เมืองไทย 360 องศา
ระหว่างที่คดีของ “บอส” วรายุทธ อยู่วิทยา ทายาทธุรกิจในเครือกระทิงแดง กำลังออกฤทธิ์ได้ที่ มีการเผยพิรุธออกมาให้เห็นในลักษณะที่มี “ใยโยง” มากมาย ประเภทยิ่งสาวยิ่งยุ่งอะไรประมาณนั้น และทำท่ากลายเป็นว่าอาจจะเลี้ยวไปหา “ขาใหญ่” ในรัฐบาลอย่างน่าหวาดเสียว
เมื่อเกิดความครึกโครมของคดีดังกล่าว ทำให้ทุกสายตาในสังคมหันไปมองที่นั่นเป็นจุดเดียว จนทำให้กลบบางเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันจนแทบสนิทเหมือนกัน อย่างที่กำลังมีความเคลื่อนไหวที่น่าจับตามองไม่น้อยในพรรคเพื่อไทย เมื่อสองสามวันที่ผ่านมา ระหว่างการประชุมพรรคที่รัฐสภา มีรายงานว่า มีความพยายามที่จะลดบทบาทของ “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์ของพรรคลงมา โดยมีการเสนอให้เธอลงสมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในนามพรรค โดยอ้างเหตุผลเพื่อลงไปรักษาฐานเสียงเดิมในกรุงเทพมหานคร เพื่อแลกกับการไม่ต้องถูกลดสัดส่วนตำแหน่งสำคัญในพรรคเพื่อไทย ที่อยู่ในเครือข่ายของเธอลงไป ซึ่งในจำนวนนั้นรวมไปถึงตำแหน่งเลขาธิการพรรค ที่ “น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ” ที่ถือว่าเป็นคนใกล้ชิดดำรงตำแหน่งอยู่ในปัจจุบัน
ที่น่าสนใจก็คือ ตามรายงานข่าวที่ว่ามีการประชุมกันร่วมสองชั่วโมง และมี “นายทักษิณ ชินวัตร” วิดีโอคอลเข้ามาด้วย และข้อเสนอที่ให้ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ลงสมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายทักษิณ ก็สนับสนุนด้วย
เมื่อเป็นแบบนี้ก็ย่อมถือว่าไม่ธรรมดา เพราะเท่ากับว่า เป็นการกดดันให้“คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” ต้องลดบทบาทในพรรคเพื่อไทยลง ความหมายก็คือ ให้ถอยลงมาอยู่ในพื้นที่การเมือง “ระดับท้องถิ่น” ถอนตัวจากการเมืองในระดับชาติ เลิกเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคในอนาคตไปโดยปริยาย
ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งก็มองได้เหมือนกันว่า นี่คือ “เกมแรง” เหมือนกับ “ล่อให้ไปตาย” เพราะรับรู้กันดีว่าเวลานี้คู่ชิงที่ “ยืนรอ” อยู่ล่วงหน้าก็คือ “นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์” อดีตหนึ่งในแคนดิเดตนายกฯในนามพรรคเพื่อไทย ที่ได้ลาออกจากพรรค ประกาศลงชิงเก้าอี้ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ในนามอิสระล่วงหน้านานหลายเดือนแล้ว
และที่ผ่านมา มีระดับ “ขาใหญ่” หรือแกนนำพรรคเพื่อไทยหลายคน ประกาศให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ เห็นได้ชัดก็คือ “นายภูมิธรรม เวชยชัย” อดีตเลขาธิการพรรค ที่ปัจจุบันแยกไปตั้งกลุ่ม “แคร์” แม้ว่าจะถูกมองว่าเป็นแผน “แตกแบงก์พันภาคสอง” แต่สาเหตุสำคัญก็ยอมรับกันว่า มีความขัดแย้งกันกับกลุ่มของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ นั่นเอง
อีกด้านหนึ่งหากพิจารณากันในทางการเมือง เวลานี้สนามเลือกตั้งในเมืองหลวงก็ใช่ว่าเป็นเรื่องหมู แม้ว่าทางพรรคพลังประชารัฐยังไม่ขยับว่าจะเสนอใครลงชิง แต่ที่เปิดตัวลงมาก่อน อย่าง นายชัชชาติ หรือ น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีต ส.ว. ก็ถือว่ายังมีฐานเสียงเฉพาะเป็นกอบเป็นกำไม่น้อย นี่ยังไม่นับพรรคก้าวไกล ในเครือของ “นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ที่หมายมั่นปั้นมือไว้แล้วว่าจะต้องสร้างกระแสให้ได้ เท่าที่เห็นแค่นี้ก็ถือว่าเป็น “ศึกหนัก” สำหรับเธอแล้ว
นอกเหนือจากนี้ หากพิจารณากันตามสถานการณ์และบรรยากาศในยามนี้ก็ต้องบอกว่า “มันหมดยุค” สำหรับ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ไม่เว้นแม้แต่พรรคเพื่อไทย ที่กระแสตกลงทุกวัน เมื่อเปรียบเทียบกับกระแสของพรรคก้าวไกล หรือแม้แต่กระแสของธนาธรกับพวก ที่กำลังดันหลังพวก “ม็อบมุ๊งมิ๊ง” ออกมาสร้างกระแสอยู่ในเวลานี้ จนแทบจะเรียกว่าคนมองไม่เห็นบทบาททั้งในและนอกสภาของพรรคเพื่อไทยไปเลย
และอย่าได้แปลกใจที่ล่าสุด “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” ได้แสดงอาการหัวเสียกับข่าวดังกล่าว โดยเธอเห็นว่าเป็นข่าวเท็จ และมีเจตนาปล่อยข่าวเพื่อทำร้ายกันทางการเมือง โดยระบุว่า ข่าวแบบนี้ยังมีความเสี่ยงที่จะทำให้ถูกยุบพรรคในความหมายที่ว่า “ให้คนภายนอกบงการพรรค” พร้อมทั้งปฏิเสธการลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ แต่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานการคัดเลือกผู้สมัครผู้ว่าฯกรุงเทพฯ รวมไปถึงผู้สมัคร ส.ก.สำหรับการเลือกตั้งที่จะมาถึงอีกด้วย โดยหลังมีมติดังกล่าว “นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์” หัวหน้าพรรคได้มอบช่อดอกไม้แสดงความยินดีด้วย
แน่นอนว่า หากพิจารณาจากความเคลื่อนไหวและมติดังกล่าวล่าสุดที่ออกมา แม้ยังมองไม่ออกว่าแผน “เขี่ย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ให้ลงสู่สนามท้องถิ่น ทำไม่สำเร็จ หรือเธอไม่ยอมแพ้ก็ไม่อาจทราบได้ แต่ก็เผยให้เห็นถึงความขัดแย้งภายในที่เป้าหมายยังพุ่งไปที่เธอเช่นเดิม เพียงแต่ว่าแต่ละฝ่ายยังไม่มีพลังพอที่จะแตกหักกับอีกฝ่ายเท่านั้นเอง !!