กาฬสินธุ์ - เปิด 2 ปม มส.สั่งถอด “เจ้าคุณบัวศรี”เจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ (ธรรมยุต) เชื่อเกิดจากการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่กรณีปัญหา พระผู้ใหญ่แห่งเมืองน้ำดำ “หลวงพ่อเมือง”ถูกสีกาใกล้ชิดร้องเรียนว่าเสพเมถุน โดยเรื่องเกิดขึ้นในปี 2557 ส่วนอีกปมกรณีตรวจสอบปัญหาการร้องเรียนเงินถวายสร้าง รพ.สงฆ์ใน อ.สังคม หนองคาย ระหว่าง ครูบาเล็ก สุทธิญาโณ เจ้าคณะอำเภอสังคม กับหลวงพ่อจันมี อนาลโย แห่งวัดป่าแก้งใหม่
จากกรณีมหาเถรสมาคม มีคำสั่งแต่งตั้งพระสังฆาธิการ และถอดถอนเจ้าคณะจังหวัด 3 รูป โดยปรากฏทางสื่อโซเชียล เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งหนึ่งในนั้นมีพระเทพสารเมธี เจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ (ธ) ผลดังกล่าวทำให้คณะสงฆ์จังหวัดกาฬสินธุ์(ธ) และ ญาติธรรมเคลื่อนไหวคัดค้านทันทีเพราะมองว่าไม่เป็นธรรม และมีการล่ารายชื่อหนึ่งแสนถวายฎีกาต่อในหลวงรัชกาลที่ 10 และส่งหนังสือถึง คณะกรรมาธิการศาสนาและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้ตรวจสอบความเป็นธรรม พร้อมที่จะคว่ำบาตร โดยเฉพาะรายงานระบุว่า สมเด็จชิน เลขานุการในสมเด็จพระสังฆราช ปฏิเสธว่าไม่รู้ว่ามีคำสั่งปลดพระสังฆาธิการทั้งสามรูป ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้( 9 ต.ค.)ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวที่วัดประชานิยม เขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ พุทธศาสนิกชนยังคงเข้าไปทำบุญถวายภัตตาหารเช้า และ ปฏิบัติธรรมกันตามปกติ ซึ่งวันนี้ “เจ้าคุณบัวศรี” หรือ พระเทพสารเมธี ได้ลงมาปฏิบัติกิจสงฆ์ตามปกติ โดยไม่พูดถึงสาเหตุการถอดถอน เช่นกันกับบรรดาญาติธรรมกำลังใจจอใจจ่อ และคาดหวังที่ทางมหาเถรสมาคม จะให้ความเป็นธรรม โดยเฉพาะในส่วนของสำนักพุทธศาสนา กับผลของการถวายฎีกา
อย่างไรก็ตามมีรายงานข่าวจากสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ อ้างว่า การถอดถอนพระสังฆาธิการ 3 รูป โดยเฉพาะ กรณี เจ้าคุณบัวศรี สาเหตุหนึ่งอาจจะเกิดจากปัญหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในกรณีปัญหาของพระผู้ใหญ่รูปหนึ่ง ในเขตตำบลลำพาน อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ ที่ถูกสีกาใกล้ชิดร้องเรียนว่าเสพเมถุน โดยเรื่องเกิดขึ้นในปี 2557 ที่เป็นเหตุอ้างว่า เจ้าคุณบัวศรี ละเว้นปล่อยวางไม่ดำเนินการใดๆ แต่มีข้อมูลจากแหล่งข่าววงในแจ้งว่า ปัญหาการร้องเรียนนี้เกิดขึ้นจริงในปีดังกล่าว ซึ่งในปี เดียวกัน ได้มีการนำเรื่องเข้ามาที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งสำนักงานพุทธศาสนาจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้นำเรื่องเข้ามาแจ้งยังสำนักงานเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์(ธ) และวันที่ 30 กันยายน 2557
