xs
xsm
sm
md
lg

“โอ๊ค” สะดุ้ง! “เชาว์” จ่อยื่น DSI บี้ศาลถอนคำสั่งไม่อุทธรณ์คดี ชี้ รอง อสส.ไร้อำนาจลงนามแทน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (แฟ้มภาพ)
“ลูกชายแม้ว มีหนาว อดีตโฆษก ปชป. เอาจริง จ่อยื่นหนังสือ DSI พรุ่งนี้ บี้ ร้องศาล เพิกถอนคำสั่งไม่อุทธรณ์คดี เหตุ รอง อสส.ไร้อำนาจลงนามแทน อสส. เพราะเป็นอำนาจเฉพาะตัว ยัน ไร้วาระการเมือง แค่ไม่อยากเห็นกระบวนการยุติธรรมตั้งต้นเสื่อมถอย

วันนี้ (28 ก.ค.) นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัวเรื่องรื้อคำสั่งรอง อสส. คดีโอ๊ค พานทองแท้ มีเนื้อหาระบุว่า เมื่อวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา ผมได้โพสต์เรื่อง “ชี้ช่องข้อกฎหมาย จุดตาย คดี “โอ๊ค พานทองแท้” ที่จะต้องนับหนึ่งใหม่ มีเนื้อหาโดยสรุปชี้ให้เห็นถึง คดี นายพานทองแท้ ชินวัตร จำเลยคดีทุจริตฟอกเงินแบงก์กรุงไทยปล่อยสินเชื่อให้บริษัทในเครือกฤษดามหานคร โดยมีเช็คเงินลงชื่อ นายวิชัย กฤษดาธานนท์ อดีตผู้บริหารบริษัท ที่ได้สินเชื่อจากแบงก์กรุงไทย จำนวน 10 ล้านบาท เข้าบัญชีนายพานทองแท้ ที่ศาลอาญาคดีทุจริตพิพากษายกฟ้อง ซึ่งต่อมา นายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด มีคำสั่งชี้ขาดใม่ยื่นอุทธรณ์ ทั้งๆ ที่อธิบดีดีเอสไอมีความเห็นแย้งให้อุทธรณ์และผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนมีความเห็นแย้งให้ลงโทษจำคุกนายพานทองแท้ สร้างความกังขาให้กับสังคมอย่างมาก มีประเด็นที่จะต้องพิจารณาต่อไปว่าอำนาจในการสั่งชี้ขาดคดีของ นายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เพราะการชี้ขาดความเห็นแย้งกฎหมายบัญญัติไว้ให้เป็นอำนาจของอัยการสูงสุด ที่ถือเป็นดุลพินิจเฉพาะตัวเฉพาะตำแหน่งทางกระบวนการยุติธรรมโดยเฉพาะ และไม่อาจมอบอำนาจให้ผู้อื่นทำการแทนได้ ตามคำวินิจฉัยอัยการสูงสุดที่ 41/2533 และเทียบเคียงแนวคำสั่งฎีกาที่ 30/2542 นอกจากนี้ ยังเทียบเคียงได้กับเรื่องการรับรองอุทธรณ์หรือฎีกาตาม ป.วิอาญา ซึ่งในชั้นอุทธรณ์และฎีกาจะแยกอำนาจของอธิบดีอัยการหรืออัยการสูงสุดระบุไว้แจ้งชัด ดังนั้น การสั่งคดีชี้ขาดความเห็นแย้งของนายเนตร รองอัยการสูงสุด ถึงแม้จะอ้างว่าได้รับมอบอำนาจให้ปฏิบัติราชการแทนอัยการสูงสุด ก็ไม่สามารถกระทำได้ เพราะขณะสั่งคดีนายเนตรไม่ใช่อัยการสูงสุด ผมจึงขอเสนอให้อธิบดีดีเอสไอในฐานะพนักสอบสวนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียนำประเด็นนี้ไปยื่นต่อศาลปกครอง หรือศาลอาญาทุจริตฯให้เพิกถอนคำชี้ขาดไม่อุทธรณ์ของรองอัยการสูงสุดดังกล่าวเสีย เนื่องจากเป็นคำสั่งที่สั่งโดยไม่มีอำนาจจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย และขอให้อัยการสูงสุดทำความจริงประเด็นนี้ให้กระจ่าง ตามแนวคำวินิจฉัยของอัยการสูงสุด เพราะเรื่องนี้หลักสำคัญไม่ได้อยู่ที่คำสั่งชี้ขาดไม่อุทธรณ์แต่อยู่ที่คนชี้ขาดไม่มีอำนาจ

แต่ผ่านมาแล้วเกือบหนึ่งเดือนทุกอย่างเงียบกริบ ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใดๆ จากอธิบดีดีเอสไอที่ถือเป็นผู้มีส่วนได้เสียคดีนี้โดยตรง มีสิทธิยื่นเรื่องต่อศาลปกครองหรือศาลอาญาทุจริตฯให้เพิกถอนคำสั่งชี้ขาดไม่อุทธรณ์ดังกล่าวได้ เพื่อให้คำสั่งที่สั่งโดยไม่มีอำนาจนั้นเป็นโมฆะกลับมาเริ่มต้นกันใหม่ แต่ท่านยังไม่ดำเนินการใดๆ ดังนั้น ในวันพรุ่งนี้ (29 กรกฎาคม) เวลา 11.00 น. ผมจะไปที่ดีเอสไอเพื่อยื่นหนังสือถึงอธิบดีดีเอสไออย่างเป็นทางการ

“ที่ผมทำเรื่องนี้ไม่มีอคติหรือมีวาระการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น แต่ดำเนินการในฐานะนักกฎหมายคนหนึ่งที่อยากเห็นบรรทัดฐานการสั่งคดีของอัยการไม่ว่าจะเป็นคดีใด เกี่ยวพันกับคนใหญ่คนโตหรือไม่ ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของหลักกฎหมายเดียวกัน เมื่อเห็นชัดเจนว่าอำนาจการชี้ขาดความเห็นแย้งเป็นดุลพินิจเฉพาะตัวเฉพาะตำแหน่งอัยการสูงสุด แต่รองอัยการสูงสุดกลับใช้อำนาจแทนเสียเอง จึงถือเป็นการใช้อำนาจที่ขัดต่อกฎหมาย และยังอยู่ในวิสัยที่จะแก้ไขได้ตามช่องทางกฎหมายอธิบดีดีเอสไอในฐานะเจ้าของสำนวนมีความเห็นแย้งให้อุทธรณ์จึงต้องดำเนินการต่อ ทำความจริงประเด็นนี้ให้กระจ่าง ตามแนวคำวินิจฉัยของอัยการสูงสุด” นายเชาว์ ระบุทิ้งท้าย


กำลังโหลดความคิดเห็น