“เทพไท” จี้ “บิ๊กตู่” โชว์ความกล้าหาญเผชิญความจริง สั่งเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญนำสารพัดปัญหาบ้านเมืองเข้าหารือ ดักคอนักการเมืองอย่าอ้างสุขภาพตัวเองสำคัญกว่าประชาชน
วันนี้ (16 มี.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสเรียกร้องให้มีการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาการแก้ปัญหาไวรัสโควิด-19 ว่า เรื่องนี้ตนได้นำเสนอความเห็นต่อสังคม และต่อรัฐบาลมานาน เพราะเห็นว่าทุกปัญหาที่เกิดขึ้นของรัฐบาลควรจะนำเข้าสู่การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อรับฟังความคิดเห็นของ ส.ส.ทั้งหมด ซึ่งที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรจะเป็นเวทีแก้ปัญหาให้ประชาชนได้ ยิ่งสถานการณ์ในขณะนี้รัฐบาลมีปัญหาและจำเป็นจะต้องแก้ไขและได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญขึ้นเพื่อรับฟังความเห็นอย่างน้อย 3 เรื่อง คือ 1. การแก้ปัญหาเชื้อไวรัสโควิด-19 2. การชุมนุมของนักศึกษาในเรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และ 3. การแก้ปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชน
นายเทพไทกล่าวว่า หากรัฐบาลรีบตัดสินใจเปิดสภาสมัยวิสามัญ ตามมาตรา 165 ที่บัญญัติว่า “ในกรณีที่มีปัญหาสําคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินที่คณะรัฐมนตรี เห็นสมควรจะฟังความคิดเห็นของ ส.ส.และ ส.ว. นายกรัฐมนตรีจะแจ้งไปยังประธานรัฐสภาขอให้มีการเปิดอภิปรายทั่วไปในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาก็ได้ ในกรณีเช่นว่านี้ รัฐสภาจะลงมติในปัญหาที่อภิปรายมิได้” ก็จะเป็นโอกาสดีที่ตัวแทนประชาชนสามารถสะท้อนปัญหาและความรู้สึกของประชาชนทั้งหมดให้รัฐบาลได้รับทราบ และประมวลปัญหาทั้งหมดไปปรับปรุงและหาแนวทางแก้ไขต่อไป
ส่วนการที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ออกมาคัดค้าน โดยใช้ข้ออ้างเงื่อนไขการป้องกันการแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 ว่าเป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น เพราะการประชุมสภามีมาตรการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ไว้เป็นอย่างดี ได้มีการคัดกรองก่อนเข้าอาคารรัฐสภา และสามารถขอความร่วมมือให้ ส.ส.สวมหน้ากากอนามัยระหว่างที่อยู่ในห้องประชุมได้ทุกคน
นายเทพไทกล่าวว่า การยกข้ออ้างปัญหาสุขภาพของตัวเองสำคัญกว่าปัญหาสุขภาพของประชาชนทั้งประเทศชาติ เป็นเหตุผลที่เห็นแก่ตัวเองมากเกินไป อีกทั้งยังมีความเคลื่อนไหวของพรรคร่วมฝ่ายค้านกำลังล่ารายชื่อเพื่อเสนอญัตติขอเปิดประชุมวิสามัญ ตามมาตรา 123 แล้ว ตนจึงขอเสนอให้วิปรัฐบาลนัดประชุมกำหนดท่าทีในเรื่องนี้ว่า จะสนับสนุนการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญหรือไม่ หรือจะปล่อยให้เป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล สามารถลงชื่อในญัตติของพรรคร่วมฝ่ายค้านได้ ส่วนตัวเห็นว่าเพื่อไม่ให้รัฐบาลเสียหน้า หรือเสียเครดิตทางการเมือง ฝ่ายรัฐบาลควรจะชิงการนำเรื่องนี้ตัดหน้าฝ่ายค้านไปก่อนก่อน ถ้าหากเป็นนายกรัฐมนตรีมาจากการเป็น ส.ส.คงจะตัดสินใจใช้มาตรา 165 เปิดสภาสมัยวิสามัญไปนานแล้ว แต่เมื่อเรามีนายกรัฐมนตรีที่ไม่ใช่นักการเมืองอาชีพ อาจจะกลัวการใช้เวทีการประชุมสภา หลอกด่ารัฐบาล เหมือนที่สมาชิกพรรคพลังประชารัฐบางคนกังวล แต่ก็มีแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้านออกมายืนยันแล้วว่าจะไม่พูดนอกกรอบของปัญหาอย่างแน่นอน
“อยากให้นายกฯ กล้าเผชิญหน้ากับความจริง พร้อมที่จะรับฟังความเห็นจากส.ส.ทุกคน และให้ความสำคัญกับเวทีสภามากกว่า ช่องทางอื่น จึงขอเรียกร้องให้ท่าน ได้ใช้ความกล้าหาญ ใช้ความใจกว้าง ใช้ความจริง เข้าสู้กับปัญหาทั้งหมด อยากให้รัฐบาลเป็นเจ้าภาพเสนอเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญตามมาตรา 165 ให้เร็วที่สุด” นายเทพไทกล่าว