โดยเจ้าคุณบัวศรี ซึ่งเป็นเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์(ธ) ได้เรียกประชุมสงฆ์ทำการตรวจสอบและมีมติร่วมกันว่าหลักฐานยังไม่ชัดเจน และไม่อาจเชื่อได้ว่าเป็นพฤติกรรมของเจ้าอาวาสวัดดังกล่าว โดยได้รับข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าพฤติกรรมของสีกาคนนี้ เป็นการทำขึ้นเพื่อกรรโชกทรัพย์ และทางวัดป่าฯ ได้แจ้งความดำเนินคดีแล้ว 2 คดี คือกรรโชกทรัพย์ 30 ล้านบาท และกระทำผิด พ.ร.บ.คอมฯ
ต่อมาเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2557 สำนักงานเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์(ธ) ได้ทำหนังสื่อรายงานถึง สำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ ว่าได้ดำเนินการสอบสวนเจ้าอาวาสวัดป่าฯ และได้ความว่าไม่เป็นความจริง เป็นเรื่องกุขึ้นมาและ สีกาคนนั้น ก็ยอมรับผิดและเดินทางมาขอขมาต่อหน้าตัวแทนเจ้าอาวาส พยานและพนักงานสอบสวน ทางคณะสงฆ์จึงยุติคดี และในที่ 6 พฤศจิกายน 2557 ทางคณะ(จ.จ.ธ) ได้ทำหนังสือรายงานสำนักงานพุทธศาสนา เพื่อแจ้งผลการสอบสวนเจ้าอาวาสวัดป่า และได้ความว่าไม่เป็นความจริง
กระนั้นก็ตาม ถัดมา วันที่ 28 มกราคม 2559 ได้มีหนังสือร้องเรียนให้ตรวจสอบพฤติกรมของ “หลวงปู่เมือง” แห่งวัดป่ามัชฌิมาวาส ตำบลลำพานอีกครั้ง ซึ่งเป็นวัดเดิมที่ยุติเรื่องไปแล้ว ให้ตรวจสอบพฤติกรรมพระเมืองกับแม่ชีอรุณ ว่ามีพฤติกรรมผิดวินัยสงฆ์ โดยมีซีดี บันทึกข้อมูลและไฟล์เสียงสนทนาชายหญิง ซึ่งเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2559 คณะสงฆ์ ได้ตั้งคณะกรรมาการขึ้น 1 คณะ จำนวน 11 รูป โดยมี ผอ.สนง.พุทธ จ.กาฬสินธุ์ ประสานงานให้สอบปากคำ พระเมืองผู้ถูกกล่าวหาปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและมอบอำนาจให้ ลูกศิษย์ ดำเนินคดีกับสีกาผู้ร้อง กรณีดังกล่าว ขณะที่เรื่องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว
รายงานแจ้งว่าตามอนุวัตรตามกฏนิคหกรรมของมหาเถร เมื่อเรื่องร้องเรียนเป็นเรื่องเดียวกันกับทางโลก การพิจารณาจึงพักไว้ก่อนจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด ทราบว่ากระบวนการนี้ศาลได้ลงโทษ ผู้ร้อง โดยยืนทั้งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ แต่มายกทั้งหมดในศาลฎีกา เนื่องจาก สีกาคนนี้ได้เข้าถวายฎีกา
