“ข่าวลึก ปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน 2563 ตอน “บิ๊กป้อม” มาแล้วอยู่ยาว ปูทาง พปชร.ลุยอีกสมัย
บิ๊กป้อม พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ บิ๊กบราเธอร์สแก่งบูรพาพยัคฆ์ ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค พลังประชารัฐ ไปเรียบร้อยแบบนอนมา ม้วนเดียวจบหลังจากมีการประชุมใหญ่พรรคพลังประชารัฐทำพิธีกรรมในการเชิญ “บิ๊กป้อม” รองนายกรัฐมนตรี ขึ้นสู่ตำแหน่งประมุขพรรค อย่างเป็นทางการ
พรรคพลังประชารัฐต้องการพลเอกประวิตร เข้ามาเป็นหัวใจของพรรค เพราะเริ่มมีปัญหาคนในพรรคกำลังตั้งท่าจะรบกัน ขืนปล่อยให้เหตุการณ์ผ่านไปอีกไม่นาน ปัญหาความขัดแย้งภายในอาจจะเป็นเรื่องยากแก่การแก้ไขได้
ดังนั้น ในจังหวะเฉพาะหน้านี้ จึงต้องรีบเร่งใช้บริการบิ๊กป้อมมาเป็นผู้ใหญ่ ดับไฟความขัดแย้งของกลุ่มก๊วนการเมืองต่างๆ เพราะทุกก๊วนต่างให้ความนับถือและยอมรับบิ๊กป้อม
แต่ที่พรรคพลังประชารัฐให้เหตุผลในการขอ“บิ๊กป้อม” ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคนั้น คือความเป็นสถาบันการเมือง คำนี้ถือว่า มีนัยยะ น่าคิดอย่างมาก เพราะแต่เดิมนั้น พรรคพลังประชารัฐตั้งใจสร้างขึ้นมาเป็นพรรคเฉพาะกิจ เพื่อต่อวีซ่าให้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย
เมื่อกาลเวลาผ่านไป หลังจากการเลือกตั้งที่ผ่านมา ปรากฏว่า พรรคพลังประชารัฐได้คะแนนเหนือความคาดหมาย กวาด ส.ส.เกินกว่าเป้าหมายที่คิดไว้ และสถานการณ์หน้าเสื่อการเมืองขณะนี้ ก็เปลี่ยนแปลงไปมาก
ถือว่า เป็นการแปรเปลี่ยนที่เป็นโอกาสของพรรคพลังประชารัฐที่จะอยู่ยาวต่อไป ในท่ามกลางมีความได้เปรียบกับพรรคการเมืองใหญ่ขนาดใหญ่ หน้าตักหนาด้วยกัน
อย่างเช่น ปัญหาความตกต่ำของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ไร้ผู้นำที่มีบารมีทางการเมือง ซึ่งทำให้กองเชียร์ฝั่งปชป. จำนวนไม่น้อยหันไปสนับสนุน “บิ๊กตู่” แทน สถานการณ์ก็ยิ่งเน้นให้พรรคพลังประชารัฐแข็งแกร่งขึ้นมาก
ขณะที่ฝ่ายตรงข้า คือพรรคเพื่อไทยเองอยู่ในช่วงตกต่ำ หลังทักษิณ ชินวัตร นายใหญ่เพื่อไทย ปล่อยมือ ไม่จ่ายท่อน้ำเลี้ยง ปล่อยให้ ส.ส.หากินกันเอง ทำให้เกิดปัญหาอดอยากปากแห้ง ซึ่งว่ากันว่า เหตุผลหนึ่งที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย อยากให้มีการเลือกตั้งมีขึ้นเร็วๆ
