“ข่าวลึก ปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันพุธที่ 2 กันยายน 2563 ตอน ล่าแก๊งล้มคดีบอส เรดบูล เร่งเช็คบิล อย่าให้หนีผิด
การตรวจสอบคดีนายบอส หรือวรยุทธ์ อยู่วิทยา ขับรถชนดาบตำรวจ วิเชียร กลั่นประเสริฐ เสียชีวิต เมื่อ8 ปีที่แล้ว ซึ่งอัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้อง ตำรวจไม่แย้ง เป็นเรื่องอื้อฉาว ที่ประชาชนรับไม่ได้ และให้ความสนใจ พร้อมมีความสงสัยในเรื่อง ความสุจริตเที่ยงธรรมของการดำเนินคดีนี้
จนเป็นเหตุให้นายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ให้ ศ. พิเศษ วิชา มหาคุณ เป็นประธาน
ผลสรุปการสอบคดี ของคณะกรรมการชุดนี้ เปิดออกมาแล้ว แบบไม่มีกั๊ก นับได้ว่าเป็นการให้คำตอบ ที่ครอบคลุมในขั้นตอน ทุกประเด็นของคดี และทุกข้อสงสัย ตั้งแต่ชั้นการทำสำนวนคดีในขั้นตอนตำรวจสน. ทองหล่อ ท้องที่เกิดเหตุ ซึ่งมีความเห็นฟ้องนายบอส5 ข้อหา แต่มีปัญหายึกยักช่วยเหลือคนผิด
การตรวจสอบสาวไปถึงเส้นทางการร้องขอความเป็นธรรมกับอัยการ ที่ร้องขอไปมากถึง 14 ครั้ง และร้องขอความเป็นธรรมผ่านคณะกรรมาธิการกฎหมายและตำรวจของสภาสนช. ที่ทำตัวเสมือนเป็นทางผ่านประทับตรารับรองพยานหลักฐานให้มีน้ำหนัก มีความน่าเชื่อถือ
จนถึงขั้นตอนสุดท้าย ใส่พานให้ อัยการ ซึ่งมี นาย เนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด รักษาการอัยการสูงสุด สั่งไม่ฟ้อง เป็นการปิดเกม ก่อนที่คดีจะโด่งดังขึ้นมาให้ถูกตรวจสอบ และกลายเป็นโศกนาฏกรรมของระบบยุติธรรมต้นน้ำของประเทศไทย เรื่องเหม็นขนาดใหญ่ในขณะนี้
ผลการสอบของคณะ ศ. พิเศษ วิชา เคลียร์เรื่องราวที่เกิดขึ้น ได้กระจ่างชัด และข้อเท็จจริงทุกขั้นตอนทุกประเด็นชี้แจงได้ชัดเจน จนเห็นภาพของการล้มคดี แต่เห็นแล้วก็ไม่อยากเชื่อว่า กระบวนการยุติธรรมไทย จะร่วมมือ สุมหัวกันทุจริตกับการอำนวยความเป็นธรรม บิดเบือนความยุติธรรมทางอาญาได้ถึงขนาดนี้
ประเด็นในคดี ที่มีการตั้งข้อหา ดาบตำรวจ วิเชียร คนตาย ว่าเป็นผู้ร่วมทำผิด ในฐานขับรถโดยประมาท จนเกิดคำถามตามมาว่า คนตายถูกดำเนินข้อหาความผิดทางอาญาได้อย่างไร เป็นข้อสงสัยของสังคมมากนั้น
ก็ถูกแฉออกมา ว่าที่ต้องเอาศพดาบตำรวจวิเชียรมาร่วมเป็นผู้ต้องหาทำผิดในข้อหาประมาทร่วม ก็เพราะว่าเพื่อเป็นประโยชน์ในทางคดีให้นายบอส จึงต้องใช้ศพดาบตำรวจ วิเชียร มาเป็นผู้ต้องหาร่วม
คนที่คิดแผนและทำเช่นนี้ได้ ถือว่าอำมหิต ไร้คุณธรรม และไม่มีจิตสำนึกที่ดีของคนในอาชีพใช้กฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นตำรวจและอัยการชุดทำคดี รวมทั้งผู้อยู่เบื้องหลังวางแผนการล้มคดีให้นายบอส
นึกไม่ถึงว่าในสังคมคนยุติธรรมไทย ก็มีคนจำพวกนี้เป็นเหลือบแฝงตัวอยู่ อย่างที่เห็นจากคดีนายบอสเป็นตัวอย่าง ที่หากินกับศพก็กล้าทำ ทั้งที่ตามกฎหมาย คนตายถูกกล่าวหาในทางอาญาไม่ได้
