กาฬสินธุ์ - พระป่าทั่วอีสานนับ 100 รูปให้กำลังใจ “พระเทพสารเมธี” ขณะที่ยอดรายชื่อถวายฎีกาคัดค้านคำสั่งปลดแตะห้าหมื่นแล้ว เตรียมถวายฎีกา ด้าน ส.ส.นิยม เวชกามา ถามจี้ “อนุชา” ปลดเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ (ธ) ถูกต้องตามขั้นตอนหรือไม่
กรณีปัญหาคำสั่งมหาเถรสมาคมที่แต่งตั้งพระสังฆาธิการ และถอดถอนเจ้าคณะจังหวัด 3 รูป เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2564 หนึ่งในนั้นมีพระเทพสารเมธี (เจ้าคุณบัวศรี) เจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ (ธ) ทำให้คณะสงฆ์จังหวัดกาฬสินธุ์ (ธ) เคลื่อนไหวมีมติคัดค้านทันที เพราะไม่เป็นธรรม ไม่มีเหตุปลด ทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธาต่อการปกครอง จนมีการเคลื่อนไหวล่ารายชื่อหนึ่งแสนคน เพื่อถวายฎีกาคัดค้าน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันนี้ (5 ต.ค.) ที่วัดประชานิยม เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ พระผู้ใหญ่ในระดับสังฆาธิการจากมหานิกาย และพระป่าจากหลายจังหวัด (ธ) ประกอบด้วย จ.กาฬสินธุ์ จ.สกลนคร จ.อุดรธานี จ.อำนาจเจริญ จ.หนองบัวลำภู และ จ.ศรีสะเกษ กว่า 100 รูป เดินทางเข้ามาให้กำลังใจ เจ้าคุณบัวศรี หรือ พระเทพสารเมธี เจ้าอาวาสวัดประชานิยม เจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ (ธ)
พิธีทำอย่างเรียบง่ายภายในกุฏิรับรองของเจ้าคุณบัวศรี มีพระญาณสิทธาจาร รองเจ้าคณะจังหวัดสกลนคร (ธ) เจ้าอาวาสวัดกุดเรือคำ เป็นผู้นำกล่าวถวายบูชาครูบาอาจารย์แด่พระเทพสารเมธี จากนั้นสวดถวายกำลังใจ ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ซึ่งพระทุกรูปอยู่ในอาการสำรวม ซึ่งเจ้าคุณบัวศรีได้รับพานอยู่ในอาการสงบ ไม่พูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด
รายงานแจ้งว่า พุทธศาสนิกชนลงชื่อเพื่อถวายฎีกา ยอดเพิ่มขึ้นแตะเกือบห้าหมื่นคนจากยอดออนไลน์ทั่วประเทศ ได้ส่งกำลังใจและพร้อมจะเคลื่อนไหวเพื่อความเป็นธรรมต้องการปกป้องพุทธศาสนา
ด้าน ศ.ดร.ดุษฎีวัฒน์ แก้วอินทร์ ประธานมูลนิธิพิทักษ์พระพุทธศาสนาและวัฒนธรรม และประธานชมรมพิทักษ์พระพุทธศาสนา พร้อมด้วยนางสาวภูรดา ศรีชญานันทน์ ผู้อำนวยการมูลนิธิพิทักษ์พระพุทธศาสนาและวัฒนธรรม ได้เข้าพบหารือกับพระญาณรักขิต (แผน โสภโณ) รองเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ (ธ) เพื่อร่วมหาแนวทางคัดค้านคำสั่งปลดเป็นรูปธรรมขึ้น หลังคณะสงฆ์และชาวพุทธกาฬสินธุ์ ร่วมกันตั้งโต๊ะลงชื่อให้ได้หนึ่งแสนรายชื่อ นำไปถวายฎีกาในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ต่อไป
ด้านพระครูโสภณธรรมอุดม เจ้าคณะอำเภอห้วยเม็ก (ธ) กล่าวว่า การประชุมพระสังฆาธิการ (ธ) กาฬสินธุ์ครั้งนี้เพื่อหาแนวทางคัดค้านเรียกร้องความเป็นธรรมให้เจ้าคุณบัวศรี เดิมทีกำหนดให้ตัวแทนจำนวนหนึ่งเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ยื่นหนังสือคัดค้านคำสั่งดังกล่าวเมื่อวานนี้ (4 ต.ค.) แต่เนื่องจากได้เปิดช่องทางลงชื่อหนึ่งแสนชื่อ ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการ ทั้งนี้ คณะสงฆ์และชาวพุทธกาฬสินธุ์ ยืนยันจะเข้ากรุงเทพมหานครเพื่อยื่นหนังสือที่กรุงเทพฯ อย่างแน่นอน
