xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวลึกปมลับ : ผ่าแผนลับรัฐบาล ถอยเพื่อคุมเกมแก้ รธน.

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



“ข่าวลึก ปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันอังคารที่ 25 สิงหาคม 2563 ตอน ผ่าแผนลับรัฐบาล ถอยเพื่อคุมเกมแก้ รธน.



ในสถานการณ์การเมืองนอกรัฐสภา ของม็อบนักศึกษา คนรุ่นใหม่และประชาชน ตลอดจนการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ทางการเมือง ที่แผ่ขยายวงกว้างจากพื้นที่โซเชียลมีเดีย มาสู่ท้องถนนและเข้าไปสู่ สถานศึกษาระดับโรงเรียนมัธยมศึกษาไปแล้ว

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น คือการขยายพื้นที่แนวต้าน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ฝ่ายพลเอกประยุทธ์ ก็รู้ดีว่า หากปล่อยไว้แบบนี้เรื่อยๆ ไม่เป็นผลดีต่อเสถียรภาพรัฐบาลแน่นอน

ด้วยสภาพการณ์ที่ตึงเครียดมากขึ้นทุกวัน ทำให้นายกฯ บิ๊กตู่ ตลอดจน แกนนำพรรคพลังประชารัฐ และผู้นำกองทัพ ต้องเตรียมตั้งรับสถานการณ์แบบเพลี่ยงพล้ำไม่ได้

ดังนั้น หากมีวิธีการใดที่จะ ประคองสถานการณ์ เพื่อให้ รัฐบาลอยู่ได้นานที่สุด และมีแรงต้านน้อยที่สุด พลเอกประยุทธ์ และแกนนำพรรคพลังประชารัฐ ก็ต้องทำ ต้องยอมถอยให้บ้าง

หนึ่งในวิธีการที่ดีที่สุด ที่ทำแล้ว นอกจากลดเงื่อนไขข้อเรียกร้อง ม็อบนักศึกษา-ประชาชน ให้เหลือน้อยลงแล้ว ขณะเดียวกัน ก็ยังเป็นการต่ออายุรัฐบาล ให้อยู่ได้นานร่วม หนึ่งปีครึ่ง เป็นอย่างต่ำ นั่นก็คือ

การยอมให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อปรับปรุงถ้อยคำ บทบัญญัติใน มาตรา 256 เพื่อนำไปสู่การยกเลิกมาตรา 256 ทั้งหมด แล้ว ใส่มาตรา 256 ที่เขียนขึ้นมาใหม่ ที่จะให้มีการยกร่างรธน.ฉบับใหม่และให้มีการตั้ง สภาร่างรัฐธรรมนูญ ใส่เข้าไปแทน

ขณะนี้พบว่า ท่าทีของพรรคร่วมรัฐบาลตกผลึกตรงกันแล้วโดยเฉพาะสามพรรคแกนนำคือ พลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย ที่เห็นด้วยกับการแก้ไขมาตรา 256 แล้วให้ตั้งสภาร่างรธน. เพียงแต่รายละเอียดปลีกย่อยบางประเด็น พรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคยังเห็นต่างกันอยู่

แต่ทั้งหมด ก็ได้ข้อสรุป ผ่านวงประชุม วิปรัฐบาล ที่จะนัดหารือไปเมื่อวันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม เพื่อกำหนดประเด็นในญัตติขอแก้ไขรธน.มาตรา 256 และคุยกันลงตัวไปแล้ว

ต่อไป อย่างรวดเร็ว จะมีการประชุมร่วมรัฐสภา พิจารณาญัตติขอแก้ไขรธน.อย่างช้าสัปดาห์หน้า เพราะจากสถานการณ์ร้อนๆ นอกรัฐสภา เป็นเหตุบังคับจะชักช้าไม่ได้

จุดนี้ ทำให้เลยยิ่งเป็นตัวเร่ง บีบรัด ให้ พรรคร่วมรัฐบาล ต้องทำเรื่องนี้ให้เสร็จก่อนในชั้นวาระแรก เห็นชอบในญัตติฯ เพื่อตั้งคณะกรรมาธิการร่วมรัฐสภา ให้ทันก่อนปิดสมัยประชุมรัฐสภา 28 กันยายน

หากทุกอย่างเดินไปแบบนี้ การพิจารณาญัตติขอแก้ไขรธน.เบื้องต้น จะมีสองญัตติสองร่างใหญ่ๆ ก็คือ ของฝ่ายค้านที่ยื่นไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กับของรัฐบาลที่จะยื่นในสัปดาห์นี้ และอาจมีของพรรคอื่นๆ ประกบตามเข้ามาเช่นพรรคก้าวไกล หากสามารถหาส.ส.จากพรรคอื่นมาร่วมลงชื่อถึงหนึ่งร้อยคนได้

