MGR Online - รองโฆษกราชทัณฑ์ เผย "ทักษิณ" แจ้งความประสงค์ช่วยงานลอกท่อ แต่ยังไม่เข้าเงื่อนไขตามระเบียบ เป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นดีขึ้นไป โทษ 1 ปีต้องจำคุกมาแล้วไม่น้อยกว่า 4 เดือน
จากกรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามี เดินทางเข้าเยี่ยม นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ภายในเรือนจำกลางคลองเปรม แล้วออกมาเปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า "ผบ.เรือนจำฯ บอกว่าจะให้คุณพ่อไปช่วยคุมการลอกท่อ" ก่อนขึ้นรถเดินทางกลับทันที เมื่อช่วงเช้า วันนี้ (25 ก.ย.)
วันนี้ (25 ก.ย.) เวลา 13.30 น. นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผบ.เรือนจำจังหวัดนนทบุรี ในฐานะรองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า นายทักษิณ ได้พูดคุยและแจ้งความประสงค์กับผู้บัญชาการเรือนจำกลางคลองเปรม หากเป็นไปได้ก็อยากช่วยงานสาธารณะ (ลอกท่อ) เพื่อประโยชน์ของกรมราชทัณฑ์
นางกนกวรรณ เผยว่า การพิจารณาส่งนักโทษเด็ดขาดออกไปทำงานสาธารณะ (ลอกท่อ) ต้องปฏิบัติตามระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่า ด้วยการส่งนักโทษเด็ดขาดออกทำงานสาธารณะหรือทำงานอื่นใดเพื่อประโยชน์ของทางราชการนอกเรือนจำ พ.ศ.2566 ที่ได้กำหนดเงื่อนไขและคุณสมบัติของนักโทษเด็ดขาดตามนัย ของกฎหมายฉบับนี้โดยสังเขป 1.เป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นดีขึ้นไป กำหนดโทษจำคุกไม่เกินสามปี ต้องจำคุกมาแล้วระยะเวลาไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 (การมีโทษหนึ่งปีต้องจำคุกมาแล้วไม่น้อยกว่า 4 เดือน) , 2.ต้องโทษจำคุกครั้งแรก , 3.การคัดเลือกนักโทษเด็ดขาดให้ออกไปทำงานจะต้องคำนึงถึงพฤติการณ์การกระทำผิด ลักษณะความผิด ความรุนแรงของคดี และ 4.ด้านข้อมูลบุคคล ให้คำนึงถึงอายุ ประวัติ ความประพฤติ สุขภาพหรือความแข็งแรงของร่างกาย
"สำหรับข้อดี คือ 1.เป็นการสร้างตัวอย่างที่ดี ในการใช้ความมานะอุตสาหะ ทำความดีเพื่อตอบแทนสังคม หรือชดเชยการกระทำความผิด และ 2.ช่วยให้เกิดการประชาสัมพันธ์ภารกิจของกรมราชทัณฑ์ ด้านการทำงานสาธารณะต่อประชาชน ดังนั้น ถ้ามีคุณสมบัติครบถ้วนตามระเบียบ เรือนจำอาจพิจารณานำเข้าคณะกรรมการชั้นเรือนจำ เพื่อเสนอคณะกรรมการชั้นกรมราชทัณฑ์พิจารณาอีกครั้ง" นางกนกวรรณ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายทักษิณเพิ่งจะเข้ารับโทษในเรือนจำเมื่อวันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมา ยังไม่ครบ 4 เดือน จึงไม่เข้าเงื่อนไขที่จะออกไปช่วยงานสาธารณะได้