xs
xsm
sm
md
lg

ออกจากตลาดเอเชีย? 1 ในสิ่งที่อาจเกิดขึ้นหลัง Uber ปิดดีลซบอก SoftBank

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

แฟ้มภาพสำนักงาน Uber ในแอฟริกา ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดนอกจากเอเชีย ที่มีการวิเคราะห์ว่า Uber อาจให้ความสำคัญน้อยลง
รวมประเด็นร้อนหลังจากอูเบอร์ (Uber) ผู้ให้บริการแอปพลิเคชันรถร่วมเดินทางรายใหญ่ระดับโลกที่สามารถปิดดีลขายหุ้นมูลค่า 9.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ สำเร็จโดยมีซอฟต์แบงก์ (SoftBank) เป็นผู้ถือหุ้นหลัก ข้อมูลเบื้องต้นชี้ว่า SoftBank มีแผนให้ Uber เน้นทำตลาดในสหรัฐอเมริกา และยุโรป เป็นหลัก เท่ากับตลาดแอฟริกา และเอเชีย อาจจะถูกลดความสำคัญลงในระยะยาว

นอกจากนี้ สาระสำคัญของดีลยังมีการกำหนดถึงการเปลี่ยนแปลงการกำกับดูแล รวมถึงการขยายตัวของบอร์ดบริหารด้วย โดย SoftBank มีแผนดึงผู้บริหารบริษัทในเครืออย่างสปรินต์ (Sprint) มานั่งเก้าอี้บอร์ด ซึ่งจะผลักดันนโยบายของ SoftBank ให้เห็นผลเป็นรูปธรรมใน Uber มากขึ้น

ที่สำคัญ มีการประเมินว่า ดีลนี้ทำให้ผู้ร่วมก่อตั้ง Uber อย่างทราวิส คาลานิก (Travis Kalanick) รับทรัพย์มูลค่ากว่า 1.4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ไปสบายกระเป๋า ทำให้เขามีทรัพย์สินในมือมากกว่า 4.7 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในขณะนี้

Uber อาจออกจากบางตลาด

ไม่เพียง SoftBank มีแผนจะดึงผู้บริหารมือดีอย่าง ราจีฟ มิสรา (Rajeev Misra) ของ Sprint มาเป็นกรรมการ Uber แต่ผู้ถือหุ้นใหญ่ Uber ส่งสัญญาณต้องการให้ Uber เน้นความสำคัญไปที่ตลาดสหรัฐอเมริกา และยุโรป ซึ่งมีสื่อบางรายวิเคราะห์ว่า Uber อาจออกจากตลาดแอฟริกา และเอเชีย ที่มีการแข่งขันสูงมาก
ข้อมูลเบื้องต้นชี้ว่า SoftBank ต้องการให้ Uber เน้นทำตลาดในสหรัฐอเมริกาและยุโรปเป็นหลัก
สำนักข่าว Quarts รายงานว่า Uber อาจจะถูกดึงออกจากตลาด 15 เมืองในแอฟริกา และอีกหลายเมืองใหญ่ในเอเชีย

แม้ Uber จะระบุว่า เงินทุนจาก SoftBank จะช่วยให้ บริษัทสามารถเททรัพยากรในการให้บริการ “แก่ผู้คนในสถานที่ต่าง ๆ ทั่วโลก” ได้ดีกว่าเดิม แต่ในคำให้สัมภาษณ์ต่อสื่อใหญ่อย่างไฟแนนเชียลไทม์ส (Financial Times) พบว่า SoftBank มีวิสัยทัศน์ที่ต่างไป โดย Rajeev Misra ผู้อำนวยการบอร์ด SoftBank ยอมรับว่า Uber มีโอกาสประสบความสำเร็จ และผลกำไรที่ดีกว่า หากมุ่งเน้นเฉพาะตลาดหลัก เช่น สหรัฐฯ, ยุโรป, ละตินอเมริกา และออสเตรเลีย

อย่างไรก็ตาม Softbank นั้น มีหุ้นอยู่ในบริการคู่แข่งของ Uber เช่น Ola ของประเทศอินเดีย และ Didi ของประเทศจีนอยู่แล้ว ดังนั้น จึงอาจไม่น่าแปลกใจที่อาจต้องการให้ Uber มุ่งเน้นไปที่ตลาดหลัก ซึ่งจะไม่แข่งขันกับการลงทุนในประเทศอื่น

นอกจากนี้ การดึง Uber ออกจากตลาดรองอาจจะช่วยให้บริษัทลดข้อขัดแย้งลงด้วย โดยเฉพาะปัญหาด้านกฎระเบียบ เช่น มาตรการการจัดเก็บภาษี รวมถึงแรงกดดันให้ต้องมีความร่วมมือกับกระทรวงคมนาคมหลายประเทศ เพื่อพัฒนากรอบการกำกับดูแลสำหรับเทคโนโลยีแอปพลิเคชันร่วมเดินทาง เช่นเดียวกับการต่อต้านโดยสหภาพรถแท็กซี่ในหลายประเทศ

ผู้ก่อตั้ง Uber รวยเละ

สำหรับผู้ก่อตั้งอย่าง Travis Kalanick การเทเงินของ SoftBank เพื่อเข้าเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของ Uber ทำให้ Kalanick และผู้สนับสนุนในช่วงต้นได้รับเงินเข้ากระเป๋าสบายอุรา โดยรายงานชี้ว่า เฉพาะ Kalanick ซึ่งถูกตัดขาดจากตำแหน่ง CEO เมื่อปีที่แล้ว หลังมีปัญหาคารังคาซัง จะได้รับเงิน 1.4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 44,580 ล้านบาท ทำให้ทรัยพ์สินรวมทะลุหลัก 4.74 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 1.5 แสนล้านบาท)
ผู้ร่วมก่อตั้ง Uber อย่างทราวิส คาลานิก (Travis Kalanick) รับทรัพย์มูลค่ากว่า 1.4 พันล้านเหรียญสหรัฐไปสบายกระเป๋า
ขณะที่ยังไม่มีความเห็นจาก Kalanick โฆษกของ Uber กล่าวในแถลงการณ์ว่า บริษัทภูมิใจที่มี SoftBank, Dragoneer และกลุ่มพันธมิตรทั้งหมดเข้ามาเป็นครอบครัว Uber เชื่อว่า การขายหุ้นครั้งนี้จะเป็นผลดีสำหรับผู้ถือหุ้นทุกคน พนักงาน และลูกค้า

การลงทุนครั้งนี้ยังช่วยเพิ่มสภาพคล่องของพนักงาน ในช่วงที่ Uber ต้องเผชิญความตึงเครียด ก่อนที่ Uber มีเป้าหมายเพื่อเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนในปี 2019 ขณะเดียวกัน SoftBank ถูกมองเป็นนักลงทุนที่บุกหนักหน่วงใน Silicon Valley และกำลังเดินเข้ากองไฟ เพราะ Uber กำลังได้รับผลกระทบจากคดีความเรื่องการละเมิดข้อมูลจำนวนมาก รวมถึงตกเป็นเป้าถูกตรวจสอบเรื่อง “วัฒนธรรมที่เป็นอันตราย” ในที่ทำงานด้วย

การเปลี่ยนแปลงใน Uber นี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญสำหรับซีอีโอ Dara Khosrowshahi ผู้ซึ่งถูกวางความหวังว่าจะเข้ามาสางปมทั้งหมดให้คลี่คลายได้ในเร็ววัน


กำลังโหลดความคิดเห็น