“ข่าวลึกปมลับ”ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันพุธที่ 2 กุมภาพันธ์ 2565 ตอน 17-18 ก.พ.เปิดสภา เช็กบิลนายกฯ ประยุทธ์
เหตุการณ์สำคัญทางการเมืองในเดือนกุมภาพันธ์นี้ คือการระเบิดศึกอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ที่ให้อำนาจ ส.ส.เข้าชื่อกันอภิปรายเพื่อซักถามข้อเท็จจริง หรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี ที่ฝ่ายค้านยื่นไปเมื่อ 21 มกราคมที่ผ่านมา
ตอนนี้ พรรคฝ่ายค้านหลายพรรค กำลังเครื่องร้อน มีการเปิดวอร์รูมเพื่อติวเข้ม เตรียมประเด็นการอภิปรายและจัดทัพ เตรียมขุนพล รอลับดาบ เชือดเฉือน ฟาดฟัน รัฐมนตรีหลายกระทรวงไว้แล้ว
หลังล่าสุด รัฐบาล กำหนดกรอบเวลามาแล้วว่า ต้องการให้มีการประชุมสภาฯเพื่อพิจารณาเรื่องนี้ในวันพฤหัสบดีและศุกร์ที่ 17-18 กุมภาพันธ์นี้ รวมเวลาสองวันสองคืน
จริงอยู่ว่า แม้การอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติดังกล่าว จะไม่มีผลทางการเมืองเหมือนศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะเป็นการอภิปรายแบบฝ่ายค้านซัดรัฐมนตรี ถล่มรัฐบาลไป รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องก็ชี้แจง แล้วก็จบกันไป ไม่มีการโหวตลงมติ เหมือนศึกซักฟอก
แต่เป็นโอกาสที่ส.ส.ฝ่ายค้าน จะได้ลุกขึ้นอภิปรายเรียงหน้าสับ รุมถล่ม พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีหลายกระทรวง ในลักษณะว่าบริหารประเทศล้มเหลว มีข้อผิดพลาดในการบริหารราชการแผ่นดิน เป็นเวลาหลายๆชั่วโมง ตลอดสองวัน โดยมีประชาชนติดตามทั่วประเทศกันเป็นล้านคน
ย่อมมีผลต่อความน่าเชื่อถือและคะแนนนิยม รัฐบาลแน่นอน โดยเฉพาะหากนายกรัฐมนตรีหรือ รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องไม่สามารถชี้แจงหักล้างคำอภิปรายของฝ่ายค้านได้ ก็เสียรังวัด หมดเครดิตกลางสภาฯ
ดังนั้นแม้การอภิปรายทั่วไปที่จะเกิดขึ้น อาจไม่ดุเดือดเหมือนศึกซักฟอก แต่ดูแล้ว รอบนี้ ดีกรีความเข้มข้น คงน้องๆ ศึกซักฟอก โดยเฉพาะหากฝ่ายค้าน อภิปรายมีเนื้อมีหนัง มีข้อมูลเชิงประจักษ์ ก็อาจทำให้รัฐมนตรีบางคนมีอาการซวนเซได้เช่นกัน
เบื้องต้นฝ่ายค้าน บอกไว้ว่ากรอบการอภิปรายจะอยู่ที่ สี่ประเด็นหลักคือ 1. วิกฤติเศรษฐกิจ โดยเฉพาะปัญหาสินค้าราคาแพง 2. วิกฤติโรคระบาด ทั้งโควิดและโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร 3. วิกฤติทางด้านการเมือง 4. วิกฤติเรื่องของความล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดิน
รอบนี้ ฝ่ายค้านจะส่งขุนพลหลักเรียงหน้าขึ้นเวทีสับรัฐบาลกันแบบจัดเต็ม เช่น เพื่อไทย คงได้เห็นสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน จัดชุดใหญ่มุ่งซัดไปที่นายกฯโดยตรง
