xs
xsm
sm
md
lg

“เพื่อไทย” ซัด รบ.ยกทรัพย์สินชาติให้ “คิงส์เกต” แลกถอนฟ้องคดี “เหมืองทองอัครา”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“จิราพร” เชื่อมี รบ.รู้ตัวว่าแพ้แน่ จัด “ดีลใหญ่” ยกทรัพย์สินชาติให้ “คิงส์เกต” แลกถอนฟ้องคดี “เหมืองทองอัครา” หลัง บ.ออสฯแจ้งได้เช่าเพิ่ม 4 แปลง จ่อกลับมาเปิดเหมืองชาตรี ปูดรอประเคนให้ 6 แสนไร่ ชวนจับตาคำตัดสินอนุญาโตฯ 31 ม.ค.นี้

วันนี้ (26 ม.ค.65) น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุถึงคดีพิพาทระหว่างบริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด กับราชอาณาจักรไทย หรือกรณีเหมืองทองอัคราว่า เมื่อวันที่ 19 ม.ค.65 ที่ผ่านมา มีความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีพิพาทระหว่างบริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ บริษัทอัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) กับราชอาณาจักรไทย ซึ่งล่าสุดบริษัทคิงส์เกตฯ แจ้งว่า รัฐบาลไทยอนุมัติสัญญาเช่าพื้นที่ 4 แปลงให้กับบริษัทและเปิดทางให้กลับมาทำเหมืองแร่ชาตรีได้อีกครั้งหลังจากที่ต้องหยุดดำเนินการตั้งแต่ปี 2560 ซึ่งการที่รัฐบาลยอมให้บริษัทอัคราฯ กลับมาดำเนินการได้ก่อนที่จะมีคำชี้ขาดจากคณะอนุญาโตตุลาการเท่ากับเป็นการก้มหน้ายอมรับว่าการใช้มาตรา 44 ปิดเหมืองแร่ทองคำเป็นการกระทำผิดต่อบริษัทคิงส์เกตฯ

“ถือเป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลไทยกำลังจะแพ้คดี จึงยอมกลืนน้ำลายตัวเองเพื่อเปิดทางเจรจาให้มีการถอนฟ้อง” น.ส.จิราพร ระบุ

น.ส.จิราพร ระบุต่อว่า ที่ผ่านมาคดีเหมืองทองอัคราถูกเลื่อนการออกคำชี้ขาดถึง 3 ครั้ง จากเดิมจะออกคำชี้ขาด 31 ม.ค. 64 แต่ถูกเลื่อนออกไปเป็นต้นเดือน เม.ย.64 และถูกเลื่อนอีกครั้งเป็น 31 ต.ค. 64 ซึ่งล่าสุดการออกคำชี้ขาดถูกเลื่อนเป็นวันที่ 31 ม.ค. 65 ที่จะถึงนี้ ทั้งนี้ หากพิจารณาจากกฎของ UNCITRAL ซึ่งคณะอนุญาโตตุลาการใช้ในการตัดสินคดี คาดว่าผลการตัดสินสามารถออกมาได้ 3 แนวทาง คือ

แนวทางที่ 1 ยุติกระบวนการอนุญาโตตุลาการตามที่คู่กรณีทั้งสองฝ่ายร้องขอ หรือเรียกว่าทั้งสองฝ่ายประณีประนอมยอมความกัน ซึ่งอาจเกิดผลใน 2 รูปแบบ คือ รูปแบบแรก บริษัทคิงส์เกตฯ ถอนคดีออกจากกระบวนการอนุญาโตตุลาการ และ รูปแบบที่สอง คณะอนุญาโตตุลาการไม่ได้ตัดสินว่าฝ่ายใดถูกหรือผิด แต่จะนำข้อตกลงประณีประนอมยอมความของคู่กรณีมาบันทึกไว้โดยไม่มีความเห็นของอนุญาโตตุลาการประกอบ หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ปฏิบัติตามจะสามารถนำบันทึกข้อตกลงนั้นไปบังคับคดีต่อไปได้

แนวทางที่ 2 ออกคำชี้ขาดแค่บางส่วนบางประเด็น แล้วเก็บข้อพิพาทที่เหลือไว้ออกคำชี้ขาดในภายหลัง ซึ่งจะกลายเป็นภาระส่งต่อยังรัฐบาลต่อไป

และแนวทางที่ 3 ออกคำชี้ขาดของข้อพิพาททั้งหมด ซึ่งแนวทางนี้ไทยมีแนวโน้มที่จะเป็นฝ่ายแพ้คดีสูงมาก และหากไทยแพ้คดีต้องชดเชยเป็นเงินและทองคำมูลค่าขั้นต่ำ 30,000 ล้านบาท คำถามคือแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรัฐประหาร ในขณะนั้นที่บอกว่าจะรับผิดชอบเอง จะรับผิดชอบอย่างไร?

น.ส.จิราพร ตั้งข้อสังเกตว่า รัฐบาลไทยรู้ตัวว่ากำลังจะแพ้คดีจึงมีดีลใหญ่กับบริษัทคิงส์เกตเพื่อแลกกับการถอนฟ้องใช่หรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้รัฐบาลได้อนุมัติสิทธิสำรวจแร่ทองคำในพื้นที่เกือบ 400,000 ไร่ ให้กับบริษัทคิงส์เกตฯ และยังเร่งอนุญาตสัญญาเช่าอีก 4 แปลงเพื่อเปิดทางให้เหมืองทองอัคราสามารถกลับมาดำเนินการได้ก่อนที่จะมีการตัดสินคดีด้วยซ้ำ ซึ่งอาจเป็นการนำทรัพย์สมบัติชาติไปมัดจำก่อนตามที่ได้เจรจาไว้ และยังมีพื้นที่อีกเกือบ 600,000 ไร่ และสิทธิประโยชน์อื่นๆ ที่รอการอนุมัติเพิ่มเติมหลังจากนี้ ซึ่งมีประเด็นปัญหาว่า การที่รัฐบาลไทยนำทรัพยากรชาติไปใช้ในการเจรจาต่อรองในลักษณะนี้เป็นการดีลที่เกินกว่าข้อพิพาทหรือไม่ ซึ่งในอนาคตอาจเกิดปัญหาทางกฎหมายได้

“ขอเชิญชวนให้พี่น้องประชาชนทั้งประเทศช่วยกันจับตาผลการตัดสินคดีเหมืองทองอัคราในวันที่ 31 ม.ค. นี้ อย่างใกล้ชิด และร่วมกันลงชื่อกับพรรคเพื่อไทย เพื่อคัดค้านการนำสมบัติชาติไปสังเวยความผิดพลาดของ พล.อ.ประยุทธ์ อย่าให้ พล.อ.ประยุทธ์ผลักความผิดพลาดของตัวเองมาให้ประชาชนและประเทศชาติต้องรับผิดชอบแทน” น.ส.จิราพร ระบุในช่วงท้าย.


กำลังโหลดความคิดเห็น