ส.ส.เมืองคอน ปชป. มองรัฐเจอสถานการณ์ต่างๆ รุมเร้า แนะเปิดประชุมสภาวิสามัญ ดึงสารพัดปัญหามาถกในสภา ดีกว่าปล่อยแก้ตามยถากรรมจนถึงชุมนุมข้างถนน สุ่มเสี่ยงการกลับมาของอำนาจนอกระบบ
วันนี้ (8 มี.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองที่ร้อนแรง และมีปัญหาต่างๆ มากมายคอยรุมเร้ารัฐบาล นับตั้งแต่เสียงเรียกร้องให้มีการปรับ ครม. การชุมนุมของนิสิตนักศึกษา ปัญหาการแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 และกระแสเสียงสนับสนุนจากกองเชียร์ลดน้อยถอยลงเป็นลำดับ ซึ่งรัฐบาลต้องรีบเร่งปรับเปลี่ยนวิธีคิด หรือแนวทางการทำงานใหม่ ถ้าหากยังย่ำอยู่กับแนวความคิดแบบเดิมๆ รัฐบาลก็จะล้าหลังกว่ามวลชน และจะตกขบวนของสังคมไปในที่สุด จากปัญหามากมายที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ถ้ารัฐบาลไม่แก้ปัญหาในเชิงรุก ก็ต้องกลับมาเป็นฝ่ายตั้งรับเสียเอง จากข้อเสนอให้รัฐบาลเป็นเจ้าภาพในการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ เพื่อนำปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ มาพูดคุยอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร ดีกว่าปล่อยให้ปัญหาต่างๆ ลุกลาม หรือเคลื่อนไหวภายนอกสภา ซึ่งอาจจะพัฒนาเป็นการชุมนุมตามท้องถนนได้ นับว่าไม่เป็นผลดีต่อสถานการณ์ของบ้านเมืองอย่างแน่นอน
สำหรับความหวังเรื่องการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ เพื่อรับฟังปัญหาและข้อเสนอของสมาชิกรัฐสภานั้น ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของฝ่ายรัฐบาลเท่านั้น เพราะการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ ตามมาตรา 123 ต้องใช้เสียง 1 ใน 3 ของสมาชิกรัฐสภา คือ 250 คน จะมีแต่สมาชิกฝ่ายรัฐบาล กับสมาชิกวุฒิสภาเท่านั้น ที่จะใช้เสียง 1 ใน 3 เข้าชื่อยื่นต่อประธานรัฐสภา เพื่อขอให้เปิดสภาสมัยประชุมวิสามัญได้ ส่วนสมาขิกพรรคร่วมฝ่ายค้านหมดสิทธิ์ที่จะใช้เงื่อนไขตามมาตรา 123 เพราะฝ่ายค้านในขณะนี้มีเสียงประมาณ 230 เสียงเท่านั้น
ส่วนการใช้ช่องทางตามมาตรา 165 เป็นสิทธิ์ของรัฐบาลโดยตรง ที่จะใช้โอกาสนี้เปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ เพื่อให้มีการอภิปรายทั่วไปเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากสมาชิกรัฐสภาโดยไม่มีการลงมติ แต่ถ้าสำรวจดูจากท่าทีของฝ่ายรัฐบาลก็ยังไม่มีวี่แววใดๆ ว่า มีความต้องการจะให้มีการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญแต่ประการใด ซึ่งเห็นได้จากการส่งสัญญานจากประธานวิปรัฐบาล ที่ส่งข้อความห้าม ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล ลงชื่อในญัตติการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญอย่างชัดเจน ส่วนการออกมาปฏิเสธว่าไม่มีการห้าม ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลลงชื่อนั้น ก็ไม่เป็นความจริง เพราะในหมู่สมาชิกพรรคร่วมรัฐบาลเป็นที่รับรู้กันทุกคน ว่า รัฐบาลไม่ต้องการให้มีการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ และจนบัดนี้ยังไม่มีท่าทีใดๆ ต่อการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญจากรัฐบาลเลย ส่วนการที่มีข้อเสนอให้นำปัญหาที่เกิดขึ้นเข้าสู่การแก้ปัญหาผ่านคณะกรรมาธิการสามัญประจำสภาผู้แทนราษฎรนั้น เป็นการแก้ปัญหาไม่ถูกจุด เกาไม่ถูกที่คัน เพราะหลายปัญหาเป็นปัญหาการเมือง ต้องระดมความคิดจากหลายๆ ฝ่าย และต้องมีคณะกรรมาธิการวิสามัญเป็นการเฉพาะโดยตรงจะเหมาะสมกว่า
“เมื่อสถานการณ์บ้านเมืองเดินมาถึงตอนนี้แล้ว ก็เป็นทางเลือกของรัฐบาลในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ว่ารัฐบาลจะนำปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้นนำเข้าสู่รัฐสภาเพื่อปัญหาในระบบ หรือจะปล่อยให้ปัญหาที่เกิดขึ้นกระจัดกระจายอยู่บนท้องถนน แก้ปัญหากันไปตามยถากรรม ซึ่งจะเป็นการล่อแหลม และสุ่มเสี่ยงต่อการกลับมาของอำนาจนอกระบบเป็นอย่างยิ่ง”