“ข่าวลึก ปมลับ”ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันพุธที่ 29 กรกฎาคม 2563ตอน เหตุลุกฮือ คดี "บอส กระทิงแดง" คนเป็นทวงความยุติธรรมให้คนตาย
คดีวรยุทธ์ อยู่วิทยา ขับรถชน ดาบตำรวจ วิเชียร กลั่นประเสริฐ ตำรวจสน. ทองหล่อ เสียชีวิต เมื่อ8 ปีที่ผ่านมา กลายเป็นกระแสความไม่พอใจที่ร้อนสุดขีดของคนไทยทุกระดับในเวลานี้
หลังจากที่อัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ์ หรือบอส กระทิงแดง ในข้อหาขับรถชนคนตายโดยประมาท และสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ไม่ได้แย้งคำสั่งอัยการ
เมื่ออัยการไม่ฟ้อง ตำรวจไม่มีความเห็นแย้ง ทำให้บอส กระทิงแดง หลุดข้อหาขับรถชนคนตาย ซึ่งเป็นข้อหาเดียวที่เหลืออยู่ หมายจับที่ออกมาก็ต้องถอน บอส กระทิงแดงก็ได้กลับไทย อย่างไร้ความผิด หลังจากที่เผ่นออกนอกประเทศไป3 ปีเพราะหลบหนีการจับกุม ก่อนถูกออกหมายจับไม่กี่วัน
แม้จะอ้างว่า คดีนี้ ตามกฎหมาย ถือว่าทุกอย่างจบ แต่เหตุจากการปิดคดีนี้อย่างค้านสายตาประชาชน กลายเป็นเรื่องงามหน้ากระบวนการยุติธรรมในขั้นสอบสวนไปแล้ว และเป็นคดีประวัติศาสตร์ที่คนเป็นลุกขึ้นทั้งแผ่นดินมาทวงความยุติธรรมให้คนตาย
เพราะ คนไทยวันนี้ ทนไม่ได้ ยอมไม่ได้ ที่“ประเทศไทย...คนรวยทำผิดไม่ติดคุก คุกมีไว้ขับคนจนเท่านั้น” ถ้าขืนปล่อยผ่านไป มันก็จะเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่เรื่องพูดกันเล่นๆขำๆเท่านั้น
ความที่ปรากฏ อันเป็นเหตุให้ประชาชนไม่เห็นด้วยกับ การสั่งไม่ฟ้องคดีของอัยการ ก็เพราะมีการพยายามปิดบังเรื่อง ทั้งที่รู้ว่าเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชนมาตลอดเวลา8 ปีที่เกิดเหตุ
แต่ข่าวการสั่งคดีบอส กระทิงแดง ของ นาย เนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด กลับไม่มีใครรู้ ทั้งที่ปิดสำนวนมาเป็นเดือนแล้ว จนมีสำนักข่าวต่างประเทศปูดออกมา ความจริงจึงได้ปรากฏ ซึ่งเป็นความจริงที่คนไทยส่วนใหญ่ เมื่อรู้แล้ว ก็รับไม่ได้
ด้วยที่ในสำนวนคดีกลับตาลปัตรเป็นว่า ดาบตำรวจวิเชียร กลายเป็นคนทำผิด ขับรถมอเตอร์ไซค์ตำรวจปาดหน้ารถซุปเปอร์คาร์ของมหาลูกเศรษฐี เจ้าของเครื่องดื่มกระทิงแดง สุดท้ายกลับเป็นผู้ต้องหาประมาทร่วม ทำให้ตัวเองถึงแก่ความตาย
จะเป็นวาสนาในคราวเคราะห์ หรืออย่างไรก็ไม่ทราบได้ ที่ดาบวิเชียรตายไปก่อน ถ้าไม่ตายก็คงถูกสั่งฟ้องแน่ๆ เพราะขับรถปาดหน้าเป็นการกระทำผิดโดยประมาท ทำให้นายบอสเสียทรัพย์
ดาบวิเชียร ตายไปพร้อมกับข้อหาทำผิดอาญา แต่อัยการสั่งไม่ฟ้อง เพราะผู้ต้องหาตาย ทำให้สิทธิในการนำคดีอาญามาฟ้องศาลเป็นอันระงับไป
ดาบวิเชียรไม่ได้ความเป็นธรรมในชั้นสอบสวนคดี หรือไม่ ประเด็นนี้ย่อมเป็นที่คลางแคลงสงสัย เพราะการนำพยานบุคคล 2 ปากมาให้ปากคำในคดี เป็นพยานที่เพิ่งโผล่มาภายหลัง เป็นเวลานานถึง6-7 ปีที่เกิดเหตุและดาบวิเชียรตายไป เพราะโดนรถเฟอร์รารี่คันละ35 ล้านบาทชนตายคาที่
แม้ว่าพยานจะเข้ามาตามช่องทางกฎหมายก็จริง แต่เอาตัวมาพูดเรื่องคนตายในภายหลัง ทำให้การให้การในฐานะประจักษ์พยาน จึงไม่รู้และสรุปไม่ได้ว่า พยานให้การเป็นความจริงหรือเป็นเท็จ
เพราะพยานว่า เห็นดาบวิเชียรขับมอเตอร์ไซค์ปาดหน้า จากเลนซ้ายสุดข้ามไปเลนขวาสุด ทำให้นายบอสหยุดรถไม่ทัน และถือเป็นเหตุสุดวิสัย ไม่ใข่ขับรถโดยประมาท