ซึ่งการสอบในประเด็นนี้มีเหตุที่มา ว่าความพยายามในการช่วยเหลือผู้ต้องหาให้รอดพ้นจากการถูกดำเนินคดีเกิดขึ้นทันทีภายหลังจากเกิดเหตุ โดยสารวัตรปราบปราม สน. ทองหล่อ ได้สร้างพยานหลักฐานเท็จโดยการนำตัวลูกจ้างของครอบครัวอยู่วิทยา มามอบตัวรับสมอ้างว่าเป็นผู้ขับรถ
แม้ต่อมาในวันเดียวกันผู้ต้องหายอมจำนนมามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนกลับให้การภาคเสธ โดยอ้างว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพราะความผิดของผู้ตาย และผู้ต้องหาเพิ่งดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายหลังจากเกิดเหตุการณ์แล้ว
ข้ออ้างอันเป็นเท็จนี้เป็นเหตุ ให้พนักงานสอบสวนตั้งข้อหาอันเป็นเท็จ และไม่ชอบด้วยกฎหมายต่อผู้ตายซึ่งตายในทันทีหลังจากถูกชนว่า เป็นผู้ต้องหาร่วม ทั้งที่การตั้งข้อหาจะกระทำได้ก็ต่อเมื่อบุคคลมีชีวิตอยู่ และได้แจ้งข้อหาให้แก่ผู้นั้น
คณะกรรมการมีความเห็นว่า น่าเชื่อว่าการตั้งข้อหาอันเป็นเท็จและไม่ชอบด้วยกฎหมายนี้เกิดจากการวางแผนของพนักงานสอบสวน
และทีมทนายความของผู้ต้องหา โดยกล่าวหาผู้ตายว่าประมาทด้วย เพื่อทำให้รูปคดีเอื้อประโยชน์ ต่อการช่วยเหลือให้ผู้ต้องหาพ้นผิด
คดีนายบอส เป็นบทพิสูจน์ถึงความเหลื่อมล้ำในเรื่องยุติธรรมทางอาญา ว่า คุกมีไว้ขังคนจน เป็นเรื่องที่รับฟังได้จริง นอกจากคนรวยไม่ติดคุกแล้ว คดีนี้ยังชี้ให้เห็นด้วยว่า มีการวางแผนล้มคดีก่อนถึงมือศาลยุติธรรมด้วย
จึงตั้งเป้าหยุดคดีที่ชั้นอัยการ และก็ทำได้จริง เพียงแต่เงินไม่สามารถซื้อทุกอย่างได้ คดีจึงถูกรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่ เป็นเรื่องอื้อฉาวประจานกระบวนการยุติธรรมอย่างงามไส้
สรุปตามผลสอบ ก็คือคดีนี้เงินเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้คดีพลิก นายบอส เป็นทายาทเครื่องดื่มเรดบูล ครอบครัวมีเงินมหาศาล เมื่อตกเป็นผู้ต้องหา เงินก็เริ่มทำงาน ตั้งแต่ในขั้นสอบสวนของตำรวจ โดยมีการปั้นพยานหลักฐาน เพื่อให้นายบอสขับรถไม่เกินกฎหมายกำหนด ชนดาบตำรวจวิเชียรก็เพราะเป็นเหตุสุดวิสัย อันหลีกเลี่ยงไม่ได้
โจทย์ทำให้หนักเป็นเบานี้ จึงให้มีคนรับจ้างบิดเบือนพยานหลักฐาน ที่จำเป็นทั้งหมด เริ่มที่เปลี่ยนแปลงความเร็วรถนายบอสขับขณะชนดาบตำรวจวิเชียร ไม่เกิน80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ผลการสอบคณะกรรมการชี้ประเด็นนี้ว่า คนเปลี่ยนความเร็วไม่ได้คิดจากพยานหลักฐาน ข้อมูลที่เป็นจริง และหลักวิชาการ
แต่ใช้วิธีการคำนวณในกระดาษเปล่า แล้วใส่ตัวเลขที่มีอยู่ในใจลงไป นักวิชาการก็เอากับเขาด้วย กลายเป็นหมากตัวหนึ่งในแผนล้มคดี ที่น่าสงสัยว่า มีอะไรแลกกับการขายวิญญาณ ในครั้งนี้หรือไม่?
