาช่องทางการจำหน่ายผ่านออนไลน์ให้แข็งแกร่ง รุกตลาดอีคอมเมิร์ซ ภายใต้ชื่อ Banana Store เสริมช่องทางให้ลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าและบริการ COM7 ให้สะดวกยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ บริษัท ยังรุกตลาดโซลูชั่น ให้บริการเทคโนโลยีและสินค้าไอทีแก่ลูกค้ากลุ่มเอสเอ็มอี ทั้งธุรกิจขนาดกลาง และขนาดเล็ก รวมทั้งหน่วยงานราชการและภาคเอกชน ภายใต้แบรนด์ BaNANA Business ซึ่งปัจจุบันมีแฟล็กชิป สโตร์ สาขาแรกที่พันธ์ทิพย์ พลาซ่า เปิดให้บริการเรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งรุกลูกค้ากลุ่มมหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษา จึงตั้งเป้าหมายปีนี้มียอดขายสินค้ากลุ่ม SME และ Education อยู่ที่ประมาณ 800 ล้านบาท