xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวลึกปมลับ : 14 ต.ค.ชุมนุมใหญ่ ชี้ชะตา...คณะราษฎร 63

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



“ข่าวลึกปมลับ”ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันจันทร์ที่ 12 ตุลาคม 2563 ตอน 14 ต.ค.ชุมนุมใหญ่ ชี้ชะตา...คณะราษฎร 63



การชุมนุมใหญ่ครั้งสำคัญของกลุ่มคณะราษฎร เวอร์ชั่น 2563 ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ซึ่งนัดชุมนุมวันพุธที่ 14 ตุลาคม เหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงแล้ว ที่จะพิสูจน์กันว่า ม็อบคนรุ่นใหม่จะแรงจริงจังเหมือนดั่งคำคุย ที่ว่าจะมากันเป็นล้านคนหรือไม่

หากไม่ปังจริงในคราวนี้ ก็คงทำให้ชะตาคณะราษฎร 63 และม็อบคนรุ่นใหม่

ช่วงนี้บรรดาแกนนำม็อบเลยพยายามโหมโรงอย่างหนัก โดยจะเน้นประเด็นล่อแหลม เพราะวันนัดชุมนุมตรงกับพระราชพิธีสำคัญ จึงพยายามพูดเฉียดขึ้นฟ้าตลอด

แกนนำประกาศว่า จะชุมนุมยืดเยื้อเพื่อไล่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่อีกหนึ่งในข้อเรียกร้องที่ท้าทายมาก คือ การปฏิรูปสถาบันเบื้องสูง เหมือนเป็นการทิ้งไพ่ใบสุดท้ายออกมาแล้ว แต่จะไปได้แค่ไหน คงได้เห็นกันแน่

ทางฝ่ายรัฐในการจัดการดูแลมวลชน ดูจะไม่มีปัญหาเท่าไหร่ เพราะลอกโมเดลมาจากการรับมือเมื่อวันที่ 19 กันยายน ขณะเดียวกัน ยังมีการประเมินแล้วว่า จะมีมวลชนมาร่วมไม่มากเนื่องด้วยวันที่ 14 ตุลาคม เป็นวันทำงานตามปกติ คนเดินทางจากต่างจังหวัดเพื่อร่วมม็อบไม่สะดวก น่าจะมาร่วมงานไม่มาก จึงไม่หนักใจ

แต่เรื่องที่หลายฝ่ายเริ่มแสดงความเป็นห่วง คือ การที่ม็อบยืนยันจะชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ซึ่งเป็นเส้นทางเสด็จพระราชดำเนิน ตรงนี้ถือว่า ล่อแหลม และท้าทายกฎเกณฑ์บ้านเมืองมาก

ท่ามกลางข่าวลือหนาหูว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมจะเผด็จศึกแกนนำม็อบ ด้วยการตัดไฟตั้งแต่ต้นลม เพื่อไม่ให้เหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น โดยท่าทีตำรวจในการจัดการกับม็อบในหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา มักไม่เข้าไปสกัดกั้น แต่ปล่อยให้มีการชุมนุมอย่างอิสระ

เพียงแต่ว่า จะมีการจัดการป้าย หรือสัญลักษณ์ที่แสดงเนื้อหาอันเป็นการกระทำที่สร้างความไม่สบายใจและผิดกฎหมายก่อนเท่านั้น เช่นการชูสามนิ้ว น่าจะมีการขอความร่วมมือกัน

ดังนั้น การชุมนุมในวันที่ 14 ตุลาคมนี้ ฝ่ายความมั่นคงน่าจะยังปล่อยให้เกิดขึ้นได้ เพียงแต่มีความพยายามสกัดกั้นประชาชน ไม่ให้มาร่วมชุมนุม ซึ่งความเคลื่อนไหวทางฝ่ายรัฐบาลที่ผ่านมา มีการขอความร่วมมือไปยังแกนนำคนเสื้อแดงในต่างจังหวัด

เพื่อไม่ให้เดินทางมาร่วมชุมนุม โดยพยายามชี้แจงให้เข้าใจว่า การชุมนุมครั้งนี้แท้จริงแล้ว ไม่ใช่การเรียกร้องประชาธิปไตย หากแต่เป็นการจวบจ้วงเบื้องสูง