นอกจากนี้ ยังมีนักการเมืองบางคน เปิดสภารับเอาเรื่องไปตบแต่งพยานหลักฐานให้มีน้ำหนัก ได้ใช้เครดิตของกรรมาธิการยุติธรรม กฎหมาย การันตีพยานใส่ซอง แล้วชงให้อัยการกินต่อ คนพวกนี้คงใช้อำนาจนิติบัญญัติไปในทางแบบนี้อยู่เป็นประจำจนเคยตัว เพียงแต่เรื่องไม่แดงขึ้นมาเท่านั้นเอง
แต่ จำเลยตัวใหญ่ในรายงานของคณะกรรมการ จะเป็นใครไม่ได้ ก็คืออัยการ นั่นเอง ที่เข้ามาร่วมอยู่ในแผนล้มคดี ตั้งแต่ต้นจนเรื่องฉาวโฉ่ขึ้นมา ทั้งชงเองกินเอง ซึ่งเป็นการกระทำผิดที่ผิดกฎหมาย และผิดจริยธรรมร้ายแรง อย่างไม่ควรให้อภัย ทั้งนี้คนกลุ่มนี้ยังได้ทำลายศรัทธาความเชื่อมั่นต่อองค์กรอัยการลงไปแทบหมดสิ้น
คดีอัปยศ ของนายบอส วรยุทธ์ อยู่วิทยา ที่คณะกรรมการของ ศ. พิเศษ วิชา มหาคุณ ได้เปิดความจริงครบทุกด้านทุกขั้นตอนในการล้มคดีในขั้นตำรวจและอัยการแล้ว เสมือนวางบิลไว้แล้ว ซึ่งสังคมก็คงไม่มีใครอยากให้ผลสอบนี้ รู้แล้ว ก็จบกันเพียงแค่นี้
เชื่อว่า คนส่วนใหญ่ต้องการที่จะให้เด็ดหัวจัดการเอาโทษกับทุกคนในแก๊งล้มคดีให้หมด แต่สำหรับการเช็คบิลที่จะต้องทำต่อจากนี้ ต้องขอบอกว่า จะเป็นหนังเรื่องยาว และเป็นความยากและเหนื่อยหนักที่จะเอาพวกนี้มารับโทษฑัณท์ ได้
เพราะจะไม่ได้ทำได้ง่ายอย่างที่คิด เมื่อเขารับจ้างล้มคดีได้ มีหรือคนพวกนี้จะยอมจนมุมคดีของตัวเอง ง่ายๆ ยิ่งภายใต้กระบวนการยุติธรรมยังเละเทะ เป็นมาเก็ต้พลสที่ทีการซื้อขายได้แบบนี้ ยิ่งเป็นช่องที่พวกนี้จะอาศัยหลุดรอดหนีผิดไปได้ ตามอย่างคดีบอส เรดบูล