รายการ “ข่าวลึก ปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันจันทร์ที่ 9 มีนาคม 2563 ตอน พปชร.-อนค.ขโมยซีนแก้ รธน. “ปชป.” ร้อนรน ชูรื้อแต่ไร้บท
กระแสแก้ไขรัฐธรรมนูญกำลังมาแรง ทำให้นึกถึงพรรคประชาธิปัตย์ขึ้นมา เพราะหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ ยอมลงเรือแป๊ะ เป็นพรรคร่วมในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ
และนั่นเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถูกบรรจุอยู่ใน 1 ใน 12 นโยบายเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องทำภายใน 1 ปี
ขณะเดียวกัน ประชาธิปัตย์ยังพยายามจะเป็น “เจ้าภาพ” เพื่อให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้สำเร็จ ภายใต้ยี่ห้อพระแม่ธรณีบีบมวยผม โดยการผลักดัน “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มาเป็นประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์ และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญปี 2560
หากแต่ชื่อของ “อภิสิทธิ์” มันแสลงใจ 3 ป. และพรรคพลังประชารัฐ ทำให้ชื่อนี้ไม่ผ่านเซนเซอร์ เพราะไม่เป็นที่ไว้วางใจของแกนนำรัฐบาล
ขณะที่แกนนำรัฐบาลแก้ลำด้วยการผลักดัน “เสี่ยตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่เพิ่งลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมีดีกรีเป็นถึงอดีตผู้พิพากษา อดีต รมว.ยุติธรรม และที่สำคัญคือ เป็นคู่แข่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กับ “อภิสิทธิ์”
จากนั้นบทบาทของพรรคประชาธิปัตย์เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญค่อยๆ หายไป ขณะที่เวทีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถูกโอนความสนใจไปที่ “พีระพันธุ์”
ข่าวคราวการแก้ไขรัฐธรรมนูญค่อนข้างเงียบ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะยังอยู่ในกระบวนการศึกษา รับฟังความเห็น ยังไม่สะเด็ดน้ำ ว่าจะแก้ไขเรื่องใดบ้าง
กระทั่งมาได้รับความสนใจอีกครั้ง หลังปรากฎการณ์ “แฟลชม็อบ” ของนักศึกษาอันเนื่องมาจากความไม่พอใจกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ คดีที่ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค ปล่อยกู้เงินจำนวน 191 ล้านบาท
ประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นหนึ่งในเรื่องที่พูดถึงมาก เพราะฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามรัฐบาลมองว่า ไม่เป็นประชาธิปไตย และต้องได้รับการแก้ไข
ฝ่ายรัฐบาลที่ต้องการประนีประนอม ไม่ให้ “แฟลชม็อบ” ขยายลุกลามออกนอกรั้วรัฐบาล พยายามจะเปิดเวทีให้แสดงออก จึงใช้กลไกของคณะกรรมาธิการฯ ชุดนี้เข้าไปเป็นหนึ่งในแผนสยบไฟที่กำลังจะลามทุ่ง
“พีระพันธุ์” ตัดสินใจส่ง “เสี่ยไก่” วัฒนา เมืองสุข สมาชิกพรรคเพื่อไทย ที่คลุกคลีอยู่กับการเคลื่อนไหวเรียกร้องต่างๆ ของฝ่ายตรงข้าม ในฐานะประธานอนุกรรมาธิการประชาสัมพันธ์และรับฟังความคิดเห็นของประชาชน เข้าไปรับฟังความคิดเห็นของนักศึกษา
เนื่องจากต้องการดึงขบวนการเคลื่อนไหวในรั้วสถาบันเข้าสู่ระบบ เพื่อแสดงให้เห็นว่า รัฐให้ความสำคัญกับนิสิตนักศึกษา โดยการรับฟังความเห็นในเวทีที่เป็นทางการอย่างคณะกรรมาธิการศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ขณะเดียวกัน “พีระพันธุ์” ซึ่งเป็นตัวแทนฝ่ายรัฐบาล ยังพยายามให้ซีนแก่ฝ่ายค้าน ที่นั่งอยู่ในคณะกรรมาธิการฯ ให้มีบทบาทมากขึ้น เพื่อสร้างความไว้วางใจแก่นิสิตนักศึกษา
โดยเฉพาะให้แก่บทบาทแก่ “อนุกรรมาธิการประชาสัมพันธ์และรับฟังความคิดเห็นของประชาชน” ที่มี “เสี่ยไก่” เป็นประธาน ออกตระเวนรับฟังความเห็นทั่วประเทศ