จากท่าทีของพรรคร่วมรัฐบาลที่มีพลังประชารัฐ เป็นแกนนำ ที่ยอมให้มีการตั้ง สภาร่างรธน. เห็นได้ชัดว่า คือการถอยทางการเมือง ทั้งที่ ก่อนหน้านี้ แกนนำพลังประชารัฐ เสียงแข็งมาตลอดว่า ยังไม่จำเป็นต้องแก้ไขรธน.หรือหากจะแก้ ก็ให้แก้แบบรายมาตราแทน ไม่ใช่มาแก้ 256 เพื่อให้มีส.ส.ร.มายกร่างรธน.ฉบับใหม่

อย่างไรก็ตาม การถอยดังกล่าว ก็เป็นการถอยแบบมีเชิง ถอยในเชิงแท็กติก ภายใต้ สองแผนสำคัญที่ต้องทำเฉพาะหน้า

แผนแรก ก็คือ การล็อบบี้สมาชิกวุฒิสภา หรือ สว. ส่งสัญญาณให้สว.จำนวนหนึ่ง โหวตเห็นชอบญัตติการแก้ไขรธน.ตั้งแต่วาระแรก อย่างน้อย 84 เสียงเพื่อให้ ญัตติแก้ไขรธน. ผ่านที่ประชุมร่วมรัฐสภามาได้

โดยอาจต้องมีข้อตกลง รับปาก กันบางอย่างด้วยการโน้มน้าวสว. ว่า การแก้ไขรธน.เป็นกระแสแรงมาก -ขวางลำบากแล้ว หากไม่ทำ จะพังกันหมดทั้งรัฐบาล-สภาล่าง-สภาสูง

ขอให้สว.ช่วยกันโหวตให้ผ่านวาระแรกให้ได้ก่อน เพราะหากสุดท้าย มีการตั้งสภาร่างรธน. แล้วมีการยกร่างรธน. ฉบับใหม่ จนถึงขั้นตอนทำประชามติ ก็ต้องใช้เวลาอีกร่วม หนึ่งปีครึ่งเป็นอย่างต่ำ

ก็เท่ากับเป็นการต่อเวลาให้รัฐบาลและสภาสูง ที่ฝ่ายม็อบนักศึกษาจ้องจะล้มกระดานให้อยู่ได้ยาวขึ้น หากสว.ยอม ก็เท่ากับ สว.ก็จะอยู่ในตำแหน่งรวมกันแล้วร่วมๆสามปี แล้วจึงหาวิธี ไปแก้เกมอีกที ในชั้นกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาญัตติขอแก้ไขรธน. ที่จะเป็นกรรมาธิการร่วมที่มีทั้งส.ส.และสว.

ด้วยการวางกลไก ให้กรรมาธิการ เขียนมาตรา 256 เพื่อให้ สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ และคณะกรรมการยกร่างรธน.ที่จะคลอดออกมา เป็นคนของฝ่ายรัฐบาลให้ได้มากที่สุด จากนั้น ถ้าทำสำเร็จ ก็อาจล็อบบี้ขอให้ เขียนบทเฉพาะกาลไว้ เพื่อขอให้สว. ชุดนี้อยู่ให้ครบห้าปี จนถึงปี 2567 เป็นต้น

ส่วนแผนที่สอง ก็คือ ใช้เสียงข้างมาก เข้ามาคุมการแก้มาตรา 256 ให้ออกมาในแบบที่ต้องการ นั่นก็คือ พอรัฐสภา เห็นชอบญัตติแก้ไขรธน.แล้ว จากนั้นต้องมีการตั้งกรรมาธิการร่วมที่จะมีทั้งส.ส.และสว.

ด้วยจำนวนเสียงส.ส.รัฐบาล และสว.ที่เป็นฝ่ายรัฐบาล รวมกันแล้ว ทำให้จะได้โควต้า ส่งคนไปเป็นกรรมาธิการ ที่มากกว่าสัดส่วนของฝ่ายค้านอยู่แล้ว

ด้วยเหตุนี้ กรรมาธิการชุดดังกล่าว ก็สามารถไปวางพิมพ์เขียว เขียนมาตรา 256 ให้ออกมาในแบบที่ต้องการให้มากที่สุด

เรื่องแก้รธน. ที่เห็นรัฐบาล-พรรคพลังประชารัฐ ถอยให้ อย่าคิดว่าจะถอยสุดซอย แต่เป็นการถอย เพื่อสร้างเกมใหม่ ในหมากที่ฝ่ายตัวเอง ยังคอนโทรลทุกอย่างไว้ได้ในกำมือ


กำลังโหลดความคิดเห็น