ประเด็นพยานรู้เห็นนี้ ความจริงมีคนรู้ มีคนเห็นขณะเกิดเหตุ และอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุเพียงคนเดียว ไม่ใช่ขับรถตามนายบอส แต่เป็นคนยืนอยู่ริมถนนในบริเวณ คนนี้ตำรวจตามตัวไม่เจอตั้งแต่ เพราะเวลาเกิดเหตุตีห้าเศษๆ ทำให้เห็นหน้าและรูปร่างไม่ชัด
แต่อยู่ๆเมื่อเวลาผ่านไป7 ปี กลับมีพยานบุคคลโผล่มาให้การชักทอดคนตาย เป็นว่าคนตายนั่นแหละทำผิดที่ขับรถปาดหน้า การพูดลอยๆแบบนี้ใครๆก็พูดได้ เพราะเป็นการกล่าวหาคนตาย คนตายพูดไม่ได้ โต้แย้งไม่ได้
ซึ่งคำให้การพยานจะมีน้ำหนักรับฟังได้ แค่ไหน คนในกระบวนการยุติธรรมรู้ดี สำหรับอัยการชุดนี้กลับเชื่อโดยสนิทใจ ปราศจากข้อสงสัย แต่ค้านสายตาคนดูอย่างมาก ยิ่งภายหลัง รู้ว่าพยานคนนี้มีความเป็นมาใกล้ชิดและเป็นคนกันเองกับครอบครัวของนายบอสด้วย จึงมีปฏิกิริยาเรียกร้องให้รื้อประเด็นนี้ มาสะสางกันใหม่
ในความจริง ดาบวิเชียร ตายอย่างไร ในที่เกิดเหตุได้พบร่องรอยว่า รถนายบอสชนดาบวิเชียร จนร่างกระเด็นลอยขึ้นตกฟาดลงหน้ากระโปรงรถ แล้วร่วงลงบนถนน ก่อนจะถูกรถลากไปไกลร้อยกว่าเมตร ประเด็นนี้มีการวินิจฉัยว่า รถที่ชนขับมาด้วยความเร็ว ประมาท177 กิโลเมตร/ชั่วโมง
การคำนวณความเร็วของรถ เป็นไปตามสูตรนิติวิทยาศาสตร์ทุกประการ คนคำนวณเป็นดอกเตอร์ แตเวลาล่วงเลยมา7ปี ความเร็วที่ระบุไว้แต่แรกกลับลดลงเหลือ76 กิโลเมตร/ชั่วโมง อวตารหายไป100 และยังอยู่ในกฎจราจรเป๊ะ ที่กำหนดในกรุงเทพ ขับรถได้ไม่เกินความเร็ว80กิโลเมตร/ชั่วโมง
จึงปรากฏข้อเท็จจริงใหม่ว่า นายบอสขับรถซุปเปอร์คาร์เครื่องแรงจัด อยู่ในระดับความเร็วที่กฎหมายกำหนด จึงผิดขับรถโดยประมาท เมื่อรูปคดีเป็นเช่นนี้ คนตายจึงผิดไปฝ่ายเดียว เพราะขับมอเตอร์ไซค์ปาดหน้า
เมื่อสองพยานเข้าไปในสำนวนคดี เป็นเหตุให้อัยการสั่งไม่ฟ้องนายบอส ส่งผลให้นายบอส กลายเป็นผู้บริสุทธิ์ขึ้นมาโดยทันที แต่หากดาบวิเชียรไม่ตายก็คงไม่รอดที่จะตกเป็นจำเลย แต่ผลสรุปคดีออกมา ตำรวจและอัยการมัวหมองกันทั้งหมด โดยที่ประชาชนก็ยิ่งอยากจะให้มีการพิสูจน์ความจริง
คดีนี้เป็นคดีประวัติศาสตร์ไปแล้ว เพราะเกิดแรงสั่นสะเทือนหน่วยงานยุติธรรมของรัฐ และเขย่าความเชื่อถือรัฐบาล เพราะเหตุที่มันมีเรื่องแทรกซ้อน จากเงิน300 ล้านบาทที่กลุ่มบริษัทกระทิงแดงบริจาคช่วยรัฐบาลแก้ปัญหาวิกฤติโควิด-19 ถูกผูกโยงเข้าไปเป็นเรื่องเดียวกัน
จึงมีคนตั้งข้อสงสัยว่า เป็นการแลกเปลี่ยนช่วยเหลือกันหรือไม่?? แต่พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้ยืนยันแล้วว่า ไม่มีเรื่องอะไรทำนองนี้แน่
แต่จะดีกว่านี้ ถ้าหากพลเอก ประยุทธ์ ไม่โยนกลองปัดความรับผิดชอบ ลงมาเคลียร์คดีนี้ให้ประชาชนได้รู้ความจริง อย่างตรงไปตรงมา
การตั้งกรรมการอิสระตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่นายกรัฐมนตรีได้ ศาสตราจารย์ พิเศษ วิชา มหาคุณ มาเป็นประธาน ก็เป็นจุดเริ่มต้นของการคลี่คลายปัญหานี้ได้อย่างดี แต่ต้องไม่ชักช้า
เพื่อดับกระแสความไม่พอใจที่ลุกลามบานปลาย เพื่อรักษาสถาบันยุติธรรมของรัฐให้อยู่ในความศรัทธาต่อไป บ้านเมืองจะได้ไม่พังพินาศ เพราะคดีลูกชายมหาเศรษฐีเพียงคนเดียว