ให้ “รังสิมันต์ โรม” ส.ส.บัญชีรายชื่อ อดีตพรรคอนาคตใหม่ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการฯ และ ชัยธวัช ตุลาธน ผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมาธิการ ซึ่งรับรู้กันดีว่า มีบทบาทอย่างมากในอดีตพรรคอนาคตใหม่ และเป็นอดีตเลขาธิการสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) ขับเคลื่อนงานเรื่องนี้ตามหน้าสื่อ
โดยในวันที่ 13 มีนาคม คณะอนุกรรมาธิการฯชุดนี้ จะเริ่มเปิดรับฟังความเห็นจากตัวแทนนักศึกษาร่วม 100 คน ซึ่งได้มีการประสานไปยังองค์การนักศึกษา สโมสรนักศึกษา และสภานักศึกษาของแต่ละมหาวิทยาลัย
จะเห็นว่า ซีนการขับเคลื่อนงานเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตกไปเป็นของ 2 พรรคคือ พรรคพลังประชารัฐ กับอดีตพรรคอนาคตใหม่
“พีระพันธุ์” ไม่ใช่คนของพรรคประชาธิปัตย์ ขณะเดียวกัน แม้จะไม่ใช่สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ แต่ทำงานใกล้ชิดกับ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม และผู้มีอำนาจในรัฐบาล จึงไม่ต่างอะไรกับการทำหน้าที่ในนามพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะแกนนำรัฐบาล
ส่วนอดีตพรรคอนาคตใหม่ เป็นเหมือนตัวแทนจากฝ่ายตรงข้าม หรือคู่ขัดแย้ง ที่อยู่ในกลไกรัฐสภา ซึ่งประสงค์จะแก้ไขรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว
“ประชาธิปัตย์” เจ้าของโปรเจกต์แก้ไขรัฐธรรมนูญ และเป็นผู้ที่ทำให้ต้องมีการตั้งคณะกรรมาธิการฯชุดนี้ แทบจะไม่มีซีนใดๆ เลย
การไร้ซีนของพรรคสีฟ้าในเรื่องนี้ ส่งผลต่อจุดยืนประชาธิปัตย์ จึงไม่แปลกที่จะเห็น เทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช 1 ในกรรมาธิการฯ ตัวแทนจากพรรคประชาธิปัตย์ อยู่ไม่สุข ออกอาการในเรื่องนี้ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
ไม่ว่าจะเป็นการคัดค้านเรื่องการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นนักศึกษาที่ “พีระพันธุ์” ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการฯ มอบหมายให้อนุกรรมาธิการฯ ไปดำเนินการ เพราะมองว่า จะไม่สามารถเกิดผลในทางปฏิบัติได้
ขณะเดียวกัน ยังอ้างว่า คณะกรรมาธิการฯชุดนี้มีหน้าที่เพียงศึกษาปัญหาและหลักเกณฑ์การแก้ไขรัฐธรรมนูญ พร้อมกับเสนอให้ “ชวน หลีกภัย” ประธานรัฐสภา แต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิชุดหนึ่งขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่ศึกษารัฐธรรมนูญปี 2540 และ 2550 มาศึกษาปรับปรุง
การเสนอให้ตั้งผู้ทรงคุณวุฒิขึ้นมาอีกชุดของ “เทพไท” ถือเป็นการลดทอนอำนาจของคณะกรรมาธิการฯชุด “พีระพันธุ์” ที่แม้จะมีตัวแทนจากพรรคประชาธิปัตย์ แต่ก็เป็นสัดส่วนที่น้อย ไม่สามารถสร้างอะไรได้
เทพไทสื่อมาล้วนเป็นอาการที่แสดงให้เห็นว่า พรรคประชาธิปัตย์กำลังร้อนรนกับการไร้ซีนในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และอยากจะเข้ามามีบทบาทในครั้งนี้ด้วย
เพราะการ “ตกขบวน” ในขณะที่ตัวเองหาเสียงเรื่องนี้เอาไว้ จะส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้งในครั้งหน้า ที่ไม่ได้ทำตามที่สัญญาเอาไว้
“ประชาธิปัตย์” เจอปัญหาเรื่องจุดยืนพอสมควร ตั้งแต่เรื่องการประกาศไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ แต่สุดท้ายมาเข้าร่วม รวมถึงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่พอเป็นรัฐบาลแล้ว แทบไม่ให้ความสำคัญ เหมือนเป็นแค่การโฆษณาชวนเชื่อเท่านั้น
จวนตัว เลยจำเป็นต้องออกมา “มีซีน”