xs
xsm
sm
md
lg

“เชาว์ มีขวด” ยื่นดีเอสไอเพิกถอนคำชี้ขาดไม่อุทธรณ์คดี “โอ๊ค” ฟอกเงินกรุงไทย

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



MGR Online - อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ส่งเรื่องให้ดีเอสไอพิจารณายื่นศาลเพิกถอนคำสั่งไม่อุทธรณ์คดี โอ๊ค พบข้อกฎหมาย รอง อสส.ไม่มีอำนาจชี้ขาด

วันนี้ (29 ก.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ และประธานชมรมนักกฎหมายอิสระเพื่อความยุติธรรม เข้ายื่นเรื่องต่อ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีดีเอสไอ เพื่อให้ดำเนินการเพิกถอนคำสั่งชี้ขาดความเห็นแย้งคดี นายพานทองแท้ ชินวัตร หรือโอ๊ค บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นจำเลยคดีทุจริตฟอกเงินธนาคารกรุงไทยปล่อยสินเชื่อให้บริษัทในเครือกฤษฎามหานคร โดยขอให้ดีเอสไอในฐานะพนักสอบสวนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียนำประเด็นนี้ไปยื่นต่อศาลปกครอง หรือศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ เพื่อให้เพิกถอนคำชี้ขาดไม่อุทธรณ์ของรองอัยการสูงสุด เนื่องจากเป็นคำสั่งที่สั่งโดยไม่มีอำนาจจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยมี พ.ต.อ.อัครพล บุณโยปัษฎัมภ์ รองอธิบดีดีเอสไอ เป็นผู้รับเรื่อง

นายเชาว์กล่าวว่า สืบเนื่องจากศาลมีคำพิพากษาสั่งยกฟ้องนายพานทองแท้ คดีฟอกเงินปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทย ซึ่งในคำพิพากษาทราบว่ามีผู้พิพากษาท่านหนึ่งเป็นองค์คณะในการทำสำนวน มีความเห็นแย้งว่าควรจะลงโทษจำคุกจำเลย แต่ด้วยเสียงส่วนใหญ่ตามกระบวนการกฎหมายจึงพิพากษายกฟ้อง หลังจากนั้นพนักงานอัยการในฐานะที่รับผิดชอบคดีจะต้องอุทธรณ์ฎีกา ซึ่งพนักงานอัยการได้มีความเห็นไม่อุทธรณ์ และต้องส่งความเห็นมายังอธิบดีดีเอสไอเพื่อให้ความเห็นว่าเห็นพ้องหรือเห็นแย้ง ทั้งนี้ ตามปรากฏข่าวอธิบดีดีเอสไอทำความเห็นแย้งพนักงานอัยการว่าส่งฟ้อง โดยตามกฎหมายต้องส่งความเห็นแย้งไปยังอัยการสูงสุดเพื่อชี้ขาดอีกครั้งว่าจะอุทธรณ์หรือฎีกาหรือไม่

นายเชาว์กล่าวอีกว่า จากปรากฏเป็นข่าวว่าอัยการสูงสุดไม่ได้สั่งคดีเอง แต่ได้มอบหมายหรือมอบอำนาจให้รองอัยการสูงสุด คือ นายเนตร นาคสุข เป็นคนสั่งชี้ขาดแทน ผลคำสั่งคือไม่อุทธรณ์ หากว่าตามกระบวนการกฎหมายก็ถือเป็นที่สิ้นสุด แต่การสั่งคดีนี้เป็นที่เคลือบแคลงสงสัยของสังคมเป็นอย่างมาก เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์หลายเรื่อง และตนเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก คือ อำนาจในการทำความเห็นแย้งนั้นจากการที่ได้ศึกษาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายหลายเล่ม ก็พบความจริงว่าตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาเขียนไว้ชัดเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า อำนาจในการทำคำสั่งชี้ขาดคดีนี้ของนายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด เป็นไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่มีอำนาจที่จะกระทำได้เนื่องจากอำนาจการชี้ขาดความเห็นแย้งกฎหมายบัญญัติไว้ให้เป็นอำนาจของอัยการสูงสุด ที่ถือเป็นดุลพินิจเฉพาะตัวเฉพาะตำแหน่งทางกระบวนการยุติธรรมโดยเฉพาะและไม่อาจมอบอำนาจให้ผู้อื่นทำการแทนได้ แม้จะปฏิบัติราชการแทนอัยการสูดก็ตาม ตามคำวินิจฉัยอัยการสูงสุดที่ 41/2533 ที่แนบท้ายหนังสือนี้และเทียบเคียงแนวคำสั่งฎีกาที่ 30/2542

“ผมในฐานะนักกฎหมายคนหนึ่งอยากเห็นบรรทัดฐานการสั่งคดีของอัยการไม่ว่าจะเป็นคดีใด เกี่ยวพันกับคนใหญ่คนโตหรือไม่ ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของหลักกฎหมายเดียวกัน เมื่อข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายปรากฏชัดว่าอำนาจการชี้ขาดความเห็นแย้งเป็นดุลพินิจเฉพาะตัวเฉพาะตำแหน่งอัยการสูงสุด แต่รองอัยการสูงสุดกลับใช้อำนาจแทนเสียเอง จึงถือเป็นการใช้อำนาจที่ขัดต่อกฎหมาย และยังอยู่ในวิสัยที่จะแก้ไขได้ตามช่องทางกฎหมาย จึงขอให้ใช้สิทธิทางศาลดำเนินการเรื่องนี้เพื่อเป็นบรรทัดฐานทางกฎหมายต่อไป” นายเชาว์กล่าว

ด้าน พ.ต.อ.อัครพลกล่าวว่า เมื่อมีประชาชนมาร้องทุกข์หรือสงสัยประเด็นข้อกฎหมายใด หรือเท็จจริงใด ทางดีเอสไอก็พร้อมที่จะตรวจสอบให้ ประเด็นนี้ถือว่ามีความสำคัญและจะได้ตรวจสอบรายละเอียดว่ามีข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายอะไรบ้างว่าเกี่ยวข้ององค์กรใดบ้าง โดยจะพิจารณาว่าอยู่ในกรอบภารกิจของดีเอสไอหรือไม่ เมื่อเสร็จแล้วก็จะแจ้งให้ผู้ร้องทราบผลการพิจารณาต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น