รายการ “ถอนหมุดข่าว” ทาง NEWS1 โดย นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการ วันที่ 9 ต.ค.64 นำเสนอรายงานพิเศษ จุดเปลี่ยน หมอนิ่ม ชนะ คดีฆ่าเอ๊กซ์ จักรกฤษณ์
จากจำเลยที่ต้องคำพิพากษา “ประหารชีวิตสถานเดียว” ในศาลชั้นต้น “หมอนิ่ม” พญ.นิธิวดี ภู่เจริญยศ ปัจจุบันอายุ 45 ปี รอดพ้นจากทุกข้อกล่าวหา เมื่อศาลฎีกาพิพากษายกฟ้อง เมื่อวันที่ 8 ต.ค. 2564
คดีร่วมกันจ้างวานฆ่าสามี นายจักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม หรือเอ๊กซ์ อดีตมือปืนทีมชาติ เหตุเกิดตั้งแต่ปี 2556 รวมเวลาต่อสู้คดียาวนานถึง 8 ปี
ขณะที่แม่ของหมอนิ่ม น.ส.สุรางค์ ดวงจินดา อายุ 79 ปี ซึ่งศาลอุทธรณ์ตัดสินประหารชีวิต แต่ลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต ก็ได้รับความปรานีจากศาลฎีกา แก้โทษเหลือจำคุก 25 ปี
คดีฆ่าเอ๊กซ์-จักรกฤษณ์ ถือเป็นคดีดราม่าเร้าอารมณ์ความรู้สึกของผู้คน เนื่องจากเป็นโศกนาฏกรรม อันมีเหตุผลที่มาที่ไป นำมาสู่การตัดสินกันด้วยเลือดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นอกจากนั้น ยังมีดราม่าเรื่องรูปคดีที่พลิกผันไปมาในแต่ละชั้นศาล
เริ่มจากศาลชั้นต้น พิพากษาประหารชีวิตสถานเดียวหมอนิ่ม แต่ยกฟ้องแม่หมอนิ่ม ทั้งที่แม่หมอนิ่ม เป็นคนรับสารภาพทุกอย่าง ว่าเป็นคนจ้างมือปืนมาฆ่าลูกเขย
พอมาถึงศาลอุทธรณ์ คำพิพากษาพลิก กลายเป็นจำคุกตลอดชีวิตแม่ของหมอนิ่ม แล้วยกฟ้องหมอนิ่มแทน
ประเด็นที่ศาลอุทธรณ์ มีดุลพินิจไม่ตรงกับศาลชั้นต้น เพราะเห็นว่า หมอนิ่มกับเอ๊กซ์ยังมีความรักต่อกัน โดยตอนเอ๊กซ์ติดคุก ก็ยังพาลูกไปเยี่ยม โดยไม่ได้มีท่าทีโกรธแค้น ที่สำคัญ ทั้งสองยังมีเพศสัมพันธ์กัน
อีกประเด็นที่ช่วยให้หมอนิ่มพ้นผิด ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของคดีอย่างแท้จริง มีบันทึกไว้สำนวนคดีอยู่แล้ว แต่กลับไม่ปรากฏเป็นข่าว
นั่นคือฉากในห้องพักในโรงพยาบาล ซึ่งแม่ของหมอนิ่ม ติดต่อว่าจ้างคนรับงานให้มาสังหารลูกเขย โดยที่หมอนิ่มก็อยู่ในห้องนั้นด้วย
เพียงแต่หมอนิ่มอยู่ในสภาพคนป่วยหนักด้วยโรคเครียด จากพฤติกรรมโหดร้ายของสามีตัวเอง
จนน่าเชื่อว่าการบงการฆ่าเอ๊กซ์ กระทำโดยแม่ของหมอนิ่มเพียงลำพัง หมอนิ่มไม่อยู่ในสภาพที่จะสั่งการอะไรได้
