“ไพบูลย์” ค้านเปิดสภาประชุมวิสามัญเพื่อพิจารณาการแก้ไขปัญหาเชื้อโควิด-19 และภัยแล้ง ตามข้อเสนอของพรรคเพื่อไทย เหตุฝ่าฝืนมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส
วันนี้ (14 มี.ค.) นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ แสดงความเห็นคัดค้านกรณีที่พรรคเพื่อไทย จะเสนอญัตติเปิดสมัยประชุมวิสามัญของสภาผู้แทนราษฎร ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 123 เพื่อพิจารณาการแก้ไขปัญหาการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 การแก้ไขปัญหาภัยแล้ง การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง และการแก้ไขปัญหาการชุมนุมของนักศึกษาในประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อขอความคิดเห็นจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
โดยเห็นว่าในขณะนี้รัฐบาลอยู่ระหว่างปฏิบัติการป้องกันการแพร่ระบาดของ ไวรัสโควิด-19 กำหนดให้มีมาตรการระยะเร่งด่วน สำหรับการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 14 ข้อ ซึ่งหนึ่งในมาตรการได้แก่การให้ส่วนราชการ และหน่วยงานอื่นของรัฐขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการภาคเอกชนให้หลีกเลี่ยง หรือเลื่อนการจัดกิจกรรมที่มีการรวมตัวของประชาชนจำนวนมาก และอาจมีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคโดยไม่จำเป็น เช่น การแข่งขันกีฬา การจัดคอนเสิร์ต และการจัดมหรสพ
ดังนั้น หากมีการเปิดสมัยประชุมวิสามัญเพื่อให้มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร จะกลายเป็นการนำ ส.ส.จำนวน 500 คนและคณะรัฐมนตรีไปร่วมประชุมในที่เดียวกัน ทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะมีการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ในการประชุมสภาโดยไม่จำเป็น และยังเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีต่อภาคเอกชนที่รัฐบาลขอความร่วมให้หลีกเลี่ยง หรือเลื่อนการจัดกิจกรรมที่มีการรวมตัวของประชาชนจำนวนมาก
นายไพบูลย์ กล่าวต่อว่า ในขณะนี้รัฐบาลและประชาชนทั้งประเทศ ได้ตื่นตัวร่วมกันปฏิบัติการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างเต็มที่ ทำให้เดิมช่วงแรก ข้อมูล ณ 23 ม.ค. 63 ไทยเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อลำดับที่ 2 รองจากประเทศจีน แต่ปัจจุบันไทยมีผู้ติดเชื้อ 75 คน เสียชีวิต 1 คนอยู่ในลำดับที่ 44 โดยมีประเทศที่มีผู้ติดเชื้อมากกว่าไทย เช่น อิตาลี อิหร่าน เกาหลีใต้ สเปน เยอรมนี ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา สวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ มาเลเซีย เป็นต้น
ดังนั้น ตนในฐานะเป็น ส.ส.จึงเห็นว่า ไม่ควรมีการเปิดสมัยประชุมวิสามัญเพื่อให้มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรขึ้น เพราะจะกลายเป็นการฝ่าฝืนมาตรการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีต่อสังคมไทย ส่วนการแสดงความคิดเห็น เพื่อสะท้อนปัญหาการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สื่อมวลชนและประชาชนทั้งประเทศก็ได้ตื่นตัว แสดงความคิดเห็นไปให้รัฐบาลโดยตรงอยู่แล้ว ซึ่งรัฐบาลก็รับฟังและนำไปปรับปรุงปฏิบัติการแก้ไขปัญหาวิกฤตการระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างเต็มที่ ดังนั้น ส.ส. ก็สามารถเสนอความเห็นโดยตรงหรือผ่านสื่อมวลชนไปยังรัฐบาลได้เช่นเดียวกัน