xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวลึกปมลับ : เพื่อไทย เจอสถานการณ์คับขัน รัฐบาลศึกนอกก็หนัก ศึกในก็ยุ่ง

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



“ข่าวลึก ปมลับ”ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันพุธที่ 5 สิงหาคม 2563 ตอน เพื่อไทย เจอสถานการณ์คับขัน รัฐบาลศึกนอกก็หนัก ศึกในก็ยุ่ง

สถานการณ์รัฐบาลตอนนี้ หากมองผ่านการปรับครม. จะเห็นว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยังกุมอำนาจการนำในรัฐบาลไว้ได้อยู่ ไม่ได้ถึงกับปรับครม.ตามแรงกระเพื่อมของกลุ่มก๊วนในพลังประชารัฐไปเสียหมด

ส่วนหลังจากนี้ จะมี after shock ทางการเมืองโดยเฉพาะในพลังประชารัฐ ที่มีบางกลุ่ม ไม่ได้อย่างที่หวัง เช่น เก้าอี้ รมว.พลังงาน ที่สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ผิดหวังเป็นครั้งที่สอง จะมีอาการตีรวนหรือไม่ ก็มีกระแสข่าวว่า ลึกๆ แล้วกลุ่มของสมศักดิ์ เทพสุทิน สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ พอใจแล้วกับการปรับครม.รอบนี้

เพราะการที่ มือขวาของกลุ่ม อย่าง เสี่ยแฮงค์ อนุชา นาคาศัย ได้ทั้งเก้าอี้ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ และได้เป็น รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่จะเข้าไปดูแลงานอย่างเรื่อง กองทุนหมู่บ้าน จึงเป็นการเพิ่มบารมีให้กลุ่มสมศักดิ์ สุริยะ มากขึ้นในรัฐบาลและในพลังประชารัฐ

จึงไม่น่าจะมี อาฟเตอร์ช็อค ในพลังประชารัฐ เป็นคลื่นลูกใหญ่เกิดขึ้นหลังปรับครม.

และด้วยที่สถานการณ์ในรัฐบาล ที่มีศึกหลายด้าน ทั้งปัญหาเศรษฐกิจ-การเกิดขึ้นของแฟลชม็อบ ที่ยังก่อตัวขยายวง-การกดดันให้รัฐบาลและพรรคพลังประชารัฐ ต้องเอาด้วยกับการ แก้ไขรัฐธรรมนูญ

ครั้นจะยื้อไม่ยอมแก้รัฐธรรมนูญ ก็เสี่ยงเป็นชนวนให้แฟลชม็อบขยายวง รวมถึงส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลอย่าง ประชาธิปัตย์ นำมาอ้างเหตุตีรวน เรียกร้องให้พรรคถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล

ปัจจัยเหตุจากศึกนอกทั้งหมด จึงไม่เปิดช่องให้ คนในพลังประชารัฐ เปิดฉากทะเลาะกันเอง เพราะจะยิ่งซ้ำเติม สถานการณ์ ทำให้รัฐบาลไปเร็วก่อนกำหนด ทุกฝ่ายจะเสียประโยชน์ด้วยกันหมด จึงทำให้ กลุ่มก๊วนในพลังประชารัฐ ไม่กล้าเดินเกมแตกหัก หรือทำอะไรรุนแรง

รัฐนาวา ประยุทธ์ 2/2 จึงน่าจะประคองตัวอยู่ไปได้อีกสักระยะ

จากฟากรัฐบาล เหลียวไปมองที่ ฝ่ายค้าน โดยเฉพาะหากเพ่งมองไปที่ พรรคเพื่อไทย พรรคใหญ่ ที่มีส.ส.ในสภาฯมากที่สุด จะพบว่า เวลานี้ แกนนำพรรคทั้งที่อยู่ในประเทศ และนอกประเทศ วางน้ำหนักการขับเคลื่อนทางการเมืองไว้ที่ 2 เรื่องใหญ่

เรื่องแรก ก็คือ การทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับปัจจุบันสำเร็จให้ได้ในอายุของสภาฯชุดนี้ ยิ่งเมื่อ คณะกรรมาธิการศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่มีพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นประธาน แถลงไว้อย่างชัดเจนว่า

คณะกรรมาธิการ สนับสนุน ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยการปลดล็อกแก้มาตรา 256 เพื่อให้มีการร่าง รธน.ฉบับใหม่ จุดนี้ เลยยิ่งเป็นตัวเร่ง ให้ เพื่อไทย โหนเอาผลสรุปของกรรมาธิการที่แม้จะยังไม่ออกมาอย่างเป็นทางการ มาเป็น บันได สร้างความชอบธรรม ในการเร่งเดินหน้าแก้ไขรธน.