ก็เพราะต้องการที่จะย้ายพรรคไปอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ เพื่อความอยู่รอด เนื่องจากส.ส.เหล่านี้รู้ว่า ทักษิณไม่มีทางตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ หากรู้ว่า สงครามครั้งนี้ไม่มีทางชนะ และตราบใดที่ท็อปบูตยังแสดงท่าทีหลงกลิ่นการเมือง ที่จะต้องการลากยาวในอำนาจ พวกเขานักการเมือง ก็จำเป็นต้องเอาตัวรอด
สังเกตจากการเลือกตั้งซ่อม 2 ครั้งล่าสุดที่ขอนแก่น และลำปาง โดยเฉพาะครั้งที่ลำปาง พินิจ จันทรสุรินทร์ นักการเมืองลายคราม หักมุมไม่ส่งผู้สมัคร โดยอ้างว่า ต้องการเล่นการเมืองท้องถิ่น
ทั้งที่จริงแล้ว พินิจนั้นรู้ว่า ต่อให้อัดกระสุนดินดำเพื่อคว้าชัยชนะมาได้ แต่จะมีประโยชน์ใด หากยังต้องอยู่เป็นฝ่ายค้าน ที่สุดจึงปล่อยมือ และให้พรรคพลังประชารัฐชนะแบบง่ายดาย
กระแสทักษิณเองไม่ได้เปรี้ยงปร้าง เหมือนแต่ก่อน และถ้าจะว่าไปแล้ว วันนี้ศัตรูของท็อปบูตที่แท้จริงคือ พรรคก้าวไกล และคณะก้าวหน้า ไม่ใช่ทักษิณ หรือและพรรคเพื่อไทย
นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญยิ่ง ที่เป็นการตัดสินให้ “บิ๊กป้อม” ลงมาทำพรรคเอง ซึ่งตอนนี้อาจจะมองได้ด้วยว่า ทางด้าน “บิ๊กตู่” พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็คงตั้งใจจะอยู่ในอำนาจไปอย่างน้อย อีก 1 สมัย เต็มโควตาตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดเอาไว้ 8 ปี
นอกจากนี้ บรรดาคนใกล้ตัวยังช่วยกระตุ้นให้นึกถึงความเป็นไปได้ว่า จะสะบัดต่ออีกสักสมัยก็มีโอกาส เพราะเพียบพร้อมด้วยศักยภาพครบถ้วน ทั้งเงิน อำนาจ และสภาพไม่สมบูรณ์ของฝ่ายค้าน ทำให้ครั้งหน้าบิ๊กตู่มีโอกาสนอนมาแน่ๆ
บทบาทของ “บิ๊กป้อม” หลังจากนี้คือ จะเน้นการทำพื้นที่ สั่ง ส.ส.ลงพื้นที่ โหมผลงานรัฐบาลผ่านสื่อ เพื่อตุนแต้ม ปูทางให้กับน้องรักอย่าง “บิ๊กตู่”
รอแค่เพียงจังหวะดี ประเมินว่า เป็นช่วงเวลาที่พรรคกำลังขึ้นหม้อ ก็ประกาศยุบสภา ซึ่งมีข่าววงในว่า มันอาจเร็วกว่าที่เราคิดเอาไว้
ไม่รอให้ครบ 4 ปี เพราะ “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” ก็อึดอัดกับสภาวะบริหารที่ไม่สามารถทำได้เบ็ดเสร็จ เพราะกระทรวงสำคัญอยู่ที่พรรคร่วมรัฐบาลหมด
ดังนั้น ที่ว่าบิ๊กป้อม พลเอก ประวิตร จะรั้งตำแหน่งหัวหน้าพรรค พลังประชารัฐ ชั่วคราวประเดี๋ยวประด๋าว แค่6 เดิอนก็จะลุกไปพักผ่อนแล้ว จึงเป็นเพียงคำลวง เป็นกลยุทธ์ การสับขาหลอก ของจริงคือ บิ๊กป้อมจะอยู่ยาว เพื่อเป็นแม่ทัพสู้ศึกเลือกตั้งครั้งต่อไป ต่างหาก