เมื่อเรื่องผ่านพ้นกระบวนการทางศาล คณะสงฆ์จังหวัดกาฬสินธุ์(ธ) จึงเริ่มอธิกรณ์ใหม่ ซึ่งในระหว่างนั้นประมาณปี 2561 ซึ่งพระเทพสารเมธี ได้รับการแต่งตั้งไปรักษาการเจ้าคณะภาค 8 (ธ) ปกครอง 6 จังหวัดปะกอบด้วย จ.กาฬสินธุ์ จ.สกลนคร จ.มุกดาหาร จ.นครพนม จ.หนองคายและ จ.บึงกาฬ ในปีเดียวกันคาบเกี่ยวปี 2562 จึงได้นำกรณีนี้มอบหมายให้ พระญาณลักขิตหรือหลวงพ่อแผน เจ้าอาวาสวัดวีรวงศาวาส ประธานสงฆ์วัดโสภณพัฒนาราม(วัดภูปูน) รองเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์(ธ) เป็นรักษาการเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์(ธ) ซึ่งได้ตั้งกรรมการสงฆ์ขึ้นมาชำระอธิกรณ์นี้ ที่กำลังดำเนินการสอบสวนแต่เนื่องจากติดปัญหาโควิด จึงทำให้เกิดความล่าช้า
ส่วนอีกเหตุผลที่น่าจะเกี่ยวกับการถูกปลดเจ้าคุณบัวศรี คาดว่าจะ เป็นเหตุ เกิดขึ้นในช่วงที่ เจ้าคุณบัวศรี หรือพระเทพสารเมธี ดำรงตำแหน่งรักษาการเจ้าคณะภาค 8(ธ) ซึ่งท่านเจ้าคุณ ได้เข้าไปตรวจสอบปัญหาการร้องเรียนระหว่างพระครูสุทธิญาณณโสภณ หรือ ครูบาเล็ก สุทธิญาโณ เจ้าคณะอำเภอสังคม ผู้ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์(ธ) กับหลวงพ่อจันมี อนาลโย แห่งวัดป่าแก้งใหม่ ซึ่งมีรายงานว่า หลวงพ่อจันมี ได้ถวายเงินให้ ครูบาเล็ก ไปทำการก่อสร้างโรงพยาบาลสงฆ์ในอำเภอสังคม และบางส่วนก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2561
โดยใช้ชื่อตึกว่า ตึกอนาลโยเมตตาหลวงพ่อจันมี แต่ต่อมา ครูบาเล็กได้มีปัญหารุนแรงกับหลวงพ่อจันมี และ ครูบาเล็กได้ใช้อำนาจเจ้าคณะอำเภอสังคม(ธ) ปลดหลวงพ่อจันมี ด้านเจ้าคุณบัวศรี เห็นว่ามีปัญหาอธิกรณ์ จึงเข้าตรวจสอบ และได้แก้ไขปัญหา ซึ่งพบว่า ยังมีการปลดป้ายชื่อตึกพยาบาลออกจากเดิมของหลวงพ่อจันมี เป็น ตึกวรลาโภ อนุสรณ์หลวงปู่เหรียญ แต่ว่าการสร้างโรงพยาบาลนั้นมีพิรุธ มีการใช้เงินหลายอย่างในการสร้าง จึงเดินหน้าทำการสอบสวน ที่ตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบ จึงอาจทำให้ครูบาเล็กไม่พอใจ
ซึ่งขณะนี้ครูบาเล็ก ได้ออกไปจำพรรษา ที่วัดป่าพิชัยวัฒนมงคล ต.บางปลา อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ และก็มีคำสั่งมติ ให้ไปเป็นเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ (ธ) จึงทำให้พุทธศาสนิกชนต้องการคำตอบว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นกับศาสนาพุทธที่เป็นศาสนาประจำชาติของไทย
ซึ่งหากกรณีนี้ มติมหาเถรสมาคมหรือสำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ ใช้เป็นประเด็นในการถอดถอน ก็ต้องถามว่า ในเมื่อ เจ้าคุณบัวศรี ยังไม่รู้ว่าตนเองมีปัญหาอธิกรณ์อะไร หรือมีความผิดอะไร ตาม พ.ร.บ.สงฆ์ฯหรือ กฏของมหาเถร การถอดถอนจะต้องมีการสอบสวนแต่เมื่อไม่มีการสอบสวนตาม ผู้ที่ใช้อำนาจก็จะต้องถูกดำเนินคดีตามมาตรา 157 ด้วยหรือไม่ เรื่องนี้ จึงต้องการคำตอบ