และอีกหลายคนที่น่าจับตาเช่น วิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พะเยา ที่จะใช้เวทีนี้ อภิปรายเรื่องรัฐบาลปกปิดข้อมูลเรื่องโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร ด้วยข้อมูลที่ว่า ช่วงเดือนกรกฎาคม ปี 2564 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เคยทำเรื่องถึงเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อขออนุมัติงบกลาง ป้องกันโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร และต่อมามีการอนุมัติงบ 500 กว่าล้านบาท
ฝ่ายค้านจะชี้ประเด็นว่า ปัญหาหมูแพงจึงไม่ใช่เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อต้นปีที่ผ่านมา แต่มีสัญญาณมาตั้งแต่กลางปี 2564 แล้ว
นอกจากนี้ มีอีกหลายประเด็นที่ฝ่ายค้านรอจัดหนักอยู่เช่น อาจใช้เวทีนี้อภิปรายเรื่อง ข้อพิพาทกรณี เหมืองทองอัครา ที่ล่าสุดเมื่อวันจันทร์ที่ 31 มกราคมที่ผ่านมา คณะอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศเลื่อนการชี้ขาดกรณีบริษัท คิงส์เกตฯ บริษัทแม่ของ บริษัท อัครา รีซอร์สเซส ที่มีข้อพิพาทกับประเทศไทยกรณีพลเอกประยุทธ์ สมัยเป็นนายกฯควบหัวหน้าคสช. ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ออกคำสั่งระงับการทำเหมืองทองคำชาตรีที่บริษัทอัคราฯได้ประทานบัตร
โดยคณะอนุญาโตตุลาการเลื่อนการชี้ขาดออกไปโดยให้เหตุผลว่าเพื่อให้ 2 ฝ่ายเจรจาทำความตกลงกัน
ก่อนหน้านี้ ฝ่ายเพื่อไทย ตั้งข้อสังเกตุว่าการที่รัฐบาลอนุมัติสัญญาเช่าพื้นที่ 4 แปลงให้กับบริษัทอัครา กลับมาทำเหมืองแร่ชาตรีได้อีกครั้งเมื่อกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา ก่อนหน้า วันนัดประชุมคณะอนุญาโตตุลาการเมื่อ 31 มกราคม เพียงไม่กี่วัน
เหมือนกับยอมรับว่าการใช้ มาตรา44 ปิดเหมืองแร่ทองคำอาจเป็นการออกคำสั่งที่ผิดพลาด และเกรงจะแพ้คดีจนอาจต้องชดใช้เงิน 25,000 ล้านบาทที่ คิงส์เกตเรียกร้องให้รัฐบาลไทยชดใช้ค่าเสียหาย จึงใช้วิธีการดังกล่าว เพื่อเปิดทางเจรจาหวังให้มีการถอนฟ้อง
เรื่องข้อพิพาทเหมือนแร่อัครา อาจเป็นอีกหนึ่งปมร้อนที่ฝ่ายค้านจะใช้เวทีนี้อภิปรายเรื่องนี้ ย้ำแผลดังกล่าวกับพลเอกประยุทธ์ว่าทำผิดพลาดสมัยเป็นนายกฯรอบแรก
ศึกอภิปรายทั่วไปไม่ลงมติกลางเดือนนี้ รัฐมนตรีที่จะต้องถูกฝ่ายค้านจับขึ้นเขียง ตัวหลักๆ น่าจะมี พลเอกประยุทธ์ -จุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ รมว.พาณิชย์และเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตร ในเรื่องโรคระบาดในสุกรและปัญหาของแพง รวมถึงประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรฯ ในฐานะดูแลกรมปศุสัตว์ด้วย
ตลอดจน สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรมในเรื่องการให้ ประทานบัตรเหมืองแร่ 4 แปลงแก่บริษัทอัคราฯ ที่ฝ่ายค้านจะชี้ว่าเหมือนเป็นข้อแลกเปลี่ยนให้เอกชนถอนฟ้องคดี !!