เห็นได้จาก ผลมติ ที่ประชุมส.ส.พรรคเพื่อไทยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เห็นชอบให้พรรคเพื่อไทย เร่งเดินหน้าแก้ไขรธน. ด้วยการเตรียมลงชื่อในญัตติขอเสนอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ มาตรา 256

ด้วยการเสนอญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรธน.เพื่อให้มีสภาร่างรธน. ยกร่างรธน.ใหม่ภายในไม่เกิน 240 วัน จากนั้นให้นำร่างรธน.ไปทำประชามติ

เกมของ เพื่อไทย พยายาม สร้างบทบาทการนำในเรื่อง การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้โดดเด่นเหนือกว่า พรรคฝ่ายค้านด้วยกันเอง โดยเฉพาะพรรคก้าวไกล เรียกได้ว่า งานนี้ แย่งซีนกันเห็นๆ เพราะมีข้อได้เปรียบ

เนื่องจาก การเสนอญัตติแก้ไขรธน. จะต้องมีส.ส.ลงชื่อร่วมด้วยไม่น้อยกว่า 100 คน ซึ่ง ในสภาฯ ชุดนี้ มีแค่สองพรรคเท่านั้น ที่มีส.ส.เกินหนึ่งร้อยคน นั่นก็คือ พลังประชารัฐกับ เพื่อไทย ทำให้ เพื่อไทย สามารถเดินหน้าเรื่องนี้ได้ด้วยตัวเอง ชนิดไม่ต้อง้อฝ่ายค้านด้วยกเส

คาดว่า พรรคเพื่อไทย จะรวบรวมรายชื่อส.ส. เสนอญัตติแก้ไขรธน. ส่งให้ประธานสภาฯภายในไม่เกินสัปดาห์นี้ ที่ต้องดูว่าจะให้ส.ส.ฝ่ายค้านพรรคอื่นๆ มาร่วมด้วยหรือไม่ หรือว่า เพื่อไทย จะลงชื่อกันแค่พรรคเดียว

ส่วนเรื่องที่สองที่เพื่อไทยให้ความสำคัญอย่างมากตอนนี้ นอกเหนือจากเรื่องแก้ไขรธน. ก็คือเรื่องการเตรียมความพร้อมสำหรับศึกเลือกตั้งท้องถิ่น โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานคร

ล่าสุด มีการตั้ง คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เป็นประธานสรรหาผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. หลังเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เจอข่าวลือ พรรคเพื่อไทยและทักษิณ ชินวัตร เคาะแล้วให้ เจ๊หน่อย ลงผู้ว่าฯกทม. ทำเอาทั้งเจ๊หน่อยและเพื่อไทย ปฏิเสธกันวุ่น

แม้ลึกๆ จะมีข่าวลือว่า คุณหญิงสุดารัตน์ ก็สนใจอยู่พอสมควร แต่ไม่ได้ถึงกับอยากเปลี่ยนสนามการเมืองจากแคนดิเดทนายกฯไปเป็นผู้ว่าฯกทม. ในเวลานี้

เพราะ สุดารัตน์ ก็ยังเชื่อว่า หากแก้ไขรธน.สำเร็จ โอกาสที่เพื่อไทยจะกลับมาเป็นรัฐบาล ก็ยังมีสูง ตัวเอง ก็ยังอาจกลับไปเป็นรัฐมนตรีได้อยู่

แต่ลำดับแรก ก่อนจะไปถึงวันนั้น ต้องพิสูจน์ฝีมือสร้างบารมี ให้ ทักษิณ และคนในพรรคเพื่อไทย ยอมรับให้ได้ ด้วยการต้องทำให้ เพื่อไทย ชนะในสนามผู้ว่าฯกรุงเทพมหานครให้ได้

เพียงแต่ การที่ เพื่อไทย จะหาแคนดิเดท คนลงชิงผู้ว่าฯกทม ในนามพรรคถึงตอนนี้ เพื่อไทย ก็ยังหาชื่อที่ตอบโจทย์ พรรคและคนกรุงเทพมหานคร ไม่ได้

โดยบางราย แม้มีข่าวจะไปทาบทาม แต่ก็ไม่คืบหน้า ไม่ว่าจะเป็นที่เคยมีข่าวก่อนหน้านี้เช่น สมประสงค์ บุญยะชัย ผู้บริหารบมจ. บีอีซี เวิลด์หรือช่องสาม อดีตประธานกรรมการบริหาร บมจ.ชิน คอร์ปอเรชั่น มือทำงานเก่าของทักษิณ

หรือที่มีข่าว บางชื่อที่คนในพรรคโยนหินถามทางอย่าง ดร.เอ้ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

แต่เมื่อหลายชื่อยังไม่ใช่ ยังไม่ปัง จนสุดท้าย กลุ่มกทม.เพื่อไทย เลยต้องพยายามไปตามง้อ เสี่ยทริป ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ที่ประกาศตัวลงชิงผู้ว่าฯนามอิสระไปแล้ว ให้กลับมาลงผู้ว่าฯกทม.ของเพื่อไทย

สิ่งที่เกิดขึ้น แสดงให้เห็นว่า เพื่อไทย อยู่สถานการณ์คับขัน เพราะหาตัวคนไม่ได้ คาดว่า งานนี้ คุณหญิงสุดารัตน์ อาจกำลังเครียดพอควร เพราะหากหาคนลงไม่ได้หรือหาแล้ว ส่งลงแต่แพ้เลือกตั้ง ถ้าผลเป็นแบบนี้ ทั้งพรรคเพื่อไทย และเจ๊หน่อย ก็ไม่มั่นคงแน่

สองซีกการเมืองวันนี้ เพื่อไทย เจอสถานการณ์คับขัน ทางด้านรัฐบาลและพรรค พลังประชารัฐที่เตอศึกนอกก็หนัก ศึกในก็ยังยุ่ง เลยทำให้ประชาชนวังเวง


กำลังโหลดความคิดเห็น