แกนนำ พท. แถลงเคาะมติเสนอญัตติเปิดสมัยประชุมวิสามัญ เพื่อพิจารณาแก้วิกฤตประเทศ โควิด-19 รวมถึงภัยแล้ง ปากท้อง แฟลชม็อบ ติง รบ.สร้างความสับสนไม่มั่นใจ กระทบ ศก.
วันนี้ (12 มี.ค.) นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงภายหลังการประชุม ส.ส.พรรคเพื่อไทย เป็นกรณีพิเศษ เพื่อหารือถึงสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ว่า ส.ส.เพื่อไทย มองเห็นวิกฤตการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 หลังการดำเนินของรัฐบาลเรื่องนี้กลับไปกลับมา จนทำให้ประชาชนสับสน ล่าสุด ทราบว่า รัฐบาลมีวัตถุประสงค์ที่จะปล่อยให้ผู้ที่ต้องถูกติดดามเฝ้าระวัง กลับไปพักฟื้นตามภูมิลำเนา ซึ่ง ส.ส.พรรคเพื่อไทย เป็นห่วงอย่างยิ่ง
นายสมพงษ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้หารือถึงปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชน ปัญหาภัยแล้ง และการชุมนุมของนักศึกษาที่ออกมาเรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส.ส.พรรคเพื่อไทย จึงมีมติร่วมกันว่าจะดำเนินการเสนอญัตติเปิดสมัยประชุมวิสามัญ ของสภาผู้แทนราษฎร ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 123 เพื่อพิจารณาการแก้ไขปัญหาวิกฤตของประเทศ การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 การแก้ไขปัญหาภัยแล้ง การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง และการแก้ไขปัญหาการชุมนุมของนักศึกษาประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อขอความคิดเห็นจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยจะดำเนินการขอความคิดเห็นจากพรรคร่วมฝ่ายค้านต่อไป
ขณะที่ คุณหญิง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทยไม่อาจนิ่งดูดายกับความทุกข์ความเดือดร้อนและวิกฤตที่เกิดขึ้นได้ จึงได้มีการประชุมกันเพื่อหาทางออก ซึ่งมาตรการที่กลับไปกลับมาของรัฐบาล ได้สร้างความสับสนและไม่มั่นใจให้กับประชาชน จนกระทบกับเศรษฐกิจในพื้นที่อย่างมาก ส.ส.พรรคเพื่อไทย จึงไม่อาจนิ่งดูดาย และได้ลงชื่อร่วมกันเพื่อเสนอให้สภาพิจารณาเปิดประชุมวิสามัญพิจารณาญัตติเร่งด่วนดังกล่าว
คุณหญิง สุดารัตน์ กล่าวว่า ปัญหาวิกฤตการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่รุนแรงมากขึ้น และองค์การอนามัยโลกได้ประกาศให้เป็นการระบาดครั้งใหญ่ พรรคเพื่อไทย มีความห่วงใยอย่างมาก ทั้งการระบาดในระดับโลก และการระบาดในประเทศไทย ที่มีตัวเลขผู้ป่วยสูงขึ้นทุกวัน ซึ่งก็เกรงว่าหากมีการแพร่ระบาดในระยะที่ 3 แล้วรัฐบาลจะรับมืออย่างไร รวมไปถึงปัญหาแรงงานไทย ที่เดินทางกลับมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง ซึ่ง ส.ส.ของพรรคได้รับการร้องเรียนจากแรงงานส่วนหนึ่งว่าไม่สามารถเดินทางกลับมาได้ และเมื่อเดินทางกลับมาถึงประเทศไทยแล้วก็มีความสับสนในมาตรการของรัฐ ทั้งเรื่องการกักกัน มาตรฐานการเฝ้าระวังต่างๆ แม้กระทั่งกรณีการส่งตัวแรงงานกลับภูมิลำเนา จนเกิดความวุ่นวายในพื้นที่ รวมไปถึงการขาดแคลนอุปกรณ์ที่ประชาชนจะใช้ในการดูแลตัวเองโดยเฉพาะหน้ากากอนามัย ซึ่งสะท้อนการทำงานที่ไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาลชุดนี้
ดังนั้น พรรคเพื่อไทย จึงมีเรียกร้องดังนี้
1. ยกระดับการแก้ไขปัญหา ให้มีมาตรฐานสูงขึ้น เพื่อรองรับการระบาดที่เพิ่มขึ้น
2. ให้ปรับปรุงมาตรฐานการป้องกันและควบคุมการระบาดของโรค ทั้งการป้องกันการเผยแพร่เชื้อจากต่างประเทศ และการระบาดภายในประเทศให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งที่ผ่านมาสับสนจนเกิดความไม่มั่นใจ และขอเรียกร้องให้รัฐบาลสนับสนุนการทำงานของนักระบาดวิทยา ให้มีการตั้งศูนย์ในระดับพื้นที่ เขตและจังหวัด ให้มีประสิทธิภาพเพียงพอและมีอำนาจในการบริหารจัดการ โดยเฉพาะพื้นที่เมืองใหญ่ และกรุงเทพมหานคร รวมทั้งขอให้ท้องถิ่นได้มีส่วนร่วมในการควบคุมการระบาดอย่างจริงจังเพื่อให้การควบคุมมีประสิทธิภาพ
3. แก้ไขปัญหาหน้ากากอนามัยอย่างมีประสิทธิภาพและไร้ทุจริต พร้อมทั้งดำเนินการกับบุคคลที่หาผลประโยชน์จากการทุจริตหน้ากากอนามัย ซึ่งเรื่องนี้ พรรคเพื่อไทยจะดำเนินการยื่นเรื่องให้คณะกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภค และ คณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ตรวจสอบต่อไป
4. เรียกร้องให้รัฐบาลเตรียมความพร้อมด้านการแพทย์ เพื่อรองรับการระบาดที่มากขึ้น และอาจเข้าสู่ระยะที่ 3 ทั้งด้านสถานที่ เครื่องมือ เวชภัณฑ์และบุคลากร
5. เรียกร้องให้รัฐบาลมีมาตรการที่ชัดเจนในการแก้ไขปัญหาแรงงานไทยที่เดินทางกลับมาจากการทำงานในต่างประเทศ ไม่ควรปล่อยให้แรงงานขาดความรู้ความเข้าใจ ซึ่งจะเป็นช่องโหว่ที่ทำให้เกิดความผิดพลาด และได้เห็นตัวอย่างจากต่างประเทศมาแล้ว ซึ่ง ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่อยู่ในพื้นที่ พร้อมให้ความร่วมมือช่วยเหลือในเรื่องนี้
6. การให้ข้อมูลข่าวสารของรัฐบาลยังมีความสับสน จึงอยากให้มีความชัดเจนและตรงไปตรงมาไม่ปิดบัง เพื่อไม่ให้เกิดความวิตกในหมู่ประชาชน
นอกจากนี้ พรรคเพื่อไทย ยังมีมติให้เปิดศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์และติดตามตรวจสอบการแก้ไขปัญหาโควิด-19 ของรัฐบาล เพื่อรับเรื่องราวร้องทุกข์และเผยแพร่ข้อมูลในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสชนิดนี้ และสะท้อนปัญหาไปยังรัฐบาล โดยจะดำเนินการเปิดศูนย์ฯ ภายในสัปดาห์หน้า