“พีระพันธุ์” เตรียมเสนอ กมธ.ศึกษาแนวทางแก้ไขข้อมูล รับฟังความเห็นนักศึกษา ระบุโควิด-19 เป็นอุปสรรคลงพื้นที่รับฟังความเห็น เบื้องต้นรับฟังผ่านโซเชียลมีเดีย
วันนี้ (5 มี.ค.) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่านายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้จัดเวทีรับฟังความเห็นประชาชนเกี่ยวกับผลกระทบเศรษฐกิจ โดยเฉพาะผลกระทบเพิ่มเติมจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยไม่มีใครคาดคิดมาก่อน ขณะที่รัฐบาลคิดโครงการช่วยเหลือประชาชนในรูปแบบต่างๆ อยู่ก่อนแล้ว แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป มีผลกระทบหลายด้าน นายกรัฐมนตรีจึงคิดว่าจะได้มีโอกาสพูดคุยกับประชาชนทุกกลุ่มให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อรับทราบปัญหาประชาชนแต่ละกลุ่มว่าได้รับผลกระทบต่อการประกอบอาชีพ การประกอบธุรกิจอย่างไรบ้าง เพื่อเป็นฐานข้อมูล กําหนดโครงการต่างๆ ให้ตอบสนองความต้องการของประชาชน โดยวันนี้จะมี 3 กลุ่ม คือ 1.) เกษตรกรชาวนาชาวไร่ 2.) ประชาชนทั่วไป และ 3.) ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม ที่ทำเนียบรัฐบาลประมาณเวลา 14.00 น. ซึ่งเวทีรับฟังความคิดเห็นนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับประเด็นการเมือง
นายพีระพันธุ์ยังกล่าวในฐานะประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์ และแนวทางแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญปี 2560 ถึงแนวทางการรับฟังความคิดเห็นนิสิตนักศึกษาว่า มีกรรมาธิการหลายคนมาหารือ โดยการนำเรื่องเข้าสู่การหารือในคณะกรรมาธิการวันนี้ โดยผู้ที่จะดูแลเรื่องนี้คืออนุกรรมาธิการประชาสัมพันธ์และรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ที่มีนายวัฒนา เมืองสุข เป็นประธาน ซึ่งรับผิดชอบเรื่องการรับฟังความเห็นอยู่แล้ว
นายพีระพันธุ์กล่าวว่า เบื้องต้นคณะกรรมาธิการได้ติดต่อไปถึงอธิการบดีหลายมหาวิทยาลัยเพื่อเตรียมลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็น แต่ติดปัญหาเรื่องการชุมนุมเยอะๆ ไม่ได้ จึงยังไม่ได้เตรียมกำหนดการไว้ ซึ่งขณะนี้นักศึกษามีการชุมนุม Flash Mob กัน และวันหนึ่งก็จะเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ จึงควรรับฟังความเห็นของนักศึกษาด้วย
ส่วนการรับฟังความเห็นในต่างจังหวัด นายพีระพันธุ์กล่าวว่า ยังไม่ได้ยกเลิก แต่ต้องเลื่อนออกไปเนื่องจากผู้ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการควบคุมไวรัสโควิด-19 เตือนให้ระมัดระวัง และทางพื้นที่ก็ไม่สะดวกเหมือนกัน เบื้องต้นจึงใช้พื้นที่ทาง Social Media และเว็บไซต์ของคณะกรรมาธิการเพื่อรับฟังความคิดเห็น
ส่วนปัญหาและอุปสรรคจะทำให้ต้องต่ออายุการทำงานของคณะกรรมาธิการหรือไม่ นายพีรพันธุ์กล่าวว่า ไม่สามารถต่อเวลาได้ เนื่องจากปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎรแล้ว และเท่าที่ประเมินจากงาน ก็คิดว่าไม่ต้องต่ออายุ ซึ่งหลังจากนี้คณะกรรมาธิการจะประชุมกันทุกวันพฤหัสและวันศุกร์ ควบคู่ไปกับการทำงานของคณะอนุกรรมาธิการรับฟังความเห็นประชาชน และคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาเนื้อหารายประเด็นซึ่งคืบหน้าไปกว่าร้อยละ 50 แล้ว