อย่างที่ “แรมโบ้อีสาน” สุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี และอดีตแกนนำคนเสื้อแดง พยายามประกาศผ่านสื่อบ่อยๆ ว่า การชุมนุมครั้งนี้มีเจตนาก้าวล่วงสถาบันอันเป็นที่รักของประชาชน จึงขอให้คนเสื้อแดงอย่าเดินทางมาร่วมเด็ดขาด

แม้คนเสื้อแดง จะไม่ชอบ สุภรณ์ ที่ถูกกล่าวหาว่า หักหลังทรยศเพื่อน ย้ายขั้วมาอิงกับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ แต่การส่งสัญญาณดังกล่าวก็ทำให้หลายพื้นที่ลังเล

แน่นอนว่า อาจจะยังมีคนเสื้อแดงฮาร์ดคอร์ เข้าร่วมชุมนุมในวันที่ 14 ตุลาคม แต่คงจะไม่มีปริมาณมากเมื่อเทียบกับวันที่ 19 กันยายน
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะขณะนี้เส้นเลือดใหญ่อย่างพรรคเพื่อไทย ได้กลับเข้าสู่ที่ตั้ง ภายหลัง คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร ปรากฏตัวและคัมแบ็กมาคุมบังเหียนพรรคแบบเต็มตัวแล้ว

สัญญาณ คุณหญิงพจมาน ค่อนข้างชัดว่า ถ้ามีการจาบจ้วงล่วงเกินเบื้องสูง นั่นไม่ใช่แนวทางของพรรคเพื่อไทย บรรดาลิ่วล้อต่างๆ ย่อมต้องรู้ว่า ควรวางตัวแบบไหน คงไม่มีใครกล้าแหลมออกไปพาคนมาเติมม็อบ

ยิ่งแกนนำม็อบพูดชัดว่า จะชูธงเรื่องอะไรในวันที่ 14 ตุลาคม หากใครในพรรคเพื่อไทยคิดจะเป็นท่อน้ำเลี้ยง พาคนมาร่วมชุมนุม เท่ากับ ท้าทายและประกาศศึก กับ เจ้าของพรรค

เมื่อพรรคเพื่อไทยและกลุ่มคนเสื้อแดง ติดเงื่อนไข ม็อบคนรุ่นใหม่ก็เสียมวลชนเสียแนวร่วมที่แข็งแกร่งไป ประเด็นนี้แกนนำม็อบเองน่าจะพอประเมินออก เพราะเมื่อท่อน้ำเลี้ยงเองไม่ไหล การไปต่อก็ลำบาก

ยกเว้น ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำคณะก้าวหน้าจะเลิกอยู่หลังฉาก ออกมาถือธงนำเองในวันนั้น ตัว ธนาธร เองถือว่าเรียกแขก เรียกแนวร่วมได้ เพียงแต่จะกล้าหรือไม่ เพราะวันนี้ก็ได้ประกาศไปแล้วจะไม่ขึ้นเวที แต่จะมาชุมนุมเท่านั้น

ในคราวนี้ธนาธร ไม่กล้าถือธงนำม็อบแน่นอน เพราะไม่มีความมั่นใจจะเผด็จศึกได้นั่นเอง

ม็อบ คณะราษฎร 63 ไร้แกนนำระดับบิ๊กเนม ก็เหมือนแทลงวัยหัวขาด แถมยังไม่มีแนวร่วมคนเสื้อแดงเหมือนครั้งก่อนๆ การเดินทางของม็อบนับจากนี้ จะลำบาก อีกทั้ง ขาดความชอบธรรม จะถูกประณาม

การชุมนุมครั้งต่อๆ ไป จะไม่มีใครกล้ามาร่วมชุมนุม เพราะคนส่วนหนึ่งคิดว่า ไม่ใช่การเรียกร้องประชาธิปไตย กระแสจะพุ่งกลับเข้าหาแกนนำม็อบ ที่สุดม็อบจะฝ่อด้วยตัวเอง โดยไม่มีใครทำอะไร แม้แต่ฝ่ายรัฐก็ไม่ต้องเข้าไปปราบปราม หรือสลายการชุมนุม

ไม่มีแม้แต่รัฐประหารอย่างที่พยายามกุข่าวกันขึ้นมา เพราะสุดท้ายม็อบทำร้ายตัวเอง อย่างที่มีการประเมินกันไว้ว่า หากรัฐบาลผ่านพ้นช่วงเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นเดือนอาถรรพ์ทุกอย่างก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับ


กำลังโหลดความคิดเห็น