“แอมมี่” ขึ้นศาลนัดฟังคำสั่งเพิกถอนประกัน ยันเล่นดนตรีในม็อบ ไม่ผิดเงื่อนไขปล่อยชั่วคราว ลั่นหากติดคุก ก็ไม่เสียใจ
เมื่อเวลา 13.30 น.วันนี้ (22 พ.ย.) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำสั่งเพิกถอนการประกันตัว คดีหมายเลขดำ อ.287/2564 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 7 โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาล ขอให้ไต่สวนพยานและมีคำสั่งเพิกถอนการปล่อยชั่วคราว น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง จำเลยที่ 5, นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ ระยอง จำเลยที่ 6 และ นายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือ แอมมี่ เดอะ บอตทอมบลูส์ จำเลยที่ 17 ที่กระทำผิดเงื่อนไขการปล่อยตัวของศาล กรณีที่จำเลยทั้งสามร่วมกับพวก รวม 22 คน ร่วมกันดูหมิ่นสถาบัน ร่วมกันชุมนุม คดีปักหมุดสนามหลวง เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2563
โดย นายภาณุพงศ์ ถูกเบิกตัวจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ส่วน น.ส.ปนัสยา ถูกเบิกตัวจากทัณฑสถานหญิงกลาง
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 18 พ.ย. นายไชยอมร ไม่ได้มาศาลตามนัด โดยอ้างว่าป่วย กำลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ศาลจึงนัดฟังคำสั่งเพิกถอนการประกันตัวในวันนี้
ล่าสุด เวลาประมาณ 13.00 น. นายไชยอมร ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนก่อนเข้าห้องพิจารณาคดี ว่า เหตุที่ทำให้โจทก์ยื่นเพิกถอนประกัน มาจากกรณีขึ้นเล่นดนตรีวันที่ 24 มิ.ย. 2564 การชุมนุม “ราษฎรยืนยันดันเพดาน” ที่สกายวอล์ก แยกปทุมวัน โดยตนเล่นดนตรีอย่างเดียว เล่นเพียงสองเพลง และปราศรัยสั้นๆ เป็นช่วงที่ใช้ชีวิตอยู่ที่เรือนจำมากกว่า ไม่ได้พูดถึงพาดพิงกับสถาบันฯ แต่อย่างใด
นายไชยอมร ยืนยันว่า ไม่ได้ทำผิดในการประกันตัว ถ้าหากตนไม่ได้กลับออกมา ก็แสดงว่า เขาต้องการให้เราหยุดเคลื่อนไหว ส่วนกำลังใจยังดีเสมอ แต่ทิศทางคำตัดสินวันนี้เราเดาไม่ได้
ส่วนอาการป่วยจนไม่ได้ฟังมานัดไต่สวนคำร้องเมื่อวันที่ 18 พ.ย. นายไชยอมร ระบุว่า อยู่ในที่สาธารณะ มีอาการเจ็บคอ และก็ความดันสูง
นายไชยอมร กล่าวถึงมวลชนที่ให้กำลังใจอยู่ว่า ก่อนที่จะเดินทางมาที่ศาล ตนก็ถามตัวเองว่า ถ้าวันนี้ต้องกลับเข้าไปอยู่ในเรือนจำอีก จะรู้สึกผิดกับตัวเองไหม จนได้คำตอบที่ชัดเจนว่า ตนไม่เสียใจเลย ที่ได้ต่อสู้อยู่เคียงข้างพี่น้องมวลชนในรอบนี้ และการต่อสู้ในครั้งนี้ หากประชาชนต้องการชัยชนะ เราจะต้องอดทนกันอีกสักหน่อย
ในประเด็นการเคลื่อนไหวต่อจากนี้ นายไชยอมร กล่าวว่า อาจจะพูดยาก เพราะจากที่มีการจับแกนนำเข้าไปอยู่ในเรือนจำจำนวนมาก มันทำให้หลายๆ กลุ่มเริ่มมารวมกัน ทิศทางในการเคลื่อนไหวก็จะร่วมกันทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มใด ก็จับมือกันร่วมกันเคลื่อนไหว ตนคิดว่าจะเป็นการรวมพลัง เป็นการพิสูจน์ภารดรภาพของเรา ว่า ”สามนิ้ว” เรายังมีครบอยู่หรือไม่
นายไชยอมร กล่าวถึงความเห็นต่อสภาฯในขณะนี้ ว่า ส่วนตัวไม่ได้ศรัทธาอะไรกับการต่อสู้ในสภาฯแล้ว จากที่เห็นการขับเคลื่อนมา ผมเชื่อว่าชัยชนะต้องเกิดขึ้นบนถนน สิ่งที่นักการเมืองจะทำได้ คือ เป็นปากเป็นเสียง และสนับสนุนการเคลื่อนไหวในสิ่งที่คิดว่าถูกต้อง
นายไชยอมร กล่าวในช่วงท้ายว่า เรื่องประเด็นสิทธิในการประกันตัว หรือมาตรา 112 มันไม่ใช่เรื่องในประเทศแล้ว แต่เป็นเรื่องของสิทธิมนุษยชนที่เราต้องแบกหน้ารับมันไว้ เป็นหน้าตาประเทศของเราเช่นกัน