หลังจากการประชุมคณะกรรมการบริหารอูเบอร์ (Uber) ชุดใหญ่ มติของที่ประชุมสรุปแล้วว่า Uber จะก้าวไปข้างหน้าด้วยการเปิดขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ครั้งแรก หรือ IPO ในช่วง 2 ปีนับจากนี้ โดยจะเปิดทางให้ซอฟต์แบงก์ (Softbank) แห่งญี่ปุ่น เข้าถือหุ้นส่วนใหญ่ 17%
ข่าวนี้ถือเป็นข่าวใหญ่ เพราะ Uber นั้นมีดีกรีเป็นบริษัทเทคโนโลยีเกิดใหม่ที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก การเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน ซึ่งได้รับอนุมัติโดยคณะกรรมการบริหาร Uber และจะมีผลหลังจากที่ข้อตกลงกับ Softbank บรรลุผลแล้ว คือ หุ้นกลุ่ม supervoting พิเศษที่เป็นขุมพลังในมือผู้ร่วมก่อตั้งอย่างทราวิส คาลานิก (Travis Kalanick) และผู้มีอิทธิพลภายในอื่น ๆ จะถูกยกเลิก โดยหุ้นทั้งหมดใน Uber จะมีพลังออกเสียงเพียง 1 เสียงเท่ากันหมด
นอกจากนี้ จำนวนคณะกรรมการบริหารจะถูกขยายเป็น 17 ราย เพิ่มขึ้นก้าวกระโดดจากปัจจุบันที่มี 11 ราย พันธกิจที่บอร์ด Uber ชุดนี้อนุมัติแล้ว คือ แผนการเสนอขายหุ้นภายในปี 2019 โดยประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่จะต้องได้รับคะแนนสนับสนุนจากบอร์ดไม่ต่ำกว่า 2 ใน 3 จนกว่าจะมีการเสนอขาย IPO
สำหรับกลุ่มเบนช์มาร์กแคปิตอล (Benchmark Capital) ซึ่งเป็นนักลงทุน Uber ที่ฟ้องอดีตซีอีโออย่าง Kalanick ตอบตกลงยกเลิกการดำเนินคดีเมื่อข้อตกลงกับซอฟต์แบงก์บรรลุแล้ว
เบื้องต้น ดีลนี้มองเห็นชัดมากเรื่องการลดอำนาจของผู้ก่อตั้งและอดีตซีอีโอ แต่แถลงการณ์และความเคลื่อนไหวอื่นของ Kalanick นั้น ดูเหมือนจะบอกว่า ไม่คิดต่อสู้ รูปการณ์นี้ถือว่าน่าแปลกใจ เนื่องจาก Kalanick เป็นแรงหลักในการสร้าง Uber ขึ้นมาจนมีมูลค่าสูงกว่า 6.9 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่กลับถูกขับออกจากตำแหน่งซีอีโอในเดือนมิถุนายน ท่ามกลางการถกเถียง ฟ้องร้อง และเรื่องอื้อฉาวที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติ และวัฒนธรรมภายในบริษัท
ในเดือนสิงหาคม Uber แต่งตั้งดารา โคสรอลชาฮี (Dara Khosrowshahi) อดีตซีอีโอบริการจองห้องพักและเครื่องบินออนไลน์ เอ็กซ์พีเดีย (Expedia) ขึ้นมานั่งเก้าอี้แทน Kalanick สำหรับกรณีล่าสุด Kalanick ออกแถลงการณ์ยอมรับ และเชื่อว่า การเปลี่ยนแปลงของ Uber เป็นก้าวที่ถูกต้องเพื่อให้บริษัทสามารถแข่งขันได้ดีต่อไป
ข้อมูลที่ถูกเปิดเผยขณะนี้ คือ Uber จะได้รับเงินทุนราว 1-1.25 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ จาก Softbank และกลุ่มทุนดีไอจี (Dragoneer Investment Group) การลงทุนครั้งนี้อิงจากตัวเลขมูลค่าประเมิน Uber ในปัจจุบันที่ 6.9 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ จุดนี้ Softbank และ Dragoneer จะได้หุ้น Uber ราว 14-17% โดยจะมีการจัดสรรหุ้นบางส่วนให้กับนักลงทุนรายย่อยของ Uber ในหลายระดับราคา
การระดมทุนโดยตรงกับ Softbank ถือเป็นทางออกที่ช่วยรักษามูลค่าตลาดของ Uber ไว้ได้ หลังจากพบว่า Uber เริ่มมีมูลค่าตลาดลดลงหลังจากภาพลักษณ์ของบริษัทเต็มไปด้วยปัญหา อย่างไรก็ตาม Uber ยังสามารถทำรายได้เพิ่มขึ้นชัดเจน รายได้สุทธิประมาณ 1.75 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ ทำให้ Uber เป็นหนึ่งในบริการที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วที่สุดในโลก ผลจากความนิยมของนักเดินทางที่ไม่ต้องการนั่งแท็กซีดั้งเดิม และผู้ขับขี่ยานพาหนะที่ต้องการหารายได้เสริม ขณะที่แอปพลิเคชันใช้งานได้ง่ายรวดเร็ว.