อีกจุดเปลี่ยน เป็นเรื่องของเทคโนโลยีซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือ โดยคดีสังหารเอ๊กซ์-จักรกฤษณ์ มีใครบางคนโทรล่อลวงเอ๊กซ์ให้มาทานข้าวเย็นที่บ้านของหมอนิ่ม จนมือปืนดักยิงได้สำเร็จ
ตำรวจตรวจสอบเบอร์ที่ใช้โทรหาเอ๊กซ์ดังกล่าว พบว่า เป็นซิมการ์ดแบบเติมเงิน ซึ่งใน พ.ศ.นั้น การซื้อซิมการ์ดเป็นแบบ ใครใคร่ซื้อ ซื้อ ไม่ต้องมีการลงทะเบียนใดๆ
เมื่อใช้งานซิมดังกล่าวจนสังหารเอ๊กซ์สำเร็จ เจ้าของก็นำไปโยนทิ้งจนไม่มีใครหาเจอ
เมื่อขึ้นสู่ชั้นศาล หลักฐานเด็ดชิ้นนี้ กลายเป็นหลักฐานที่ไม่แน่นหนา มีน้ำหนักพอจะมัดตัวใครได้ เพราะซิมไม่มีระบบระบุตัวตนเจ้าของนั่นเอง
หลายคนมีคำถามคาใจ หมอนิ่มจะตัดสินใจร่วมกับแม่ด้วยหรือไม่ เรื่องนี้ มีคนรู้ชัด ก็แต่หมอนิ่มและแม่เท่านั้น เพียงแต่ในสำนวนการสอบสวนนั้น คนที่สารภาพสิ้นไส้ไปแล้วมีคนเดียว คือแม่ของหมอนิ่ม
ศาลก็ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้กับหมอนิ่ม โดยปริยาย
จากหมอความงาม สวยและรวยมาก หมอนิ่มนำตัวเองไปสู่วังวนของความทุกข์ เพราะเกิดไปปิ๊งความหล่อความเท่ของมือปืนทีมชาติ ที่ตัวเองได้เห็นจากรายการทีวี
ขณะที่เอ๊กซ์ มีปัญหาเรื่องการควบคุมอารมณ์ โดยเฉพาะดันไปเป็นคนติดน้ำแข็งอีก เขาซ้อมแพทย์หญิงสาวสวยภรรยาเขา อย่างซ้ำๆ ซากๆ
รุนแรงที่สุด คือซ้อมจนหมอนิ่มแท้งลูกคนที่สาม
มากกว่านั้น ยังใช้ปืนสาดกระสุนยิงข่มขู่คนรับใช้ โดยแนวกระสุนเฉียดใกล้ลูกตัวเองด้วย
เอ๊กซ์ก่อคดีความรุนแรงในครอบครัว จนบางเวลาต้องย้ายไปอยู่ในคุก แต่ในสายตาของแม่หมอนิ่ม มองว่าคนอย่างเอ๊กซ์ไม่มีทางปรับปรุงตัวได้
ความแค้นที่เห็นลูกสาวคนเดียว ถูกตบตีทารุณนานหลายปี และลามไปถึงหลานสาวด้วย บีบคั้นให้แม่หมอนิ่มตัดสินใจเช่นนั้น
ในคำพิพากษาของศาลฎีกา ชี้ว่า แม่ของหมอนิ่ม “กระทำความผิดเพราะตกอยู่ในความทุกข์อย่างสาหัส มีเหตุบรรเทาโทษ”
ขณะหมอนิ่มเอง เคยให้สัมภาษณ์ว่า ตัวเองเป็นต้นเหตุให้แม่ต้องร้องไห้นานถึง 6 ปี และตัวเอง ก็ได้เห็นความรักที่ยิ่งใหญ่ของผู้เป็นแม่
แม้แต่แม่ของเอ๊กซ์เอง ก็ออกมาพูดว่าไม่เคยถือโทษโกรธหมอนิ่ม ให้อภัยได้ทุกอย่าง ทั้งเป็นห่วงหลานๆ จะต้องลำบาก หากแม่และยายต้องติดคุกไปพร้อมกัน
เรื่องราวความเป็นมาทั้งหมดดังกล่าว จึงไม่แปลก ที่กระแสสังคมเลือกจะเห็นใจฝ่ายหมอนิ่มและแม่มาตั้งแต่แรก จนคดีสิ้นสุด