“เทพไท”ค้านเปิดประชุมวิสามัญแก้ปัญหาชุมนุมนักศึกษา ชงใช้กมธ.วิสามัญศึกษาแก้รธน. ลดดีกรีสถานการณ์ แนะรัฐบาลเป็นเจ้าภาพแก้รธน.
วันนี้ (2 มี.ค.) เมื่อเวลา 11.55 น. ที่รัฐสภา นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงข้อเสนอของส.ส.หลายคนเรียกร้องให้เปิดสมัยประชุมวิสามัญ เพื่อที่จะนำปัญหาการชุมนุมของนักศึกษามาพูดคุยในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร และตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญโดยให้นักศึกษาเข้าร่วม ว่า ส่วนตัวไม่ขัดข้องถ้าจะเปิดประชุมวิสามัญเพื่อเสนอญัตติเรื่องนี้ ตนในฐานะอดีตผู้นำนักศึกษาคนหนึ่งคงจะใช้สิทธิ์อภิปรายและใช้มุมมองในฐานะผู้มีประสบการณ์เป็นผู้นำนักศึกษาเสนอความเห็นต่อที่ประชุมและรัฐบาลได้ แต่สิ่งที่กังวล คือ กว่าจะมีการเสนอให้เปิดวิสามัญได้ กว่าจะตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาเรื่องดังกล่าว จะเสียเวลาประมาณ 3 เดือน ซึ่งเป็นเวลาที่ยาวนาน ขณะเดียวกันสถานการณ์ตอนนี้กำลังร้อนแรงนักศึกษาก็กำลังชุมนุมอยู่ทุกวัน และอาจจะขยายตัวไปสู่ทุกภูมิภาคทุกจังหวัด ที่สำคัญขณะนี้ยังลุกลามจากนิสิตนักศึกษาไปสู่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ซึ่งต่างจังหวัดก็มีความเคลื่อนไหว ซึ่งถือว่าเป็นสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง
“ดังนั้น การที่จะมาเปิดวิสามัญและตั้งกรรมาธิการ เกรงว่ากว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้เสียก่อน จึงขอเสนอให้รัฐบาลไปฟังความเห็นข้อเรียกร้องข้อเสนอของกลุ่มนักศึกษาที่ชุมนุมว่ามีอะไรบ้าง จากนั้นให้นำมาพิจารณาโดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อเสนอที่เรียกร้องให้แก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันให้เป็นประชาธิปไตย คิดว่าเรื่องนี้สามารถรับได้ทันที และน่าจะเป็นการปลดล็อคชนวนได้ในระดับหนึ่ง เพราะ 1.เรามีคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาหลักเกณฑ์แนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว ซึ่งผมก็เป็นกรรมาธิการคนหนึ่ง จึงคิดว่าใช้ช่องทางนี้นำข้อเสนอของนักศึกษามาเข้าในชุดนี้ได้เลย หรือ2.ถ้าจะให้รวดเร็วกว่านี้ รัฐบาลก็เปิดวิสามัญแก้ไขรัฐธรรมนูญไปเลย โดยอาจให้กรรมาธิการวิสามัญเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นของนักศึกษาปัญญาชนและนำสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญในสภาผู้แทนราษฎรเลย แบบนี้ถือว่าสั้นม้วนเดียวจบ” นายเทพไท กล่าว
นายเทพไท กล่าวอีกว่า ข้อเสนอดังกล่าวไม่ได้ขัดต่อแนวทางของรัฐบาล เพราะรัฐบาลมีนโยบายเร่งด่วนอยู่แล้วในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ อีกทั้งยังสามารถที่จะปลดล็อค ลดดีกรีความร้อนแรงของการชุมนุมของนักศึกษาได้ในระดับหนึ่ง และหากรัฐบาลเป็นเจ้าภาพในการแก้ไขรัฐธรรมนูญเสียเองจะเป็นเรื่องง่ายที่จะขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ซึ่งวุฒิสภาเป็นอุปสรรคสำคัญและเป็นชนวนสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่สำเร็จ ทั้งนี้ ถ้าจะแก้หรือถ้าจะเปิดสมัยประชุมวิสามัญไม่ควรที่จะตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาเรื่องนี้อีกแล้ว เพราะเป็นการเสียเวลา เป็นการซื้อเวลา ไม่เกิดประโยชน์กับสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้