xs
xsm
sm
md
lg

วัดใจ “บิ๊กตู่” ปฏิรูปยุติธรรม ลบวลี “คุกมีไว้ขังคนจน” !?

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
เมืองไทย 360 องศา


“มีการร่วมมือกันอย่างเป็นระบบของเจ้าพนักงานในกระบวนการยุติธรรม เจ้าหน้าที่ของรัฐ ผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง ทนายความ พยาน และบุคคลทั่วไป ในการเข้าแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของการดําเนินคดีจนถึงปัจจุบัน โดยใช้ช่องโหว่ของกฎหมาย ใช้อํานาจหน้าที่โดยมิชอบ ใช้อิทธิพลบังคับ และการสร้างพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ เพื่อช่วยเหลือผู้ต้องหาให้รอดพ้นจากการถูกดําเนินคดีตามกฎหมาย”

นั่นเป็นรายงานตอนหนึ่งในบทสรุปของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายกรณีคดีของนายวรยุทธ อยู่วิทยา ที่มี นายวิชา มหาคุณ เป็นประธาน นำเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หลังจากครบกำหนด 30 วัน เมื่อวันที่ 1 กันยายน ที่ผ่านมา

“พฤติการณ์ดังกล่าวนี้น่าเชื่อว่าเป็นความพยายามในการช่วยเหลือผู้ต้องหามิให้ศาลพิพากษาลงโทษจําคุกโดยไม่รอลงอาญา และทําให้รูปคดีเอื้อประโยชน์ต่อการช่วยเหลือให้ผู้ต้องหาพ้นผิด” ผลสรุปอีกช่วงหนึ่งของรายงานดังกล่าว ที่ได้ระบุถึงความพยายามในการช่วยเหลือผู้ต้องหาให้รอดพ้นจากการความผิดและพ้นจากการถูกจำคุก

ทั้งนี้ คณะกรรมการชุดของ นายวิชา มหาคุณ ยังได้เสนอให้มีการดําเนินการทางวินัยและทางอาญา ต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐและบุคคลอื่นที่ร่วมในขบวนการนี้ กราวรูด คือ พนักงานสอบสวนซึ่งเกี่ยวข้องกับสํานวน พนักงานอัยการซึ่งปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ผู้บังคับบัญชาซึ่งแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ ซึ่งแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ ผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองซึ่งแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ ทนายความซึ่งกระทําผิดกฎหมาย พยานซึ่งให้การเป็นเท็จ ตัวการ ผู้ใช้ และผู้สนับสนุนในการกระทําผิดกฎหมายดังกล่าว รวมทั้งจะต้องมีการดําเนินการทางจริยธรรม จรรยาบรรณ มรรยาท โดยหน่วยงานหรือองค์กรวิชาชีพที่เกี่ยวข้องต่อบุคคลดังกล่าวอย่างจริงจัง และเปิดเผยให้สาธารณชนทราบ เป็นการทั่วไป เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่าง

ขณะเดียวกัน ยังเสนอให้มีการแก้ระเบียบคำสั่งบางอย่างที่เอื้อให้เกิดการทุจริตดังกล่าวอย่างเข้มงวด รัดกุม เช่น ในเรื่องของการมอบอำนาจที่ต้องตรวจสอบ หากละเลยถือว่าผู้บังคับบัญชามีส่วนบกพร่องด้วย และที่สำคัญก็คือ เสนอให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา ในเรื่อง “อายุความ” ในทํานองเดียวกับพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 กล่าวคือ ถ้าผู้ต้องหาหลบหนีในระหว่างถูกดําเนินคดีอาญา และให้ฟ้องคดีโดยไม่ต้องมีตัวผู้ต้องหาได้และมิให้นับระยะเวลาที่ผู้ต้องหาหรือจําเลยหลบหนีรวมเป็นส่วนหนึ่งของอายุความในการดําเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ

ในเรื่องการร้องขอความเป็นธรรม โดยกําหนดให้การร้องขอความเป็นธรรม ผู้เสียหาย หรือผู้ต้องหาต้องมาร้องด้วยตนเอง การร้องขอความเป็นธรรมจะต้องระบุเหตุและพยานหลักฐานให้ครบถ้วน การร้องขอความเป็นธรรมเกินกว่าหนึ่งครั้งจะกระทําได้ต่อเมื่อมีพยานหลักฐานใหม่ที่ไม่เคยนําเสนอมาก่อน

แน่นอนว่า บทสรุปของคณะกรรมการชุดของ นายวิชา มหาคุณ ดังกล่าว ถือว่าออกมาตรงกับความรู้สึกของชาวบ้านทั่วไป และอย่างน้อยก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวัง เพราะสังคมส่วนใหญ่แทบจะทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ว่าได้ ว่าคดีดังกล่าวย่อมมี “ขบวนการช่วยเหลือ” กันแบบ “ครบวงจร” ตั้งแต่ต้นทางยันกลางทาง นั่นคือ ตั้งแต่ฝ่ายตำรวจที่เป็นพนักงานสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน ไปจนถึงฝ่ายอัยการ ที่พิจารณาสำนวนสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้อง ซึ่งมีขบวนการตามวิธีการตามที่ผลสรุปจากคณะกรรมการชี้ออกมาให้เห็น



อีกทั้งผลสรุปที่ออกมาถือว่าเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความ “อยุติธรรม” และเป็นจุดอ่อนของกระบวนการยุติธรรม ที่ต้องมีการแก้ไขเพื่อสร้างความเชื่อมั่นศรัทธาให้เกิดขึ้นกับประชาชนทั่วไปอย่างเสมอภาคกัน ไม่ว่าคนรวยหรือคนจน ให้ลบเลือนคำพูดที่มักจะกล่าวว่า “คุกมีไว้ขังคนจนเท่านั้น” จะต้องหมดไป

อย่างไรก็ดี ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ อีกด้านหนึ่งมันก็เป็นจังหวะที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรี ที่จะเดินหน้า “ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม” ตามเสียงเรียกร้องจากประชาชนส่วนใหญ่ จะต้องดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมให้เห็นชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมอบหมายให้คณะกรรมการฯ ชุดที่มี นายวิชา มหาคุณ นี่แหละดำเนินการในเรื่องการปฏิรูปดังกล่าว เพราะสามารถสร้างความเชื่อมั่นจากสังคมได้ดี และที่ผ่านมาก็สามารถรับรู้และศึกษาข้อมูลจุดอ่อนจุดแข็งได้ดีอยู่แล้ว

แต่ที่สำคัญที่สุด ทุกอย่างก็ต้องขึ้นอยู่กับท่าทีที่ชัดเจนของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ด้วยว่าต้องการเดินหน้าอย่างจริงจังแค่ไหน หรือว่า “หยุดแค่นี้” แล้วปล่อยให้เงียบหายไปตามเวลาอีก ซึ่งที่ผ่านมา ในช่วงที่ผ่านมานานกว่า 6 ปี เขายังไม่ได้ดำเนินการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมตามเสียงเรียกร้องและตามที่เคยประกาศเอาไว้ โดยที่ผ่านมามีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาศึกษาหลายชุด แต่ก็หยุดลงทุกครั้ง ครั้งนี้ก็ต้องรอพิสูจน์กันอีกว่า จะจริงจังแค่ไหน


เพราะหากไม่ดำเนินการในช่วงที่สถานการณ์กำลัง “ร้อน” แบบนี้ ก็เชื่อว่าต่อไปก็เป็นเรื่องยากที่จะดำเนินการได้สำเร็จ เพราะต้องใช้พลังในการผลักดันเป็นอย่างมาก เนื่องจากเชื่อว่าจะต้องเผชิญกับแรงต่อต้านจากฝ่ายข้าราชการที่เสียประโยชน์ แต่หากทำได้สำเร็จก็จะได้รับเสียงชื่นชมจากสังคมเป็นผลงานสำคัญของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เลยทีเดียว แต่หากตรงกันข้ามก็จะสร้างความผิดหวังและจะเสียความสนับสนุนไปอย่างน่าเสียดาย !!


กำลังโหลดความคิดเห็น