ขณะที่นายนิยม เวชกามา ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่รัฐมนตรีอนุชากล่าวถึงการปลดเจ้าคณะจังหวัด 3 รูปว่า มส.ดำเนินการออกมติถูกต้องแล้ว ตนขอชี้แจงแทนชาวพุทธว่า มส.ปลดเจ้าคณะจังหวัดโดยไม่ทำตามขั้นตอนกฎหมาย ซึ่งต้องตั้งกรรมการสอบก่อน เหตุปลดครั้งนี้ไม่มีการตั้งกรรมการสอบ แล้วออกมติปลดเลย ชาวพุทธจึงสงสัยกันว่ามีการสอดไส้หรือไม่ รัฐมนตรีไปฟังแต่สำนักพุทธเขียนให้อ่าน แต่ไม่ดูข้อกฎหมาย ซึ่ง มส.ตั้งขึ้นตามกฎหมายสงฆ์ มาตรา 12 ให้มีอำนาจหน้าที่ตามมาตรา 15 ตรี ต้องใช้อำนาจนั้นให้ถูกต้องตามกฎหมายและพระธรรมวินัย
ขั้นตอนถอดถอนพระสังฆาธิการ กฎหมายสงฆ์ระบุไว้ชัดเจนในกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 24 (2541) หมวด 4 ส่วนที่ 1 การละเมิดจริยา ข้อ 55 การถอดถอนจากตำแหน่งหน้าที่นั้น จะทำได้ก็ต่อเมื่อพระสังฆาธิการละเมิดจริยาอย่างร้ายแรงข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้ 1. ทุจริตต่อหน้าที่ 2. ละทิ้งหน้าที่โดยไม่มีเหตุอันสมควรเกินกว่า 30 วัน 3. ขัดคำสั่งอันชอบด้วยการคณะสงฆ์และการขัดคำสั่งเป็นให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่คณะสงฆ์ 4. ประมาทเลินเล่อ อันเป็นเหตุเสียหายร้ายแรงแก่คณะสงฆ์ และ 5. ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง
กรณีเช่นนี้ให้ผู้บังคับบัญชาใกล้ชิดรายงานโดยลำดับจนถึงผู้มีอำนาจแต่งตั้ง เมื่อสอบสวนได้ความจริงแล้วให้ผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนจากตำแหน่งหน้าที่ได้ ดังนั้นเจ้าคณะผู้ปกครองจะปลด ต้องตั้งกรรมการสอบก่อนว่าท่านผิดร้ายแรงอย่างไร
เมื่อ มส.มีอำนาจออกมติ แต่มติดังกล่าวเป็นการออกมติที่ข้ามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดเอาไว้ จึงไม่มีผลบังคับใช้ ผู้ออกมติก็อาจมีความผิดได้ ส่วนที่รัฐมนตรีอนุชายืนยันว่ามติ มส.ปลด 3 เจ้าคณะจังหวัดถูกต้องแล้วนั้น ต้องตอบชาวพุทธให้ได้ว่ามหาเถรสมาคมดำเนินการถูกต้องอย่างไร มีการสอบหรือไม่ ถ้ามี ใครเป็นคณะกรรมการสอบบ้าง คำสั่งสอบว่าอย่างไร ผลการสอบเป็นอย่างไร มีการรายงานตามลำดับชั้นการปกครองตามที่กฎหมายกำหนดไว้หรือไม่
สำหรับเจ้าคุณบัวศรี หรือพระเทพสารเมธี เจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ (ธ) บรรพชา เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2507 ณ วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพมหานคร โดยมีสมเด็จพระญาณสังวร (เจริญ สุวฑุฒโน) สมเด็จพระสังฆราช เป็นพระอุปัชฌาย์ อุปสมบทเมื่อวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2513 ณ วัดบวรนิเวศวิหาร จบนักธรรมชั้นเอก เปรียญธรรม 4 ประโยค สังกัดสำนักเรียนวัดบวรนิเวศวิหาร
ได้รับถวายปริญญาศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ได้รับถวายรางวัลเสมาธรรมจักร ผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา จากกรมการศาสนา ได้รับถวายพุทธคุณูปการจากสภาผู้แทนราษฎร และได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ (ธ) เมื่อ พ.ศ. 2530 และได้รับแต่งตั้งเป็นผู้รักษาการแทนเจ้าคณะภาค 8 (ธ) ระหว่าง พ.ศ. 2561-2564 จากคำสั่งของมหาเถรสมาคม
